วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตัวอย่างหนังใหม่ 1911 ใหญ่ผ่าใหญ่

ตัวอย่างหนังใหม่จาก www.youtube.com
ชื่ออังกฤษ 1911
ชื่อไทย ใหญ่ผ่าใหญ่
ประเภทหนัง Drama/History/War
ผู้กำกับ -
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 03 November 2011
ความยาวหนัง -
นักแสดง เฉินหลง, วินสตัน เชา, หลี่ปิงปิง


ตัวอย่างหนังใหม่ ตัวอย่างหนังใหม่ 1911 ใหญ่ผ่าใหญ่ | เรื่องย่อ
1911 (หนึ่งเก้าหนึ่งหนึ่ง) เล่าถึงเหตุการณ์ “การปฏิวัติชินไฮ่” ในปีค.ศ.1911 เมื่อกลุ่มนายทหารลุกขึ้นมาต่อต้านการปกครองแบบราชวงศ์ ของราชวงศ์ชิงที่มีมานานกว่า 267 ปีและยุติการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มีมากว่า 2,000 ปี พร้อมกับ สถาปนาการปกครองแบบ สาธารณรัฐ ขึ้น เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านตัวละครที่มีบทบาทในการปฎิวัติอย่าง แม่ทัพหวงซิ่ง (เฉินหลง) และเขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง และเป็นผู้นำคณะปฎิวัติของ ดร.ซุนยัดเซน (วินสตัน เชา) เขาได้ต่อสู้กับกองทัพของจักรพรรดิจนสามารถเอาชนะได้ โดยมี ซูจงฮั่น (หลี่ปิงปิง) ภรรยาเป็นที่ปรึกษาและคอยให้กำลังใจ



ตัวอย่างหนังใหม่ 30 Gum-Lung-Jal 30 กำลังแจ๋ว

ตัวอย่างหนังใหม่จาก www.youtube.com
ชื่ออังกฤษ 30 Gum-Lung-Jal
ชื่อไทย 30 กำลังแจ๋ว
ประเภทหนัง Romantic/Comedy
ผู้กำกับ คิง สมจริง ศรีสุภาพ
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 03 November 2011
ความยาวหนัง -
นักแสดง อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ, เคน ภูภูมิ พงศ์ภานุ


ตัวอย่างหนังใหม่ 30 Gum-Lung-Jal 30 กำลังแจ๋ว | เรื่องย่อ
"จ๋า" สาวเอเจนซี่ โมษณาวัยย่าง 30 กำลังแจ๋วไปซะทุกเรื่อง ทั้งรูปร่างหน้าตาที่แสนจะแจ่มเจิดจรัสเต็มดีกรี หน้าที่การงานกำลังไปได้สวย. เธอมีไลฟ์สไตล์สุดเริ่ดกับการรับจัดปาร์ตี้เฮาส์แฮงเอ้าท์เฮฮากับเพื่อนๆ และมีชีวิตรักสุดเปอร์เฟ็กต์กับ"นภ" กัปตันหนุ่มรูปงามที่บ่มความรักกันมาตั้ง7 ปี ถึงมันจะย่างเลข 3 ในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว แต่เธอช่างมีความสุขเหลือเกิน ช่วงเวลานี้ช่างเป็นเวลา "30กำลังแจ๋ว" ของเธอจริงๆ

เค้กก้อนโตบนโต๊ะ ปักเทียนเลข 3 และ 0 "จ๋า" ฉลองวันเกิดกับ"กัปตันนภ" อย่างมีความสุข ทุกฝันในชีวิตของเธอที่มีเขาอยู่เคียงข้างค่อยๆถูกถ่ายทอดออกมาให้ผู้ชายที่เธอรักฟังจนหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้านของเรา งานแต่งงานของเรา จนกระทั่งถึงเรื่องลูกของเรา โดยที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า..ทันทีที่เธอพรั่งพรูความฝันออกมากองพร้อมแพลนชีวิตทั้งหมด มันทำให้ "กัปตันนภ" เกิดความกลัวว่าเขาจะสูญเสียพื้นที่ความอิสระส่วนตัวของเขาไป เขาจึงขอถอยห่างความสัมพันธ์กับจ๋าในวันที่จ๋าถูกจัดว่าเป็นสาวเต็มวัย 30 พอดิบพอดี

"จ๋า"ตะโกนก้องดังๆในใจว่า "มาขอห่างๆอะไรกันตอนฉันอายุสามสิบ ฉันจะเริ่มกับใครใหม่ได้ !!!!!!! " แต่เธอหารู้ไม่ว่าจุดสิ้นสุดของบางสิ่ง จะเป็นจุดเริ่มต้นของอีกหลายสิ่งเช่นกัน และจุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์ในวันที่อายุ 30 มันกำลังจะกลายเป็นวันแห่งการเริ่มต้นที่จะทำให้ 30 ของเธอกลายเป็น 30 กำลังแจ๋ว.. ยกกำลังความแจ๋ว ดับเบิ้ลแจ๋ว ชนิดที่ตัวเธอเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะแจ๋วได้ขนาดนี้

เทียนบนเค้กเปลี่ยนเลขไป "จ๋า" ฉลองวันเกิดอีกปีกับบรรดาเพื่อนซี้สุดเปรี้ยว อันมี ป้าอ้วน, เจ๊ใหญ่, ซี,ยุ้ย และ "เซ็น" หนุ่มเซอร์รุ่นน้องผู้ช่วยของเธออย่างสนุกสนานโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอไปติดตราตรึงใจหนุ่มน้อยอีกคนหนึ่งนามว่า"ปอ" หรือ "รศิต"หนุ่มน้อยหน้าตาแจ่มแจ๋ว เจ้าของรอยยิ้ิมสดใส แววตาเต็มไปด้วยความร่าเริงเปิดเผย ที่สำคัญเขาอายุน้อยกว่าเธอ 7 ปี และ มีความเชื่อว่า “จากสถิติล่าสุดเท่าที่มีการสำรวจอายุขัยของคนเราพบว่าผู้ชายเสียชีวิตก่อนผู้หญิงประมาณ 7 ปี พี่เกิดก่อนผม 7 ปี ถ้าผมกับพี่แต่งงานกัน แล้วเป็นไปตามนั้นผมก็จะตายพร้อมๆกับพี่พอดีแหล่ะ ไม่ดีเหรอจะได้ไม่ต้องทิ้งให้อีกคนร้องไห้ไว้ข้างหลัง”

"30 ช่างยกกำลังแจ๋วสุดๆ"...ในความรู้สึกของ"จ๋า" หัวใจเธอกำลังยิ้ม และ มีชีวิตชีวาไปกับสารพัดความพยายามของ เจ้าเด็กปรสิต (ปอ + รศิต)เขากระตือรือร้น ที่จะทำให้เธอมั่นใจ และ เชื่อใจตามคำพูดของเขาว่า "พี่เป็นคนพิเศษสำหรับผมนะ จนผมลืมไปแล้วว่าพี่อายุเท่าไหร่"

ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มน้อย"เซ็น" ผู้ช่วยสุดเซอร์หน้าตาอินเทรนด์...."จ๋า" ยอมรับว่าส่วนหนึ่งในรอยยิ้มของเธอมาจากความชิลด์ๆของเขา...เขาชิลด์กับทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เธออายุมากกว่า 7 ปี เขาก็ยังทำให้เธอรู้สึกชิลด์ตามไปด้วยได้ และที่ยิ่งแจ๋ว..เกินใจเธอจะคาดคิด"กัปตันนภ" ผู้ชายมาดอบอุ่น สุขุม ภูมิฐาน เขาขอกลับมาขอคืนดีในวันที่ทิ้งเธอไปครบหนึ่งปี..




ตัวอย่างหนังใหม่ Killer Elite 3 โหดโคตรพันธุ์ดุ

ตัวอย่างหนังใหม่จาก www.youtube.com
ชื่ออังกฤษ Killer Elite
ชื่อไทย 3 โหดโคตรพันธุ์ดุ
ประเภทหนัง Action
ผู้กำกับ Gary McKendry
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 03 November 2011
ความยาวหนัง -
นักแสดง Jason Statham, Clive Owen, Yvonne Strahovski, Dominic Purcell, Robert De Niro


ตัวอย่างหนังใหม่ Killer Elite 3 โหดโคตรพันธุ์ดุ | เรื่องย่อ
Killer Elite จากเรื่องจริงของอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ SAS (สแตแธม) ที่ถูกบีบให้กลับมาบู๊อีกครั้งเมื่อผู้ฝึกสอนที่เขารักเหมือนพ่อ (เดอ นีโร) ถูกลักพาตัวไปโดยแก๊งของนักฆ่า สไปค์ (โอเว่น)

When his mentor is taken captive, a retired member of Britains Elite Special Air Service is forced into action. His mission: kill three assassins dispatched by their cunning leader.



วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

'UFO'-'ลูกแสง'แห่โผล่แดนหมีขาว กลาโหมยันไม่ใช่มิสไซล์





ที่รัสเซีย มีรายงานการพบเห็น ยูเอฟโอ บินอยู่เหนือเมืองกาการิน ซึ่งตั้งชื่อตามยูริ กาการิน มนุษย์อวกาศคนแรกของโลก ขณะที่อีกรายงานหนึ่งระบุว่า พบแสงสีแดงลึกลับ 6 จุด บินเหนือน่านฟ้าไซบีเรีย...







สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 27 ต.ค. ว่า มีรายงานการพบเห็นวัตถุบินลึกลับ หรือยูเอฟโอ หลายครั้งในประเทศรัสเซีย โดยรายงานแรกมาจากนักบินของเครื่องบินเล็กขนาด 6 ที่นั่ง ขณะบินกลับกรุงมอสโก จากกรุงลอนดอน เขากล่าวว่า พบวัตถุลึกลับมีไฟลุกท่วม พุ่งอยู่เหนือเมืองกาการิน ทางตะวันตกของประเทศรัสเซีย ด้วยความเร็วสูง และบินหายไป



ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา มีรายงานว่า พบเห็นดวงแสงสีแดงลึกลับ 6 จุด ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า ในแคว้นไซบีเรีย ในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่แล้ว ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการทำการทดสอบขีปนาวุธ หรือภารกิจทางทหารใดๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง หรือในเมืองกาการินในวันดังกล่าวแต่อย่างใด



ด้านนายอันเดรย์ ฟิลิปอฟ ผู้เห็นแสงลึกลับ เล่าว่า เขากับลูกสาวกำลังเดินออกจากห้างสรรพสินค้า และเห็นจุดสีแดง 6 จุด เคลื่อนไหวอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งในตอนแรกพวกมันเคลื่อนที่จากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก จากนั้นจุดสีแดงจุดหนึ่งก็แยกตัวออกไป ส่วนที่เหลือก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางเดิม.







บความทิ้งท้าย ก่อนจะอพยบหนีน้ำท่วม......ไปละเว้ย...





ที่มา : ไทยรัฐ

____________________

เครดิต :

________________________________

นักวิทยาศาสตร์พบยีนมนุษย์ต่างดาวในดีเอ็นเอของมนุษย์





อารยธรรมของมนุษย์ขั้นสูง กระจายอยู่ทั่วในกาแล็กซี่?



โดยจอห์นสโตคส์







กลุ่มของนักวิจัยที่ทำงานในโครงการ Human Genome

ระบุว่าพวกเขาทำการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่น่าพิศวง :

พวกเขาเชื่อว่า 97% ที่ไม่ใช่การเข้ารหัสในลำดับดีเอ็นเอของมนุษย์

มันคือ รหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตนอกโลก



ลำดับที่ไม่ใช่การเข้ารหัสจะพบได้จาก ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก โดยมีตัวแม่แบบ ตั้งแต่ ปลา ไปจนถึง มนุษย์

ในดีเอ็นเอของมนุษย์ที่พวกเขาถือเป็นส่วนหนึ่งของจีโนมขนาดใหญ่ทั้งหมด

ศาสตราจารย์ ดร. แซมชาง (Sam Chang) , หัวหน้าโครงการกล่าวว่า



ลำดับที่ปลอดการเข้ารหัส แต่เดิมเรียกว่า"ดีเอ็นเอขยะ" (junk DNA) , ถูกค้นพบปีที่ผ่านมา

และการทำงานของพวกมันยังคงลึกลับ ส่วนใหญ่ที่ครอบงำของดีเอ็นเอของมนุษย์คือ "Off-world"

ในต้นกำเนิด เห็นได้ชัด ว่า "ยีนขยะต่างดาว" เพียงแค่ "เพลิดเพลินกับการอาศัย" (ต้นฉบับ "extraterrestrial junk genes" merely "enjoy the ride" ) กับยีนที่อาศัย ที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น








ภาพวาดมนุษย์หญิงต่างดาว จากความเห็นของ Eyewitness Asket, , อ้างอิง : www.gaiaguys.net


หลังจากที่ทำการวิเคราะห์ที่ และด้วยความช่วยเหลือของนักวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ,

การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์, นักคณิตศาสตร์และนักวิชาการได้เรียนรู้อื่น ๆ

ศาสตราจารย์ แซมช้าง สงสัยว่า "ดีเอ็นเอขยะของมนุษย์" ที่ถูกสร้างขึ้นโดย

 "โปรแกรมเมอร์ต่างดาว"บางส่วน



ยีนมนุษย์ต่างดาว ภายในชิ้นส่วน ดีเอ็นเอของมนุษย์ ศาสตราจารย์ช้าง สังเกตว่า

"มีหลอดเลือดดำของตัวเอง, หลอดเลือดและระบบภูมิคุ้มกันของตัวเองที่แรงต่อต้านยาต้านโรคมะเร็งทั้งหมดของเรา."



ศาสตราจารย์ชาง กล่าวว่า "สมมติฐานของเราที่รูปแบบชีวิตต่างดาวทชั้นสูง

กำลังทำภาระกิจในการสร้างชีวิตใหม่และการปรับเปลี่ยน DNA กับดาวเคราะห์ต่างๆ.

โลกเป็นเพียงหนึ่งในภาระกิจของพวกเขา.









บางที ผู้สร้างอาจเขียนโปรแกรมที่ของเราเติบโตแบบเดียวกับ วิธีที่เราเติบโตจากแบคทีเรีย



เราไม่อาจทราบแรงจูงใจของพวกเขา --. ไม่ว่าจะเป็นทดลองทางวิทยาศาสตร์

หรือวิธีการของการเตรียมดาวเคราะห์ใหม่สำหรับการล่าอาณานิคม

หรือเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่องทางภาระกิจ ของการปลูกต้นกล้าชีวิตในจักรวาล".





ศาสตราจารย์ชางกล่าวต่อไปว่า "ถ้าเราคิดเกี่ยวกับ DNA ในแง่ของมนุษย์เราที่เห็นได้ชัด"

โปรแกรมเมอร์ต่างดาว "ส่วนใหญ่อาจจะทำภาระกิจใน "one big code" ประกอบด้วยหลายโครงการ

และมีโครงการที่มีการผลิตรูปแบบของชีวิตที่หลากหลายสำหรับดาวเคราะห์ต่างๆ

พวกเขายังพยายามแก้ปัญหาต่างๆ. พวกเขาเขียน "the big code" และกำลังดำเนินการนั้น





นอกจากนี้ ทีมงานนักวิจัยของ ศาสตราจารย์ชาง สรุปว่า"ชัดเจน"โปรแกรมเมอร์ต่างดาว

"อาจได้รับการสั่งให้ตัดแผนการอุดมคติของพวกเขาทั้งหมดในอนาคตเมื่อพวกเขามีตั้งอกตั้งใจใน"โครงการ Earth project " เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่กำหนด.





ศาสตราจารย์ชางเป็นเพียงหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์หลายคนและนักวิจัยอื่น ๆ ที่มีการค้นพบต้นกำเนิดนอกโลกเพื่อมนุษยชาติ





ผู้ประสานงานโครงการจีโนมมนุษย์หาหลักฐานที่แน่นอนของการติดต่อข้างนอกกับ'มนุษย์โลกผ่านทางหลักฐานดีเอ็นเอ







ศาสตราจารย์ชางต่อไปแสดงให้เห็นว่า"สิ่งที่เราเห็นอยู่ใน DNA ของเรา

เป็นโปรแกรมที่ประกอบด้วยสองรุ่นเป็นรหัสขนาดใหญ่และรหัสพื้นฐาน.

" ศาสตราจารย์ชางจึงต้องย้ำว่า"  ความเป็นจริงเป็นครั้งแรกคือ 'โปรแกรม' สมบูรณ์เป็นบวก

ไม่ได้เขียนบนโลก  นั่นคือตอนนี้ความเป็นจริง

ความจริงต่อมาคือ ยีนโดยตัวเองไม่พอที่จะวิวัฒนาการ. จะต้องมี บางสิ่งบางอย่างมากขึ้นในวิวัฒนาการ








ศาสตราจารย์ ดร. แซมชาง (Sam Chang)






"เร็ว ๆ นี้", ศาสตราจารย์ชางกล่าวว่า"เราจะต้องมาจับกับความคิดที่ไม่น่าเชื่อที่มีชีวิตบนโลกทุก carries รหัสพันธุกรรมสำหรับเพื่อนพี่น้องจากนอกโลก และวิวัฒนาการที่ไม่ได้เป็นสิ่งที่เราคิดว่ามันเป็น."





สำหรับการวิวัฒนาการของมนุษย์และส่วนมากของมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้

ได้รับอนุญาตให้บางส่วนของบุคลากรที่จะจุติลงมาเป็น 'เมล็ดพันธุ์แห่งดาวดาว' ในครอบครัวของโลกมนุษย์ เหล่านี้



"เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว","เด็กดาว"หรือ"คนดาว"จะมีคำอธิบายโดย Brad Steiger Francie

เป็นบุคคลที่มี'จิตวิญญาณ' อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเกิดมาในโลกของระบบดาวอื่น ๆ



และจากนั้นเดินทางไปยังโลกและตัดสินใจที่จะจุติลงมาที่นี่เพื่อ "เพิ่ม"การพัฒนาวิวัฒนาการของจิตวิญญาณของมนุษยชาติ



ส่วนใหญ่ของมวลมนุษยชาติจะพิจารณากลุ่มของมนุษย์ต่างดาวนี้จะมี'ใจดี'ตามที่อธิบายไว้โดย'contactees'เช่น contactees' such as George Adamski, Orfeo Angelucci, George Van Tassell, Howard Menger, Paul Villa, Billy Meier and Alex Collier



ซึ่งแต่ละคำอธิบายธรรมชาติของพวกเขา การปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ต่างดาวอาสาสมัครเหล่านี้

กำลังมองหาของมนุษย์ เหล่านี้"contactees"

มักจะให้หลักฐานทางกายภาพในรูปแบบของภาพภาพยนตร์และ / หรือพยานของผู้ติดต่อของพวกเขาที่มีเชื้อชาติต่างดาว contactee มากที่สุดอย่างกว้างขวาง

และเอกสารการวิจัยเป็น Meier Eduard 'บิลลี่' ที่ให้หลักฐานทางกายภาพมากสำหรับการตรวจสอบ





















ที่มา : http://www.agoracosmopolitan.com/home/Frontpage/2007/01/08/01288.html

____________________

เครดิต :

________________________________

คิมฮยอนจุง (Kim Hyun Joong) หน้าบานเพราะได้ความรักจากแฟนๆ เพียบ!



ดารานักร้องชื่อดังเกาหลี คิมฮยอนจุง (Kim Hyun Joong) ดีใจจนออกนอกหน้าสุดๆ ในคลิปวีดีโอการมาเยี่ยมเยียนแฟนคลับประเทศอื่นๆ ที่นอกเหนือจากเกาหลี งานนี้หนุ่มเกาหลียิ้มหน้าบานตลอดงานด้วยความดีใจ เพราะได้ความรักจากแฟนๆ เพียบ! ดูได้จากจำนวนแฟนคลับที่มาร่วมงานแล้ว ไม่ปลิ้มก็ไม่รู้จะว่ายังไงล่ะ!

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา YouTube Channel ของคิมฮยอนจุง (Kim Hyun Joong) ได้อัพเดทวีดีโอคลิปรวมภาพบรรยากาศการไปมีตติ้งแฟนคลับของ นักร้องหนุ่มที่่ผ่านมาในงาน Kim Hyun Joong Asia Tour ซึ่งนอกจากเกาหลีแล้ว ยังมีในต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิฟฟินส์ ซึ่งในประเทศสิงคโปร์นั้น อัลบั้มของเขายังได้รางวัล Platinum Disc Award อีกด้วย




ภาพบรรยากาศแฟนๆ จำนวนมหาศาลที่ไม่ได้มีเพียงในเกาหลีเท่านั้น ทำให้คิมฮยอนจุงยิ้มหน้าบานตลอดงาน และยังดูจะใส่ใจแฟนคลับทุกๆ คนอย่างเต็มที่ ทำให้แฟนคลับในแต่ละประเทศกลับบ้านไปพร้อมอาการปลื้มไปตามๆ กัน

ขณะนี้คิมฮยอนจุง ได้เปิดตัวมินิอัลบั้มใหม่ของเขาแล้ว โดยส่งเพลง Luck Guy ออกมาจนติด Top Chart ไปเรียบร้อยที่ประเทศเกาหลี ซึ่งคาดว่าไม่นาน คงจะได้มีการทัวร์คอนเสิร์ตและมาพบกับแฟนๆ ในต่างประเทศแบบนี้อีกอย่างแน่นอน

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คิมฮยอนจุง (Kim Hyun Joong) กับ ซอฮยอน (SeoHyun) คุยอะไรกันระหว่างถ่ายทำโฆษณา?




คิมฮยอนจุง (Kim Hyun Joong) ดารานักร้องชื่อดังเกาหลีเผยข้อความฉบับสมบูรณ์ เรื่องที่ว่าเขาคุยอะไรกันกับ ซอฮยอน (SeoHyun) หนึ่งในเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง Girl's Generation ในระหว่างที่ทั้ง 2 คนถ่ายโฆษณาเดียวกันของ The Face Shop

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ดารานักร้องเกาหลีสุดหล่ออย่างคิมฮยอนจุง (Kim Hyun Joong) ได้แถลงข่าวเปิดตัวมินิอัลบัมชุดที่ 2 ของเขา ซึ่งในระหว่างการให้สัมภาษณ์นั้น เขาก็ได้ถูกถามเรื่องของการถ่ายโฆษณาของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตัวล่าสุดที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ กับนักร้องสาวซอฮยอน (SeoHyun) แห่ง SNSD ซึ่งทั้งนักข่าวและแฟนคลับ ต่างให้ความสนใจกันมากเลยทีเดียว

คิมฮยอนจุงกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าผมและซอฮยอนจะขี้อายและประหม่าเวลาอยู่กับคนที่ไม่คุ้นเคย เช่นตอนที่เราถ่ายโฆษณา แต่ดูเหมือนซอฮยอนจะมีอาการน้อยกว่าผม"  "เธอเข้ามาทักผมก่อนด้วยการพูดว่า" "กินอะไรแล้วหรือยังค่ะ?" แล้วผมก้อตอบเธอไปว่า "กินแล้วครับ" แล้วผมก้อไม่รู้จะพูดอะไรดีต่อจากนั้น เลยทำให้เราทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยจนกระทั่งถ่ายโฆษณาเสร็จ

หลังจากที่ถ่ายโฆษณาเสร็จแล้ว ผมเลยถามว่า "เมื่อไหร่เพลงใหม่ของ SNSD จะออกครับ" และเธอก็ตอบผมว่า "มันช้ากว่าที่คิดค่ะ" นี่แหละครับ บทสนทนาฉบับสมบูรณ์ระหว่างผมกับซอฮยอน

ซึ่งเมื่อทุกคนได้ฟังเรื่องที่เขาเล่าแล้วก็พากันนขำกันใหญ่



CF ของ The Face Shop ที่ถ่ายร่วมกัน


[Photo] ภาพไอดอลเกาหลี TOP Taeyang Seungri ในงาน Busan K-POP Super Concert 2011

รูปเกาหลี,ดาราเกาหลี, mv เกาหลี, ข่าวเกาหลี, บันเทิงเกาหลี, คลิปเกาหลี

[Photo] ภาพไอดอลเกาหลี TOP Taeyang Seungri ในงาน Busan K-POP Super Concert 2011














วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คุณคือ “ผู้มาเยือนจากนอกโลกที่กำลังหลับใหลอยู่” (The Sleeping ET) หรือไม่?











ชุดคำถามสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อดูว่าคุณเป็นหนึ่งใน

“ผู้มาเยือนจากนอกโลกที่กำลังหลับใหลอยู่” (The Sleeping ET) หรือไม่?




(ชุดคำถามเหล่านี้ ตัดตอนมาจากหนังสือของ Dr.Scott Mandelker ชื่อ “From Elsewhere”

และได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)



คุณอาจจะเป็นหนึ่งใน “ผู้พเนจรจากนอกโลก” (ET Wanderer) ก็ได้ ถ้าคุณมีลักษณะดังนี้....





1). ตอนเป็นเด็ก คุณมักจะเพ้อฝันหรือปล่อยความคิดไปตามอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ,

UFO, โลกอื่นๆ, การท่องอวกาศ และชีวิตความเป็นอยู่ของดินแดนในฝันอยู่เสมอๆ



จนบางทีครอบครัวของคุณยังเคยคิดเลยว่า “คุณออกจะดูเพี้ยนๆอยู่สักหน่อย” แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม





2). คุณเคยรู้สึกว่าพ่อแม่ของคุณ ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของคุณ เพราะว่าครอบครัวที่แท้จริงของคุณ

อยู่ไกลแสนไกลออกไป และซุกซ่อนอยู่



บางทีคุณก็เคยคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวคุณ “มันไม่ได้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น”

และมันก็ทำให้คุณหวนระลึกได้ว่า “ชีวิตจริงของคุณอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง..ที่ไกลออกไป”



ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดและซึมเซาอย่างมาก คุณรู้สึกว่า “คุณมาอยู่ในที่ๆไม่ใช่ที่ของคุณ”





3). คุณเคยมีประสบการณ์อย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง เกี่ยวกับ UFO (ไม่ว่าจะเป็นในฝันหรือตอนที่กำลังตื่นอยู่ก็ตาม)

ซึ่งทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก



เพราะว่าประสบการณ์เหล่านั้นได้ช่วยไขข้อข้องใจให้กับคุณ, จุดประกายความหวังและความเชื่อมั่นให้กับคุณ,

และทำให้ชีวิตของคุณมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม



นับตั้งแต่นั้นมา คุณก็รู้ว่าคุณได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันเป็นเหมือนเสียงเรียก ปลุกให้คุณตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ

และมันได้ช่วยเปลี่ยนชีวิตของคุณ





4). โดยธาตุแท้ของคุณแล้ว คุณเป็นคนที่ใจดี, สุภาพอ่อนโยน, ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร, รักสงบ และไม่ก้าวร้าว

(บางครั้งอาจจะมีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่มี)



และในสถานการณ์ใดๆ ที่จะต้องมีใครซักคนยอมเสียสละทำอะไรซักอย่างหนึ่ง

คนๆนั้นก็มักจะเป็นคุณ เพราะมันเป็นนิสัยที่ชอบเสียสละของคุณอยู่แล้ว



การกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนแบบมนุษย์โลกทั่วไป, ความรุนแรง และสงครามการสู้รบที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ของผู้คนบนโลกใบนี้ เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมากสำหรับคุณ

เพราะว่าคุณจะไม่เข้าใจความโกรธแค้น และความเดือดดาลอะไรแบบนี้เลย





5). คุณเป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการรู้เท่าทันความชั่วและการใช้เล่ห์เหลี่ยมของคนอื่น

บางคนจึงเรียกคุณว่า “คนซื่อบื้อ” (แต่เขาก็พูดถูกนะ)



เมื่อความชั่วร้ายที่แท้จริง ได้เข้ามาสู่การรับรู้ของจิตใจของคุณ คุณจะล่าถอยไปอยู่ในความหวาดกลัวและขยะแขยง



และบางทีคุณอาจจะรู้สึกช็อคที่ได้รู้ว่า “มีคนบางคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายขนาดนั้นได้จริงๆ”



ลึกๆภายในใจแล้ว คุณก็รู้สึกสับสน บางครั้งคุณก็จะมีความรู้สึกลางๆว่า เคยรู้จักโลก

ที่ปราศจากความแตกแยกกันแบบบนโลกนี้มาก่อนแล้ว ที่ไหนซักแห่งหนึ่ง





6). คุณอุทิศชีวิตของคุณเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (คนในครอบครัว, มิตรสหาย,

หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับคุณในสายอาชีพการงาน)



และคุณก็พยามคิดหาวิธีที่จะทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น แม้ว่ามันอาจจะถูกมองว่าเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาหรือซื่อบื้อก็ตาม

แต่คุณก็มีความหวังอยู่ลึกๆและอย่างจริงใจว่ามันอาจจะช่วยทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้จริงๆ



และคุณจะรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจอย่างมาก เมื่อพบว่าความหวังและความฝันเหล่านั้นมันไม่กลายเป็นจริง





7). คุณเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ (Scientific temperament)

แต่คุณก็ดำเนินชีวิตด้วยความความสงบเยือกเย็น, มีเหตุผล, และระมัดระวัง



กิเลสและตัณหาในแบบของมนุษย์เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับคุณ มันจึงทำให้คุณงง



จริตและอารมณ์ความรู้สึกทุกชนิดของมนุษย์โลก เป็นสิ่งที่แตกต่างจากธรรมชาติของคุณ



คุณจะใช้ความคิดในการวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณเสมอ

จนคนอื่นๆมักบอกว่าคุณอยู่แต่ในความคิดของตนเอง ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง



(หมายเหตุ: ลักษณะต่อไปนี้ไม่ค่อยมีมากนัก และบางทีวารสารเกี่ยวกับรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย

อาจจะไม่นำมารวมไว้ด้วยก็ได้ คือ



“พวกเขาอาจจะเป็นคนขี้สงสัยอย่างมาก” และคนที่ขี้สงสัยอย่างมากเหล่านี้

บางคนก็อาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะก็ได้)





8). คุณเป็นคนที่หลงใหลในนิยายวิทยาศาสตร์, วรรณคดี-ละคร-ภาพยนตร์แฟนตาซี

(เช่น เรื่อง The Lord of the Rings เป็นต้น) , รวมถึงงานศิลปะที่ออกแนวเพ้อฝัน เป็นอย่างมาก



ถ้าคุณเลือกได้ คุณก็จะเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในความฝันของตัวเอง หรือในอดีต หรือในอนาคต มากกว่าในปัจจุบันนี้



บางครั้งคุณก็รู้สึกว่าชีวิตบนโลกใบนี้ มันช่างน่าเบื่อและไร้ความหมายซะนี่กะไร

และคุณก็อยากไปอยู่ในโลกที่สมบูรณ์แบบ และน่าตื่นเต้นมากกว่า



ความคิดและความรู้สึกแบบนี้ มีอยู่กับคุณมานานแล้ว





9). คุณจะมีความสนอกสนใจ และความกระหายใคร่รู้แบบไม่รู้จบ เกี่ยวกับเรื่องราวของ UFO,

สิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นๆ – โลกอื่น หรืออารยธรรมอื่นๆบนโลกในยุคโบราณ เช่น ยุคแอตแลนติส (Atlantis)

หรือ เลมูเรีย (Lemuria) เป็นต้น



บางครั้งคุณก็รู้สึกเหมือนกับว่า คุณเคยอยู่ที่นั่นมาก่อนแล้วจริงๆ และอาจจะได้กลับไปอีกในสักวันหนึ่ง



และบนชั้นหนังสือของคุณอาจ ก็จะมีหนังสือประเภทนี้อยู่บ้าง



(จริงๆแล้วคำถามในข้อนี้ เป็นอีกคำถามหนึ่ง ที่ช่วยเผยความลับให้รู้ว่าคุณเป็นผู้ที่มาจากนอกโลกหรือไม่

เพราะว่ามีเพียง “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” (Wanderer) และ “วิญญาณต่างมิติผู้เข้ามาสวมร่าง” (Walk-in) เท่านั้น

ที่จะมีความกระหายใคร่รู้อย่างลึกซึ้งแบบไม่รู้จบ เกี่ยวกับโลกอื่นๆ)





10). คุณเป็นคนที่มีความสนใจอย่างแรงกล้า เกี่ยวกับความลี้ลับของจิตวิญญาณ (Mystic spirituality)

(ทั้งในแบบของโลกตะวันออกและโลกตะวันตก) ทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ



โดยที่ลึกๆข้างในแล้ว คุณรู้สึกว่า คุณเคยมีความสามารถมากกว่านี้ เพียงแต่ว่าคุณอาจจะสูญเสียมันไปเท่านั้น



คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปฝึกฝนอะไรเพิ่ม เพราะว่าคุณมีมันพร้อมอยู่แล้ว

เพียงแต่ว่าคุณอาจจะหลงลืมมันไปแล้วเท่านั้นเอง



คนอื่นๆอาจจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย กับสิ่งที่คุณคิดและสนใจอยู่นี้ แต่คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้นหรอก

มันต้องมีอะไรอื่นอีก





11). คุณเป็นคนหนึ่ง ที่สามารถรับการสื่อสารทางโทรจิต กับรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ หรือต่างภพภูมิได้



และคุณก็ตระหนักรู้อยู่ว่า เป้าหมายในชีวิตนี้ของคุณ ก็คือเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้อื่น



ช่วยเหลือในด้านการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของพวกเขา



(ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่า คุณไม่ได้หลับใหลอยู่อีกต่อไปแล้ว คุณคือ “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” แน่นอน!)





12). คุณรู้สึกว่า บางทีชีวิตทั้งชีวิตของคุณ ช่างรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นๆมากมายเหลือเกิน

และดูเหมือนว่า มันไม่เคยเข้ากันได้เอาซะเลย



บางทีคุณก็อยากจะเหมือนกับคนอื่นๆ คุณพยายามที่สุดแล้วที่จะเป็นเหมือน “คนปกติ”

หรือพยายามคิดว่าตัวเองก็เหมือนกันกับคนอื่นๆแล้ว แต่ผลที่ออกมาก็คือ คุณก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆอยู่ดี



มันเป็นความรู้สึกที่กลัวจริงๆว่า จะไม่สามารถหาที่ๆจะไม่ทำให้คุณรู้สึกแบบนี้อีกได้ บนโลกใบนี้



(หมายเหตุ: นี่เป็นลักษณะจำเพาะทั่วไปของเหล่า “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” หละ!!)









ที่มา : The Extraterrestrial Wanderer

____________________

เครดิต : Chayutt

http://board.palungjit.com

________________________________

วิญญาณของคุณมาจากนอกโลกหรือไม่? “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seed)



(หมายเหตุ: ชุดคำถามนี้สามารถใช้กับผู้ใหญ่ที่สงสัยว่าเด็กเป็นหนึ่งใน “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” หรือไม่)



คำชี้แจง:



ให้วงกลมรอบๆคะแนนที่อยู่ท้ายคำถามแต่ละข้อ ที่คุณตอบว่า “ใช่”

แล้วรวมคะแนนทั้งหมดที่ได้มาพิจารณาตามเกณฑ์ข้างล่างนี้



คะแนน 12 – 15 => อาจจะใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid)

คะแนน 16 – 19 => เป็นไปได้มากว่าน่าจะใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid)

คะแนน 20 ขึ้นไป => ใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid) แน่นอน



1). ศรีษะของเด็กมีขนาดใหญ่กว่าศรีษะของเด็กทั่วๆไปในวัยและความสูงเดียวกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนบนหรือด้านหน้าของศรีษะ = 1 คะแนน



2). เด็กมีอุณหภูมิของร่างกายเฉลี่ยต่ำกว่า 97.6 F [หรือ 36.4 องศาเซลเซียส] = 1 คะแนน



3). ตอนที่เด็กเกิดมีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นหรือปรากฏให้เห็นในห้องคลอดด้วย

หรือมีแสงออร่าสว่างๆอยู่รอบๆตัวหรือรอบๆเตียงนอนของเด็ก = 2 คะแนน



4). เด็กเริ่มพูดได้ชัด ตอนอายุ 6 เดือน (พูดได้เร็วกว่าเด็กอื่นๆโดยเฉลี่ย อย่างน้อย 1 ปี

เพราะว่าปกติแล้วเด็กจะเริ่มพูดได้เมื่ออายุ 18 เดือน) = 1 คะแนน



5). เด็กเริ่มเดินได้เมื่ออายุได้ 6 เดือนกว่าๆ (เดินได้เร็วกว่าเด็กอื่นๆโดยเฉลี่ย

เพราะว่าปกติแล้วเด็กจะเริ่มเดินได้เมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ) = 1 คะแนน



6). เมื่อเด็กเริ่มพูดได้แล้ว เขาจะพูดเป็นวลีหรือเป็นประโยคได้เลยทันที ไม่ใช่แค่พูดได้แบบทีละคำ = 1 คะแนน



7). ผู้คนจะสังเกตได้ว่า เด็กจะมีความคิดความอ่านโตกว่าอายุจริงอย่างมาก

ส่วนใหญ่จะเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ในร่างเด็กมากกว่า = 1 คะแนน



8). ในวัยเด็ก เด็กจะแสวงหาแต่อะไรที่ล้ำหน้ากว่ามาทำ และเขาจะเบื่อเกมต่างๆที่ท้าทายไม่พอ

ที่เด็กในวัยเดียวกันอยากจะเล่น = 1 คะแนน



9). เด็กจะพูดออกมาให้รู้ว่าเขาระลึกได้ว่าเขามี “พ่อแม่อื่น” ที่อยู่บนดวงดาวดวงใดดวงหนึ่งอีก

หรือแสดงออกถึงอาการอยากกลับบ้าน “ที่แท้จริง” ของเขาที่อยู่บนดวงดาวดวงใดดวงหนึ่งในจักรวาล = 2 คะแนน



10). สายตาของเด็ก จะดูเป็นผู้ใหญ่ และดูฉลาดหลักแหลม / รู้มากกว่าเด็กปกติธรรมดา = 1 คะแนน



11). ตลอดวัยเด็กของเขา เด็กจะโตเร็วมากกว่าเด็กปกติธรรมดามากๆ ทั้งทางด้านร่างกายและสติปัญญา = 1 คะแนน





12). เด็กจะมีความอ่อนไหว และรู้สึกท้อถอย หรือรู้สึกหดหู่ กับพฤติกรรมแบบชอบทำลาย,

ใจร้าย, โหดร้าย, รุนแรง หรือพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายของเด็กคนอื่นๆ

และเขาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเด็กคนอื่นๆจึงเป็นแบบนั้น = 1 คะแนน



13). บางครั้ง เวลาที่เด็กผ่านไปตามท้องถนนที่มีหลอดไฟสีเหลืองๆประเภท (sodium-vapor-plasma) อยู่

ไฟถนนอาจจะดับได้ โดยเฉพาะเวลาที่เด็กมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ขึ้น = 2 คะแนน







14). เด็กแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถสื่อสารทางโทรจิตได้ (Mental telepathy) = 1 คะแนน





15). เด็กสามารถบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคตได้อย่างถูกต้อง

หรือสามารถฝันเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงได้ก่อนล่วงหน้าอย่างถูกต้อง มากกว่า 1 ครั้ง

(ญาณทัศนะ หรือ Precognition) = 1 คะแนน





16). เด็กสามารถทำให้วัตถุสิ่งของเคลื่อนที่ได้ โดยใช้พลังจิตเพ่งไปยังวัตถุนั้นๆ

เช่น เคยใช้กำหนดทิศทางของลูกบอลในเกม pinball หรือ ในกีฬาเบสบอล หรือโบลลิ่งบอล เป็นต้น = 1 คะแนน





17). เด็กสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในต่างสถานที่ หรือในอดีต

หรือในอนาคตได้อย่างถูกต้อง (ตาทิพย์ หรือ clairvoyance/remote viewing) = 1 คะแนน





18). เด็กสามารถรับรู้ข้อมูลใหม่ๆได้อย่างทันทีทันใด ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับข้อมูลโดยการ “ดาวน์โหลด”

ลงมาสู่จิตโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่ยังตื่นอยู่ หรือในขณะหลับก็ตาม = 1 คะแนน



(แต่ถ้าเด็กบอกว่า ได้รับข้อมูลมาจากผู้มาเยือนจากต่างดาว ให้คะแนน = 2)





19). เด็กมีความสามารถในการสื่อสารข้ามสายพันธุ์ ทั้งการรู้ว่าสัตว์เหล่านั้น (เช่น สุนัข, ปลาโลมา เป็นต้น)

กำลังคิดอะไรอยู่ และสามารถสื่อสารทางจิตกับสัตว์เหล่านั้นได้ และสัตว์เหล่านั้นก็ตอบสนองต่อข้อมูล

ที่สื่อสารไปนั้นด้วย = 1 คะแนน





20). เด็กสามารถรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับบุคคล, สถานที่, เหตุการณ์บางอย่างด้วยสัญชาตญาณ

ได้อย่างถูกต้อง (มีพลังจิต หรือ psychic) = 1 คะแนน





21). เด็กสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กโทนิกส์บางอย่างได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

เพราะเพียงแค่เด็กอยู่ที่นั่นด้วยเฉยๆเท่านั้น (เช่น ทีวีเปลี่ยนช่องเองได้, วิทยุเปิดขึ้นเองได้, นาฬิกาข้อมือตาย,

หลอดไฟเปิดหรือปิดเองได้ โดยไม่มีใครไปแตะต้องอะไรมันเลย เป็นต้น) = 1 คะแนน





22). เด็กยอมรับว่าเคยใช้พลังจิตทำให้พฤติกรรมของคนอื่นเปลี่ยนไป และมันก็ได้ผลด้วย

(เช่น ทำให้พ่อแม่ยอมนำขนมหวานชิ้นที่ 2 มาให้ เป็นต้น) = 1 คะแนน



23). เด็กบอกว่าเห็นผู้มาเยือนหลายคน ที่พ่อแม่และคนอื่นๆมองไม่เห็น หรือเด็กบอกว่ามองเห็นสิ่งต่างๆ

ที่สายตาปกติมองไม่เห็น แม้ว่าจะจ้องมองแล้วก็ตาม

(มองทะลุมิติได้ หรือ inter-dimensional viewing) = 1 คะแนน





24). เด็กสามารถมองเห็นรังสีออร่ารอบๆตัวคน หรือสัตว์ต่างๆได้ = 1 คะแนน









25). เด็กสามารถเห็นหรือรู้สึกถึง “สี”, “รูปแบบ”, หรือ “เนื้อสัมผัส” ในรังสีออร่าเหล่านั้นได้

ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงสุขภาพ, สภาวะอารมณ์, สภาวะจิตใจ และอื่นๆของคนนั้นๆได้ = 1 คะแนน





26). เด็กสามารถใช้พลังจิตวินิจฉัยโรคได้ (มองเห็นด้วยพลังสัญชาตญาณ,

หรือด้วยการยกมือผ่านเหนือร่างกายของผู้ป่วย) และสามารถบอกตำแหน่งในร่างกายที่เกิดความเจ็บป่วย,

บาดเจ็บ, หรือเกิดโรคได้ = 1 คะแนน





27). เด็กสามารถใช้พลังภายใน (พลังจิต / พลังปราณ / พลังชี่ / พลังจักรวาล)

ส่งไปยังตำแหน่งของร่างกายคนหรือสัตว์ที่กำลังต้องการการเยียวยารักษาได้

แล้วคนหรือสัตว์นั้นๆ ก็มีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว = 1 คะแนน





28). เด็กสามารถทำให้ตัวเอง “หายตัว” ไปได้ ไม่ว่าจะด้วยการใช้พลังจิตย้ายตนเองไปที่อื่น

หรือใช้วิธีที่ธรรมดากว่านั้น เช่น ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆตัวไม่สังเกตว่าตัวเองกำลังอยู่ที่นั่นด้วย

แต่เมื่อเด็กเลิกทำแบบนั้น คนอื่นๆก็จะมองเห็นเขาทันที = 1 คะแนน





29). เด็กสามารถทำให้สิ่งของต่างๆ ย้ายตำแหน่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้

โดยที่ไม่ได้ไปแตะต้องสัมผัสอะไรมันเลย (Teleportation) หรือสามารถทำให้มันลอยขึ้นจากพื้น

และเคลื่อนไหวได้ (Telekenesis) โดยที่ใช้เพียงจิตและความตั้งใจเพียงอย่างเดียว = 2 คะแนน





30). เด็กสามารถลอยตัวขึ้นมาจากพื้นได้มากกว่า 1 ครั้งขึ้นไป (ไม่ว่าจะเป็นการลอยขึ้นเหนือพื้น

เพียงไม่กี่นิ้ว หรือว่าลอยขึ้นสูงมากๆก็ตาม) ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม = 2 คะแนน





31). เด็กแสดงอากัปกิริยา, ทำพิธีกรรม หรือพิธีการอะไรบางอย่างของตนเอง

แล้วสามารถเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยของมนุษย์, สัตว์, พืช หรือสถานที่ใดๆในโลกใบนี้ได้ = 1 คะแนน



(แต่ถ้าเด็กสามารถทำให้สัตว์, พืช, คน หรือบริเวณพื้นที่ใดๆที่ตายไปแล้วอย่างสมบูรณ์

กลับฟื้นคืนชีวิตมาใหม่อีกครั้งได้ ด้วยการเยียวยารักษานั้นๆ ให้คะแนน = 5)





32). เด็กสามารถย่นกาลเวลาได้ โดยทำให้เหตุการณ์บางอย่าง เช่น ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์

ไปถึงจุดหมายเร็วขึ้น (เช่น จากปกติต้องใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงครึ่งชั่วโมงได้ เป็นต้น

โดยที่ใช้ความเร็วเท่าเดิม) = 1 คะแนน





33). เด็กสามารถยืดกาลเวลาได้ เช่น หน้าปัดนาฬิกาโชว์ว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียง 15 นาทีเท่านั้น

แต่ทุกๆคนกลับรู้สึกว่าเวลามันน่าจะผ่านไปแล้วตั้ง 1 ชั่วโมง เป็นต้น = 1 คะแนน





34). เด็กสามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่ที่เหตุการณ์บางอย่าง (เช่น แผ่นดินไหว, อุบัติเหตุทางรถยนต์, ไฟไหม้ เป็นต้น)

จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วก็ได้เตือนให้คนอื่นๆได้รู้ แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ = 1 คะแนน





35). ในบางครั้ง ตอนกลางคืน เด็กจะออกไปที่ไหนสักแห่งคนเดียวอย่างมีสติสัมปชัญญะ,

หรือไปด้วยกายทิพย์/ถอดจิตไป (โดยที่กายเนื้อยังนอนอยู่บนเตียง) แล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่า

ได้ไปพบกับอะไรมาบ้าง = 1 คะแนน



(แต่ถ้าเด็กเล่าว่าได้ไปพบผู้มาเยือนจากต่างดาวมา ให้คะแนน = 2)





36). ในขณะตื่น เด็กสามารถถอดจิตออกไปยังที่ต่างๆๆได้ ซึ่งผู้คนที่อยู่รอบๆข้างเด็กจะสังเกตเห็นว่าเด็ก “นิ่งไป”

เหมือนถูกปิดสวิตซ์ แล้วหลังจากนั้น เด็กก็มีสติกลับมาเหมือนเดิม พร้อมกับประสบการณ์เกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ = 1 คะแนน





37). เด็กสามารถรับการสื่อสารทางโทรจิตจากรูปธรรมชีวิตชั้นสูงทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกได้

และมีความตระหนักรู้ด้วยว่า ผู้ที่สื่อสารมานั้น สื่อสารมาจากดาวดวงไหน = 2 คะแนน





38). เด็กรายงานว่า มีผู้ที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้นมาเยือนตน = 1 คะแนน





39). มีผู้ที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้น มาเยือนพ่อแม่ของเด็กด้วย = 1 คะแนน





40). เด็กรายงานว่า ผู้มาเยือนที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้น คือครอบครัวเดิมของตนเองก่อนหน้านี้ = 2 คะแนน





41). เด็กเคยมีประสบการณ์อย่างน้อย 1 ครั้ง ในการใช้จิตร่วมกันกับผู้มาเยือนจากดวงดาวดังกล่าว

(sharing mental space with a Star Visitor) ซึ่งต้องการที่จะขอยืมใช้ร่างกายและจิตของเด็ก

เพื่อหาประสบการณ์ของความเป็นมนุษย์โลก เป็นการชั่วคราว = 1 คะแนน





42). เด็กสามารถเรียกผู้มาเยือนจากต่างดาว หรือเรียกยานบิน (UFO) ของพวกเขา 1 รูปธรรม/ลำ หรือมากกว่านั้น

มาให้ดูได้ ซึ่งพอเรียกแล้วก็พบว่าพวกเขามาปรากฏให้เห็นจริงๆ = 1 คะแนน





43). เด็กมีความรู้สึกฝังอยู่ในใจลึกๆว่าตัวเองมีภารกิจที่สำคัญอะไรบางอย่างที่จะต้องทำบนโลกใบนี้

แม้ว่าในตอนนี้เด็กจะยังไม่รู้ชัดว่าภารกิจดังกล่าวนั้นคืออะไรก็ตาม = 1 คะแนน





44). เด็กดำเนินการอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา คล้ายผู้ใหญ่ เพื่อริเริ่มให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นในสังคม

(เช่น ติดต่อกับวุฒิสมาชิก หรือรายการโทรทัศน์ด้วยตัวเอง เพื่อนำเสนอแผนที่จะทำให้ได้มาซึ่งความสันติสุข

ในสถานการณ์บางอย่าง เป็นต้น) หรือในกรณีที่เป็นผู้ใหญ่ อาจจะเพื่อเริ่มต้นทำกิจกรรมที่พิเศษบางอย่าง

เพื่อเยียวยาโลกใบนี้ก็ได้ = 1 คะแนน



45). เด็กมีปฏิกิริยาแบบไม่ธรรมดา คือมีความรู้สึกและความทรงจำที่เป็นบวกมากๆ กับภาพเหมือน

หรือภาพวาดของผู้มาเยือนจากต่างดาว ที่อยู่ในนิตยสาร หรือในทีวี หรือในภาพยนตร์ต่างๆ = 1 คะแนน





46). เด็กเมื่ออายุเลย 6 ขวบไปแล้ว แทบจะไม่เคยป่วยเป็นไข้หวัดแบบหนักๆ หรือโรคอื่นๆที่แพร่ระบาดอยู่ในห้องเรียน

หรือระแวกบ้านของตนเองเลย (มีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อสูงขึ้น) และเด็กสามารถรักษาแผลที่ถูกของมีคมบาด,

แผลแตก, หรืออาการบาดเจ็บแบบอื่นๆได้อย่างรวดเร็วมาก



หรือเด็กบางคนก็อาจจะเป็นไปในทางตรงข้ามกัน นั่นคือ มีความไวต่อสิ่งปนเปื้อนที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมอย่างมาก,

ความไวดังกล่าวนี้จะแสดงออกมาในรูปของอาการแพ้แบบต่างๆ



หรือบางคนก็อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารบางชนิด (เช่น นม เป็นต้น,

บางคนก็แพ้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวสาลีทั้งเมล็ด (whole-wheat products),

บางคนก็ขยะแขยงการรับประทานเนื้อสัตว์)



หรือไม่บางคนก็อาจจะเกิดความผิดปกติขึ้น (ที่เรียกว่าโรคแอสเพอร์เจอร์ (Asperger) และ “โรคสมาธิสั้น”

(Attention-Deficit Hyperactivity)) ซึ่งบ่งบอกให้ทราบว่าการเชื่อมต่อของระบบประสาทของพวกเขา

กับระบบประสาทของมนุษย์โลกทั่วไป มีความไม่สอดคล้องต้องกันอยู่ = 1 คะแนน





47). เด็กมีสีของม่านตา หรือรูปแบบของม่านตา หรือ รูปร่างลักษณะของตาดำ

หรือโครงร่างของดวงตาทั้งดวงไม่ปกติธรรมดา = 1 คะแนน





48). เด็กจะมีความสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณ ตามวิถีแห่งธรรมชาติที่ไม่ได้ขึ้นกับลัทธิศาสนาใดๆ

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย รวมถึงจะให้ความเคารพต่อดาวเคราะห์โลก ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตและสิ่งที่มีจิตสำนึกชนิดหนึ่ง,

เคารพในความศักดิ์สิทธิ์ของทุกสรรพชีวิตไม่ว่าเล็กหรือใหญ่, และมีความตระหนักรู้ว่า

ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล = 1 คะแนน





49). เด็กจะมีความชอบและความสามารถในการนำคริสตัล, หินที่มีพลังงาน,

หรือวัสดุต่างๆที่มีพลัง และสามารถเพิ่มพลังจิตได้ มาใช้เพื่อการรักษาเยียวยาผู้ป่วยและอื่นๆ ได้อย่างถูกต้องเอง

โดยที่ไม่ต้องมีใครสอน = 1 คะแนน





50). เด็กจะบ่นอยู่เสมอว่าอยาก “กลับบ้าน” และมีความรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้กับความหยาบช้าของสังคมมนุษย์

และพฤติกรรมอันหยาบช้าของมนุษย์โลก = 1 คะแนน





51). เด็กจะถูกดึงดูดความสนใจอย่างแรงกล้าโดยเด็กจากฟากฟ้า (Star kid) คนอื่นๆ

และพวกเขาทุกๆคนก็จะถูกดึงดูดความสนใจโดยกันและกัน และก็จะรู้สึกชอบพอซึ่งกันและกันด้วย = 1 คะแนน





52). ข้อนี้ ให้เลือกให้คะแนนเพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น ระหว่าง 2 ข้อย่อยต่อไปนี้:



a). เด็กเป็นเด็กที่เรียนเก่งในโรงเรียน, เข้าใจวิชาต่างๆที่เรียนได้ง่ายโดยไม่ต้องเรียนมาก

หรือโดยที่ไม่ต้องเรียนเลย แต่เด็กก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับอัตราเร็วของวิธีการสอนในโรงเรียนส่วนใหญ่

และจะรู้สึกสบายกว่าถ้าได้เรียนในสภาวะแวดล้อมที่เหนือขั้นกว่าวัยของตัวเอง

(เช่น ถ้าเป็นเด็กประถมก็จะชอบไปเรียนในชั้นมัธยมมากกว่า, ถ้าเป็นเด็กมัธยมก็จะชอบไปเรียน

ในระดับวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยซะมากกว่า หรือเด็กอาจจะเบื่อโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์

(Gifted School) เป็นต้น) = 1 คะแนน



b). เด็กถูกระบบการศึกษาในโรงเรียนเข้าใจผิด, หรือจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็นโรค “สมาธิสั้น”

(Attention Deficit Disorder) หรือป่วยเป็นโรค “ความบกพร่องทางการเรียน” (Learning Disability)

เพราะว่าเด็กเบื่อหน่าย, เพราะมีความท้าทายไม่เพียงพอ หรือรู้สึกท้อถอยกับอัตราเร็วของการเรียนรู้

แบบเด็ก “ปกติ” ทั่วไป



หรือเด็กถูกจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็น “โรคสมาธิสั้น” (Hyperactivity Disorder)

เพราะว่าเด็กรู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย เพราะความเบื่อหน่ายห้องเรียน



หรือเพราะว่าความคิดของพวกเขากำลังพุ่งตรงไปยังเรื่องที่ท้าทายกว่า



หรือเพราะว่าเด็กจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ตนกำลังสนใจอย่างมาก และมุ่งมั่นนานเกินกว่าที่เด็ก “ปกติ” เขาทำกัน



หรือเด็กถูกจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็นโรค “ความบกพร่องทางการเรียน” (Learning Disability)

เพราะว่าเขามองเห็น และชี้ให้เห็นความสัมพันธ์กันระหว่างวิชาที่กำลังถูกสอนอยู่ กับวิชาอื่นๆ

(เช่น ความสัมพันธ์ของวิชาประวัติศาสตร์-คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์-ศิลปะ เป็นต้น)

ในขณะที่ครูผู้สอนต้องการได้ยินแต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาวิชาที่ตนเองกำลังสอนอยู่เท่านั้น = 1 คะแนน





53). เด็กเคยมีประสบการณ์ของการ “ถูกประทับร่าง” (Walk-In)

หรือบุคลิกลักษณะดั้งเดิม ถูกแทนที่ด้วยบุคลิกลักษณะใหม่ (ที่มาจากนอกโลก)

ซึ่งเข้าสวมในร่างเดิมแล้วดำเนินชีวิตต่อไป ความทรงจำเก่าๆทั้งหลายจะยังคงมีอยู่

แต่บุคลิกลักษณะและความสามารถต่างๆเปลี่ยนไปเป็นคนละคน = 1 คะแนน





54). เด็กมีสนามพลังชีวะแม่เหล็กไฟฟ้า-โฟตอน (bioelectromagnetic-photic field)

รอบๆร่างกายที่กว้างใหญ่กว่าปกติมากๆ (เช่น กว้างกว่า 3 ฟิต หรือกว้างกว่า 1 เมตร เป็นต้น)

ซึ่งวัดความกว้างนี้ได้โดยการใช้ดาวซิ่งร็อด (dowsing rods) = 1 คะแนน







หากพบว่ามีเด็กหรือผู้ใหญ่คนไหนที่ได้คะแนนมากกว่า 12 คะแนนขึ้นไป

กรุณาแนะนำให้ผู้ปกครองของเขาติดต่อกับ Dr.Richard Boylan ผู้อำนวยการโครงการสตาร์คิด

(Star Kids Project) เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Star Kids หรือ Star Seeds

และหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับพวกเขาและครอบครัว-เพื่อนฝูงของพวกเขา





เพื่อให้พวกเขามีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ 

และเพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตขึ้นมาได้

ด้วยความสะดวกสบายใจ พร้อมกับความสามารถที่เหนือกว่าของพวกเขา





และเพื่อให้พวกเขาได้พบกับ Star Kids คนอื่นๆและครอบครัว Star Kids อื่นๆด้วย

และเพื่อทำให้พวกเขาได้ระลึกรู้ถึงภารกิจของการเป็น Star Kid/Star Seeds ของพวกเขาเอง

















ที่มา : http://board.palungjit.com

____________________

เครดิต : Chayutt

________________________________

ตื่นเถิด "ผู้พเนจรจากฟากฟ้า" (Wanderer) และ "เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว" (Star Seed)



“การตื่นของเหล่าผู้พเนจร” (Wanderer Awakening)…





รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 บางรูป เพิ่งลงมาที่โลกเมื่อเร็วๆนี้

แล้วก็ได้ลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นใคร





มนุษย์ทุกคนมี “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” ของตัวเองอยู่อีก 1 ตัวตน แต่สำหรับชาวโลกบางคน

การจะวิวัฒน์ขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีในอนาคต



“ผู้พเนจร” (Wanderer) ในอีกความหมายหนึ่ง ก็คือรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ที่อาสาลงมาเกิดในร่างมนุษย์เมื่อเร็วๆนี้

เพื่อมาช่วยโลกโดยเฉพาะ เนื่องจากว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับโลก ไม่เป็นไปอย่างที่พวกเราคาดหวัง





ในหนังสือชุด “The Law of One” ได้เปิดเผยว่าในช่วงปี 1981 มี “ผู้พเนจร” ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว

ประมาณ 65 ล้านชีวิต และจากข้อมูลที่ผมเพิ่งได้รับมา จากการสื่อสารทางโทรจิตที่ชัดเจนมากๆของผมเมื่อเร็วๆนี้

บอกว่า ตอนนี้มีประมาณ 245 ล้านชีวิตแล้ว





พวกคุณหลายคนที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่ ก็อาจจะเป็นหนึ่งใน “ผู้พเนจร” ด้วยก็ได้

ซึ่งลักษณะเฉพาะที่คุณอาจจะพอจับสังเกตได้ ก็เช่น คุณจะมีปัญหาเกี่ยวกับความมีมารยาสาไถแบบชาวโลก

เพราะว่าคุณเพิ่งลงมาถึงโลก เพราะฉะนั้น คุณจะยังใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ คุณจะยังไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับการหลอกลวง,

กลอุบาย และการโป้ปดมดเท็จของชาวโลก



คุณอาจจะกลายเป็นศัตรูตัวร้ายกาจของตัวคุณเอง เพราะการมีพฤติกรรมที่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น

หรือขึ้นอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา ซึ่งมันจะทำให้คุณปรารถนาที่จะได้พบกับใครสักคนหนึ่ง

ที่จะมาเป็นคู่หูหรือเป็นคู่ครองของคุณ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับตัวตนที่สูงส่งของคุณเอง

ใครบางคนที่คุณจะสามารถเชื่อใจได้ ปฏิบัติตามได้และเชื่อฟังได้อย่างสนิทใจ

ใครบางคนที่คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม



ไม่มีเรื่องไหนในชีวิตผมที่ทำให้ผมต้องพบกับความยากลำบากมากเท่ากับเรื่อง นี้เลย

แม้ว่าผมจะมีสติปัญญาที่ดี แต่ผมก็ยังต้องเจ็บปวดและเป็นทุกข์เพราะมันมาตั้งหลายปี

แต่เมื่อผมได้ผ่านพ้นมันมาได้แล้ว และค้นพบวิธีที่จะรักตัวผมเองได้จริงๆแล้ว

เพียงแค่นั้นผมก็ค้นพบความสามารถของตัวเอง เหมือนอย่างที่ผมเขียนไว้ในหนังสือชื่อ

“การตื่นของเหล่าผู้พเนจร” (Wanderer Awakening)


-----------------------------------------------------------


คุณคือ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seed) หรือไม่ ??








"ผู้ควบคุมภารกิจ รับรู้ว่ากระบวนการของการ ”ตื่นขึ้น” มันมีเคล็ดลับอยู่เล็กน้อย

แม้ว่าในรหัสพันธุกรรมของคุณจะถูกใส่รหัสมาให้ตื่นขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นแล้วก็ตาม

แต่คุณก็ยังจะเชื่ออย่างสนิทใจอยู่ว่า..คุณคือมนุษย์โลกคนหนึ่ง "



จากหนังสือ "E. T. 101" โดย Zoev Jho







มันเป็นไปได้ไหม๊ว่า คุณเป็นผู้ที่มาจากระบบดวงดาวอื่นๆ แล้วมาเกิดบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้?

คุณมาที่นี่เพื่อทำภารกิจพิเศษบางอย่าง เพื่อช่วยเหลือดาวเคราะห์โลกดวงนี้

และมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ให้สามารถเปลี่ยนระดับความสั่นสะเทือนไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

โดยการยกระดับความตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณของผู้คนรอบๆตัวคุณให้สูงขึ้นใช่หรือไม่?







มันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ ว่าในวันนี้ จะมีผู้คนมากมายบนโลกที่รู้อยู่ข้างในลึกๆว่า

แท้ที่จริงแล้วพวกเขาอยู่ที่นี่ในฐานะของ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seed)



คนเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วจะเป็นคนที่มีการศึกษา และเป็นที่นับหน้าถือตาของสังคม



พวกเขาอาจจะอยู่ในวงการแพทย์, กฎหมาย, ครูบาอาจารย์, หรืออื่นๆที่ทำให้วิถีชีวิต

ค่อนข้างออกมาในแนวๆที่ต้องเป็นผู้ให้บริการผู้อื่น

มีผู้คนหลายล้านคน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแห่งการตื่นรู้อยู่

และพวกเขาก็กำลังสงสัยอยู่อย่างมากเช่นกันว่า พวกเขามาจากต่างดาวหรือไม่ ??





เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Satrseed) คืออะไร?







คำจำกัดความ:



เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) คือกลุ่มของรูปธรรมชีวิตที่วิวัฒน์แล้วจากต่างดาว, ต่างระบบดวงดาว,

หรือต่างกาแล็กซี่ ที่เดินทางมาเพื่อทำภารกิจพิเศษบางอย่าง เพื่อช่วยเหลือโลกและมนุษย์

ในการก้าวเข้าสู่ “ยุคทอง” (Golden Age) ณ.ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนยุคนี้



เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) จะลงมาเกิดบนดาวเคราะห์โลก ด้วยเงื่อนไขต่างๆ

ที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้ และสูญเสียความทรงจำว่าตัวเองเป็นใคร,มาจากไหน และมาเพื่ออะไร ไปโดยสิ้นเชิง

เช่นเดียวกับเงื่อนไขการลงมาเกิดของชาวโลกตัวจริง



แต่อย่างไรก็ตาม ในยีนส์ (genes) ของเหล่าเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวเหล่านี้ จะถูกบรรจุ “รหัสแห่งการตื่น” เอาไว้ด้วย

เพื่อใช้ “กระตุ้น” ให้พวกเขาตื่นขึ้น ณ.ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิต ที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว



“การตื่นขึ้น” (Awakening) ของพวกเขา อาจจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปและช้าๆ

หรืออาจจะเป็นแบบค่อนข้างปุบปับและฉับพลันทันทีก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ความทรงจำของพวกเขา

จะถูกเรียกกลับคืนมามากน้อยต่างกันไปในแต่ละคน ทำให้พวกเขาตระหนักรู้ถึงภารกิจของพวกเขา

และเริ่มลงมือทำภารกิจของตนเอง



ความเชื่อมต่อระหว่างพวกเขากับ “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” (Higher Self) ของพวกเขา

จะมาช่วยเสริมให้พวกเขามีความเข้มแข็ง และทำให้พวกเขาสามารถใช้ “ความรู้จากภายใน” (inner knowing)

ของตนเอง เป็นผู้นำทางได้



เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) หลายคน ก็ได้ถูกฝึกฝนจนสามารถ “ขัดเกลากิเลส”

ให้เบาบางลงไปได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนพวกเขาสามารถขจัดรูปแบบพฤติกรรมที่มีขีดจำกัด

และความกลัวทั้งหลายออกไปได้หมด ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งหากเป็นมนุษย์โลกทั่วไปแล้ว

อาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเลยก็ได้

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) เหล่านี้ ได้เคยทำภารกิจเช่นนี้

บนดาวดวงอื่นๆมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว พวกเขาจึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับกระบวนการและเทคนิคต่างๆ

ที่จะนำมาใช้เพื่อยกระดับจิตสำนึกของตนเองให้สูงขึ้นได้



เพราะฉะนั้น แนวความคิดเกี่ยวกับยานอวกาศ, การท่องอวกาศ, ปรากฏการณ์ทางจิตต่างๆ

และเรื่องราวเกี่ยวกับรูปธรรมชีวิตในกาแล็กซี่อื่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาและมีเหตุมีผลสำหรับพวกเขา















ชุดคำถามนี้สามารถใช้กับผู้ใหญ่ที่สงสัยว่าเด็กเป็นหนึ่งใน “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” หรือไม่

รัสเซียเล่นเชิงชิงตัดหน้าอเมริกา ยึดที่มั่นบนดวงจันทร์ก่อน









อเมริกาอาจจะส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ได้ก่อน แต่นักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจอวกาศรัสเซีย ได้อุบเป้าหมายใหม่เอี่ยมไว้ นั่นคือ การตั้งอาณานิคมบนดาวบริวารโลก







นักวิทยาศาสตร์และมนุษย์อวกาสรัสเซีย เปิดเผยว่า ได้เล็งเลือกอุโมงค์ภูเขาไฟบนดวงจันทร์แห่งหนึ่งเป็นที่พักตามธรรมชาติของอาณานิคมบนดวงจันทร์แห่งแรกเอาไว้



นักวิจัยเคยสงสัยว่า ภูเขาไฟสมัยอดีตบนดวงจันทร์ จะต้องทิ้งข่ายของอุโมงค์ใต้ดินที่เกิดจากธารหินละลายเอาไว้ และพบร่องรอยจากภาพถ่ายของยานสำรวจอวกาศญี่ปุ่น ส่อว่าจะเป็นทางลงไปยังอุโมงค์นั้น



มนุษย์อวกาศมือเก่าของรัสเซีย นายเซอร์ไก คริริกัลยอฟ กล่าวว่า การเพิ่งค้นพบว่าดวงจันทร์เป็นโลกที่ร่วนซุย ทำให้เราเปลี่ยนความคิดในการค้นหาทำเลที่ตั้งของฐานบนดวงจันทร์เสียใหม่ “หากว่าดวงจันทร์มีถ้ำอยู่มาก มันอาจใช้เป็นบ้านที่พักอาศัย พ้นจากรังสีและห่าดาวตก มันอาจจะเป็นทำเลที่ดีกว่าที่เคยคิดไว้ก่อนมาก ไม่ต้องไปลงแรงทำอะไรอีก”



เขาเปิดเผยว่า “อาจจะสร้างอาณานิคมบนดวงจันทร์ขึ้นในปี พ.ศ. 2573 นี้”.













ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

____________________

เครดิต :

________________________________

ญี่ปุ่นเปิดเผยคลิป ufo ตอนสึนามิ กว่า 10 ลำ ชัดที่สุดแล้วคลิปนี้



กลุ่มดวงไฟสีขาว ประหลาด เคลื่อนที่ไปมา บนท้องฟ้า ในประเทศ ญี่ปุ่น

บางคนกล่าวว่า มันคือ การซ้อมกระโดดร่ม บ้างก็ว่า มันคือกลุ่มดวงวิญญาณ

หรือเป็น กลุ่ม UFO กันแน่....  ไปชมคลิปกัน



















ที่มา :

____________________

เครดิต :

________________________________

70 ภาพน้ำท่วมผ่านมุมมองเลนส์กล้องของต่างชาติ





70 ภาพ น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์ ผ่านเลนส์กล้องของต่างชาติ







(ดูรูปใหญ่คลิก)





















































































































































ที่มา :

____________________

เครดิต :

________________________________