วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ผีนางตะเคียน
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมานานในหมู่บ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่ที่ต่างจังหวัดทางภาคกลางนี่เอง
เมื่อช่วงปิดเทอมใหญ่ ในเดือนเมษายน เหล่านักศึกษาพัฒนาชุมชนต่างก็ต้องมีหน้าที่ออกค่ายอาสา ที่จังหวัดนครนายก สถานที่ที่นักศึกษาจะต้องไปช่วยกันปรับปรุงซ่อมแซม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง ในหมู่บ้านของดิฉันที่จังหวัดนครนายกนี่เองค่ะ เป็นวัดที่ห่างไกลความเจริญ น้ำไฟก็ไม่มีใช้เหมือนกับชาวกรุงเทพ ชาวบ้านต้องใช้น้ำจากลำคลอง และส่วนไฟก็จะใช้ตะเกียงหรือเทียนแทนไฟฟ้า เพราะห่างไกลความเจริญมาก แต่ว่าหมู่บ้านนี้ห่างจากหมู่บ้านที่ดิฉันอยู่ประมาณ 40 กว่ากิโล แต่หมู่บ้านนั้นมีญาติบางคนของดิฉันอาศัยอยู่ จึงได้มีโอกาสไปนั่งฟังเรื่องราวชวนขนลุกนี้มาจากคนในหมู่บ้าน
ถึงจะทุกข์ยากลำบากกันแค่ไหน พวกนักศึกษาพัฒนาชุมชนก็ไม่หวั่น มุ่งหน้าที่จะพัฒนาวัดเก่าแก่ให้ดูงดงามให้จนได้ และจะทำให้ดูงดงามมากที่สุด และการเดินทางไปยังที่วัดเก่าแก่แห่งนั้น พวกนักศึกษาชายก็ต้องไปอาศัยอยู่ที่วัด ส่วนนักศึกษาหญิงก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านกันหมด บริเวณวัดกว้างมาก ไม่มีรั้วล้อม แต่ก็เต็มไปด้วยต้นไม้รก ปกคลุมวัดอยู่โดยรอบ และด้านหลังของวัดก็จะมีแม่น้ำไหลผ่าน มีต้นตะเคียนใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ
นักศึกษาชายก็ช่วยกัน ขนไม้บ้าง กระเบื้องบ้าง อุปกรณ์ทำงานบ้าง ช่วยกันไปคนละไม้ละมือ และพวกนักศึกษาหญิงก็ช่วยกันเก็บกวาดลานวัดโดยรอบ มีอยู่คืนหนึ่ง มีนักศึกษาชายคนหนึ่งชื่อว่า "หนุ่ย" หนุ่ยได้เกิดอยากสูบบุหรี่ขึ้นมากลางดึก จึงต้องออกไปหาที่ๆ เหมาะสมต่อการสูบบุหรี่ เพราะว่าเขาจะให้ใครมาเห็นและรับรู้ไม่ได้เด็ดขาด แม้แต่เพื่อนก็ให้รับรู้ไม่ได้ เขาจึงค่อยๆก้าวย่องออกจากมุ้งอย่างเงียบที่สุด และออกไปทางหลังวัด เลาะป่าไม้หลังวัดไปยังท่าน้ำ เขาก็ได้ไปพบกับต้นตะเคียนใหญ่ริมน้ำต้นหนึ่ง และ เขาจึงหยุดยืนสูบบุหรี่อยู่ใต้ต้นตะเคียนนนั่น เพราะเขาคิดว่าคงไม่มีใครมาเห็นแน่นอน หนุ่ยกำลังสูบบุหรี่อยู่ดีๆ ก็เห็นหญิงคนหนึ่ง แต่งชุดไทย เดินออกไปนั่งที่ท่าน้ำ ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เหมือนกับคนที่กำลังจะคิดสั้น หนุ่ยจึงเข้าไปถาม
"นี่ๆ พี่สาว ทำไมหน้าตาดูเศร้าหมองแบบนั้นล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
หญิงผู้นั้นเลยตอบว่า "พี่มีปัญหาที่บ้านพี่ พี่อยุ่บ้านไม่ได้ พี่กลับบ้านไม่ได้ พี่ไม่มีบ้านอยู่แล้ว"
หญิงผู้นั้นบอกกับหนุ่ยพร้อมกับน้ำตานองไหล หนุ่ยเลยถามกลับไปว่า
"แล้วพี่มีอะไรจะให้ผมช่วยไหมล่ะครับ ถ้าผมช่วยได้ผมจะชวยพี่"
"มีสิ พี่มีแน่นอน พี่อยากให้น้องช่วยพี่อย่างนึงน่ะ"
"แล้วพี่ต้องการให้ผมช่วยอะไรล่ะครับ"
"พี่ต้องการบ้านหลังหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องหรูหรามาก ขอแค่ให้พี่ได้มีที่อยุ่อาศัยก็พอ "
หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นแต่เยือกเย็น จนน่าขนลุกมากจากน้ำเสียงของเธอ
"บ้านหนึ่งหลัง!!!"
หนุ่ยอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด เพราะแค่นักศึกษาธรรมดาๆอย่างเขาจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อบ้าน บ้านหลังนึงก็ปาไปไม่น้อยเลย ไม่ต่ำกว่าแสน และนักศึกษาอย่างเขาจะไปเอาเงินแสนมาจากไหนเพื่อมาซื้อบ้านให้กับเธอ
"ตกใจอะไร หรือ บ้านหลังที่พี่ต้องการเนี่ยมันไม่เป็นปัญหาสำหรับนักศึกษาอย่างน้องหรอก"
"แต่บ้านหลังนึงเนี่ยต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าแสนเลยนะครับ แล้วผมจะไปเอาเงินมาจากไหน"
หญิงสาวคนนั้นเริ่มมีอาการโกรธ จึงหันหน้ามาต่อว่าหนุ่ย
"หรือเอ็งจะผิดสัญญากับข้าฮะ รู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร บ้านที่ข้าต้องการให้เอ้งสร้างก็แค่หลังเท่าศาลเพียงตาเท่านั้นแหละ"
"นี่พี่เล่นตลกอะไรกับผมเนี่ยครับ เล็กแค่นั้นพี่จะเข้าไปอยู่ได้อย่างไรเล่า"
"ตกลงเอ็งจะทำให้ข้าหรือไม่ เอ็งจะผิดสัญญากับข้าหรอ เอ็งไปถามผู้ใหญ่ และคนในหมู่บ้านดูสิว่ารู้จักข้าหรือเปล่า"
หญิงสาวคนนั้นท่าทางโกรธมาก หนุ่ยจึงเริ่มใจคอไม่ดีและถามกลับไปเสียงสั่นๆว่า
"แล้วทำไมพี่ต้องโกรธผมด้วยล่ะครับ"
"ก็เอ็งมันผิดสัญญากับข้าก่อนทำไม ใครก็ช่างที่มันกล้าผิดสัญญากับข้า มันต้องเจอดีทุกรายไป"
ร่างของหญิงสาวสวย บัดนี้ไม่สวยอีกแล้ว เพราะร่างนั้นได้กลายสภาพเป็นศพเน่าเฟะ ส่งกลิ่นอบอวลไปหมด จนหนุ่ยตัวแข็งทื่อแน่นิ่งลงไปกับพื้น และหมดสติไปพักใหญ่ จนรุ่งเช้าเพื่อนๆและอาจารย์และอีกหลายๆคนในหมู่บ้านต่างช่วยกันออกตามหาหนุ่ย จนผู้ใหญ่บ้านได้บอกให้ไปลองหาดูที่ต้นตะเคียนหลังวัดดูปรากฏว่าพบร่างของหนุ่ยนอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นตะเคียนนั้น ทุกคนจึงช่วยกันนำหนุ่ยกลับไปยังวัด รอจนหนุ่ยฟื้น หนุ่ยจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับทุกคนฟัง ผู้ใหญ่บ้านจึงบอกว่า นั่นคือวิญญาณของผู้หญิงที่ชื่อ สายทอง เธอถูกสามีทอดทิ้งเพราะสามีเธอนำภรรยาใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน จึงทำให้สายทองรับไม่ได้ เธอเลยกระโดดน้ำตายตรงนั้น และวิญญาณเธอก็ไม่ยอมไปไหน วิญญาณของสายทองเลยสิงอยู่ที่ต้นตะเคียนต้นนั้นมาจนทุกวันนี้ หลายคนพบเจอเธออยู่บ่อยๆ และเธอก็ขอร้องให้ทุกคนช่วยหานู่นหานี่ให้เธออยู่บ่อยๆ และถ้าใครทำตามที่เธอขอ ก็มักจะเจอสิ่งปาฏิหารย์อยู่บ่อยๆ แต่ใครที่ผิดสัญญาหรือไม่ยอมทำตาม ก็จะได้เจอดีแบบที่หนุ่ยเจอ
อาจารย์และเพื่อนๆจึงขอร้องให้ผู้ใหญ่พาไปซื้อศาลมาตั้งไว้และเชิญวิญญาณของ สายทองมาอยู่ในศาลที่เขาได้ซื้อมาให้เธอ และหลังจากนั้นเป้นต้นมา คนในหมู่บ้านจึง สักการะและเคารพ เจ้าแม่สายทองมาจนทุกวันนี้ และสามีของ สายทองก็นำภรรยามาขออโหสิกรรม และสายทองก็อโหสิกรรมให้ คนในหมู่บ้านจึงมาบนบานศาลกล่าว กันเยอะแยะตราบจนทุกวันนี้ และหนุ่ยก็เจอปาฎิหารย์บ่อยครั้งเช่นกัน
วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เขาเป็นใคร?
ครั้งหนึ่งผมได้เผชิญหน้ากับชายนิรนามผู้หนึ่ง ภาพการพบปะในครั้งนั้นยังคงติดตาผมอยู่ แม้กระทั่งทุกวันนี้ ผมยังคงจดจำรายละเอียดของเขาผู้นั้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ผมยังเป็นเด็กนักเรียนประถม ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม ผมกับเพื่อนพากันไปจับตัวแมงกว่างที่ชายป่าหลังบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้เถาวัลย์ ป่าหวาย สะแก ข่อย แผ่กิ่งใบปกคลุมดูครึ้มสลัว เงียบวังเวงจนดูน่ากลัวในบางครั้ง แม้บรรยากาศจะดูสงัดเงียบวิเวกวังเวง แต่ผมกับเพื่อนก็ไม่ได้วิตก แดดยังจ้าอยู่ คงยังไม่ถึงสี่โมงเย็น และผมก็ตั้งใจว่าจะไปแค่ชายป่าหลังบ้าน เป้าหมายก็คือต้นสะแกข้างๆทางเกวียน ผมปีนขึ้นไปบนยอดเห็นแมงกว่างเกาะอยู่แถวๆปลายกิ่ง ส่วนเจ้าเพื่อนซี้ผมเดินงุ่มง่ามอยู่แถวโคนต้น
เมื่อจับแมงกว่างได้หลายตัว คิดว่าพอแล้ว กะจะโหนกิ่งสะแกแล้วทิ้งตัวลงพื้นดิน ผมมองหากิ่งสะแกที่เหมาะๆ แต่พลันนั้นเองผมก็ยืนตัวเย็นเฉียบ เมื่อสายตาของผมปะเข้ากับสิ่งหนึ่งซึ่งผมไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็น สาบานได้ว่าตอนนั้นสติสัมปชัญญะของผมยังครบถ้วนบริบูรณ์
สิ่งที่ผมเห็นนั้นยืนอยู่บนพื้นดิน ห่งจากต้นสะแกที่ผมเกาะอยู่ราว 8-10 เมตร รูปร่างเหมือนมนุษย์ สูงขนาดชายไทยทั่วๆไป ร่างนั้นยืนสงบนิ่งขาแยกจากกันเล็กน้อย แต่…ไอ้ที่ผมต้องตะลึงงันก็คือ ตั้งแต่ศรีษะจรดเท้าของเขาโปร่งใสมองทะลุไปเห็นต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังได้ แถมที่หัวนั้นไม่มีหู ไม่มีจมูก ไม่มีปาก มันราบเรียบไปหมด สิ่งที่ปรากฏบนใบหน้ามีเพียงวงกลมๆขนาดเท่าไข่ไก่สองวงสีส้ม ผมคาดว่าน่าจะเป็นดวงตา แต่มันเบิกโพลงแน่นิ่งไม่กระพริบ
ผมคิดว่าเพื่อนผมที่อยู่ข้างล่างตรงโคนต้นสะแกคงมองตามสายตาผมแล้วก็คงยืนตัวแข็งจ้องเขม็งเช่นเดียวกับผมเหมือนกัน เราทั้งหมดต่างเงียบกันอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วผมก็รู้สึกว่าใบหน้านั้นทำทีเหมือนจะยิ้ม พอถึงจุดนี้ผมก็ไม่อาจทนต่อไปได้ ผมร้องไม่เป็นภาษาออกมาสุดเสียง โจนลงจากต้นสะแกได้อย่างไรก็ไม่รู้ แล้ววิ่งแน่บตรงกลับบ้านโดยมีเจ้าเพื่อนของผมวิ่งตามมาติดๆ
ผมขึ้นไปนั่งตัวสั่นอยู่บนบ้านท่ามกลางความตกอกตกใจของพ่อแม่พี่น้อง กว่าผมจะเปิดปากเล่าให้ฟังได้ก็อีกตั้งร่วมชั่วโมง ทุกคนฟังแล้วก็ได้แต่งงงัน เขาผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน จะว่าเป็นภูตผีปีศาจก็ไม่เชิง สัตว์ประหลาดก็ไม่น่าจะใช่ แล้วคุณผู้อ่านล่ะ คิดว่าเขาเป็นใคร!
วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ผีห่วงลูก
ฉันเป็นคนนอนดึกมาก บางทีถ้าเป็นวันศุกร์วันเสาร์ ที่เช้าวันรุ่งขึ้นไม่ต้องไปเรียนฉันก็ยิ่งจะไม่นอนเลยละ คนเรานี่ก็แปลกนะ ฉันสังเกตตัวเองว่า ถ้าง่วงก็มักจะง่วงตอนตีสองกว่าๆ แต่ถ้าเลยเวลานั้นไปแล้วก็จะตาสว่าง ไม่ต้องนอนกันละจนกว่าจะเที่ยงหรือบ่ายโน่น
เป็นเพราะพฤติกรรมวัย รุ่นแบบใหม่นี่เอง ที่ทำให้ฉันเจอประสบการณ์ขนหัวลุก!
บ้าน ฉันมีคนอยู่กันเยอะ ทั้งพ่อแม่ น้องๆ ตายาย ไหนจะคนใช้ คนสวน คนรถอีกเพียบ ฉะนั้นตอนกลางวันจึงมีกิจกรรมมากมาย ตอนกลางคืนที่ทุกคนเข้านอนกันหมด จึงเป็นเวลาที่เงียบสงบและฉันชอบมาก เพราะบ้านทั้งหลังเหมือนมีฉันอยู่เพียงลำพังกับเจ้าจังโก้ หมาพันธุ์ชิวาว่าตัวกะเปี๊ยก แต่มันดุมากเชียวถึงได้ชื่อจังโก้ไง! เวลาใครเดินผ่านหน้าบ้านมันจะเห่าเสียงแหลมดังขรม หน้าเล็กๆ ตาแป๋วๆ เขี้ยวขาวๆ น่ากลัวไม่เบา
บางคืนฉันออกมาเดินเล่นรอบบ้าน ชมแสงจันทร์ เจ้าจังโก้ก็จะวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ ตามหลังเป็นบอดี้การ์ด ฉันต้องระวังไม่เผลอเหยียบมันให้เป็นโศกนาฏกรรม
คืนนั้น คืนสยองที่สุดในชีวิตของฉัน!
พระจันทร์สวยมาก เต็มดวงสวยแจ่มอยู่บนฟ้าไร้เมฆ อากาศก็เย็นสบาย เพราะอยู่ในช่วงฤดูหนาว ฉันอดใจไม่ไหวต้องผละจากจอคอมพิวเตอร์เดินลงไปข้างล่าง บ้านมืดและเงียบฉันไม่เปิดไฟเลยสักดวง แถมพอออกจากประตูกระจกฉันก็ปิดไฟที่เทอเรซเสียด้วย
มันต้องอย่าง นี้สิถึงจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศในแสงจันทร์งามอย่างเต็มที่...
แน่ นอน! เจ้าจังโก้ก็ตามติดมาอีกเช่นเคย พอฉันนั่งลงตรงโต๊ะหินข้างสนามมันก็นั่งด้วย ดูตัวนิดเดียว ฉันต้องอุ้มมันขึ้นมาวางบนโต๊ะ มันหมอบราบเอาคางเกยตีนหน้า ขณะที่ฉันดื่มด่ำกับความงามยามค่ำคืน และคิดว่าเดี๋ยวจะขึ้นไปบนห้อง ทำรายงานต่อซะที ยังไม่ง่วงเท่าไหร่ ไว้ไปนอนตอนบ่ายๆ แล้วกัน
ทันใดนั้น จังโก้เงยหน้าขึ้น หูตั้ง ตากลมโตตื่นตระหนก จ้องมองไปบ้านข้างๆ
บ้านนั้นอยู่ห่างจากที่ฉันนั่งไปราว 20 เมตร มีกำแพงอิฐกั้นอยู่ สองฝั่งของกำแพงเป็นสนามหญ้าบ้านฉันกับบ้านเขา เราปลูกไม้พุ่ม ไม้ยืนต้นคล้ายๆ กันทั้งสองบ้านคือ มะม่วง, แสงจันทร์และเฟื่องฟ้า แต่ต้นไม้เหล่านี้ไม่ได้บดบังตัวตึกจากสายตาเลย ฉันมองเห็นชั้นสองของเขาได้เต็มๆ ทั้งระเบียงและหน้าต่างห้องนอน และขณะนี้ฉันมองตามสายตาของเจ้าจังโก้ไปที่บริเวณชั้นสองนั่น เอ๊ะ! อะไร? ฉันเห็นผ้าขาวบางเบาผืนค่อนข้างใหญ่ โบกสะบัดพลิ้วอยู่ตรงระเบียงเหมือนมีใครเอามันมาตากไว้...แต่ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นผ้าตากมันต้องอยู่ตรงนั้นซิ แต่นี่มันลอยได้!
มันลอยเหมือน โคมไปรอบบ้านช้าๆ ดูเผินๆ คล้ายค้างคาวเผือกตัวมหึมา...
นั่น! มันลอยมาทางด้านที่ฉันมองอยู่ คุณพระช่วย! ฉันเห็นหัวที่มีผมยาวและใบหน้าขาวๆ...ไม่ต้องคิดนาน ต่อให้ปัญญาอ่อนยังไงก็รู้ว่านั่นน่ะ-ผี!!
เจ้าจังโก้เผ่นแผล็วเข้าบ้านไปก่อนฉันตั้งนาน กว่าฉันจะลุกขึ้นในอาการตกตะลึง เส้นสายที่ขามันแข็งตึงจนก้าวไม่ออก ฉันค่อยๆ ถอยหลังทีละน้อยๆ ตัวชา ขนลุกเห่อ ฉันถอยหลังเข้าบ้าน ดึงประตูกระจกปิด ล็อกกลอนและรูดผ้าม่านก่อนจะเผ่นขึ้นข้างบนเข้าไปในห้องนอนตัวเองและกด สวิตช์ไฟสว่างพรึ่บ ก่อนจะถลันไปที่หน้าต่าง รูดม่านปิดอย่างแรง
จังโก้หมอบซุกหมอนบนที่นอน ตัวสั่นอย่างน่าสงสาร ฉันดึงมันมากอด ทั้งปลอบและอาศัยมันเป็นเพื่อน...เรานอนซุกผ้าห่มกอดกันทั้งคืน หลับไปบ้างแล้วผวาลุกขึ้น รุ่งสางพอดี...
ฟ้าเรื่อเรือง ฉันแง้มม่านดู ไม่มีปีศาจที่ลอยรอบบ้านนั่นแล้ว แต่ในซอยที่พระสงฆ์เดินช้าๆ บิณฑบาต ฉันเผ่นลงไปข้างล่าง เจอป้าแช่มแม่ครัวก่อนใครเพื่อน
ป้า เมื่อคืนหนูเจอผีหลอก! พอฉันเล่าเท่านั้นแหละ ป้าแช่มตกอกตกใจ ตื่นเต้น ขนลุกเกรียว น้ำตาคลอ
โถ! คุณอ้อม...เธอคงไม่รอดแล้วละ
ใคร ล่ะคะคุณอ้อมน่ะ? คำตอบก็คือเป็นภรรยาคนสวยเจ้าของบ้านข้างๆ ฉันเอง มิน่าล่ะ ใบหน้าซีดเผือดและผมดำสนิทที่ฉันเห็นเมื่อคืนมันคุ้นๆ พิกล
คุณอ้อมไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล ได้ลูกสาวเป็นลูกคนแรกเมื่อสี่วันก่อน ลูกน่ะได้กลับบ้านแล้ว แต่คุณอ้อมเกิดติดเชื้ออาการหนัก ต้องอยู่ที่โรงพยาบาล
ใช่แล้วค่ะ คุณอ้อมสิ้นใจจากโลกมนุษย์ของเราไปเมื่อตอนกลางดึก วันนี้พ่อแม่ฉันต้องไปรดน้ำศพ ฉันไปด้วยไม่ไหวหรอก แต่ประสบการณ์ที่ฉันเห็นถูกเล่าปากต่อปากไปทั่ว
คุณอ้อมที่น่าสงสารห่วงลูกจนวิญญาณมาวนเวียนรอบบ้าน และไม่ใช่ฉันเท่านั้นที่เห็นเธอ กระทั่งสามีและแม่ตัว รวมทั้งแม่ผัวกับพี่เลี้ยงเด็กก็เห็นเสมอๆ ว่าคุณอ้อมยังห่วงลูก ไม่จากไปไหนจนเดี๋ยวนี้...ทุกค่ำคืน ฉันจะปิดม่านสนิท และไม่ลงไปเดินเล่นกลางราตรีอีกเลยค่ะ!
12บ้านผีสิงสุดเฮี้ยน ในเมืองไทย
ก่อนหน้านี้ได้แนะนำบ้านผีเฮี้ยนไปแล้ว 10 อันดับ แต่ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ คราวนี้ลองมาทัวร์บ้านผีสิงทั่วเมืองไทยที่ว่ากันว่าเฮี้ยนสุดๆ กันดีกว่า
1.สุสานโสเภณี จ.กาญจนบุรี
สถานบันเทิงเก่าแก่ของจังหวัด เปิดให้บริการกับผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศได้มาใช้บริการ ที่แห่งนี้มีหญิงบริการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวถูกบังคับให้รับแขกอย่างทารุณ ไม่ได้พักผ่อน บ้างก็ถูกทำร้ายร่างกาย บ้างก็เป็นโรคร้าย จนสุดท้ายหญิงสาวทั้งหมดได้เสียชีวิตลงที่นี้อย่างมากมาย จนเราเรียกได้ว่าเป็น "สุสานโสเภณี" ซึ่งชาวบ้านบริเวณนั้น มักได้ยินเสียงผู้หญิงและเด็กร้องขอความช่วยเหลือเมื่อเข้าไปดูก็ไม่พบใคร เลย
2.บ้านผีมอญ จ.กาญจนบุรี
คู่สามี-ภรรยาเจ้าของบ้านเป็นคนมอญที่มีนิสัยหวงของมาก จะดุด่าคนที่แอบมาขโมยผลไม้ในสวน ด้วยความที่เป็นคนหวงของและดุด่าเก่งมาก จึงทำให้ถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่ท้ายสวน วันหนึ่งมีคนเข้ามาเก็บผลไม้ในสวน แกก็ตามไปทวงถึงบ้าน จนคนที่เก็บไปรีบนำมาคืนแทบไม่ทัน นอกจากนี้ ยังมีศพชาวกะเหรี่ยง ๙ ศพ ที่ถูกวิสามัญฝังอยู่บริเวณบ้านหลังนี้
3.บ้านผมผี จ.กาญจนบุรี
หญิงผู้เป็นเจ้าของบ้าน ตัดสินใจลาบวชด้วยความเสียใจที่คนในบ้านตายที่ละคนโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยบ้านทิ้งไว้จนกลายเป็นสภาพบ้านร้าง
ชาวบ้านบริเวณนั้น นึกว่าเจ้าของบ้านเสียชีวิตไปแล้ว จึงเข้าไปดูในบ้าน ปรากฏว่าเส้นผมเต็มไปหมด บางคนก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ในบ้าน
4.โรงพยาบาลสยอง จ.ระยอง
ด้วยพิษทางเศรษฐกิจเมื่อหลายปีก่อน ทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้ปิดกิจการลง กลายเป็นโรงพยาบาลร้างในที่สุด ในเวลากลางคืนชาวบ้านมักเห็นไฟเปิดสว่างเต็มไปหมด บางคนเข้าไปก็เห็นเตียงนอนคนไข้เข็นเองได้ กลายเป็นเรื่องราวชวนสยองเลื่องลือถึงกิตติศัพท์ความน่ากลัวมาถึงปัจจุบัน
5.สุสานศพไร้ญาติ จ.ชลบุรี
ศพไร้ญาติทั้งหลายเหล่านี้ ถูกนำมาขุดหลุมฝังเป็นสุสานไร้ญาตินับร้อยนับพัน ขุดเรียงรายกันเป็นทิวแถวยาว จนทำให้หลาย ๆ คนเล่ากันว่าเป็นฮวงซุ้ยที่น่ากลัวมาก ๆ หลายครั้งที่ได้ออก TV รายการต่าง ๆ มักไปทำที่นั่น
6.บ้าน ๔ ศพ จ.ชลบุรี
ครอบครัวหนึ่งประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูก ๒ คน เดินทางไปท่องเที่ยว แต่ระหว่างทางประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเสียชีวิตทั้งหมด บ้านหลังนั้นกลายเป็นบ้านร้าง แต่คนที่ผ่านไปมาเห็นเงาคนเหมือนมีคนอยู่ในบ้านอยู่เสมอ และยังเป็นที่พบศพถูกฆาตกรรมอย่างปริศนา มีห่วงเชือกผูกเป็นปมมัดอยู่ในบ้างหลังนั้น
7.บ้านผีนายพล จ.ชลบุรี
เป็นบ้านพักตากอากาศชายทะเลที่ครอบครัวนายทหารมาพักผ่อน และถูกฆาตกรรมทั้งครอบครัว ศพทั้งหมดถูกยัดไว้ในห้องใต้ดินของบ้านพักตากกาศหลังนี้ มีคนเคยเห็นควันธูปลอยขึ้นมาในบริเวณบ้านหลังนี้ด้วย
8.บ้านผียายสรวง จ.อยุธยา
หญิงชราเจ้าของบ้านผู้ชอบกินหมาก ได้เสียชีวิตลงภายในบ้าน พร้อมกับโลงศพที่พบภายในบ้านจนถึงทุกวันนี้ ผู้คนแถวนั้นยังคงได้ยินเสียงคนแก่พูด และเสียงตำหมากอยู่ทุกค่ำคืน
9.บ้านผีโหด อ.บางเลน จ.นครปฐม
เกิดเหตุทะเลาะวิวาทฆ่ากันตาย พ่อตายิงลูกเขยเสียชีวิตลง แล้วนำศพไปทิ้งไว้ในบ่อหลังบ้าน ปัจจุบันยังคงมีคราบเลือดที่ขอบกำแพง
10.บ้านผีตายโหง หนองจอก
เป็นบ้านร้างมาเกือบ ๑๐ ปี มีการเล่ากันว่า นอกจากจะมีการฆ่ากันตายในบ้านแล้ว ยังมีผู้หญิงเข้ามาผูกคอตายในบ้านหลังนี้อีก และยังมีการนำเอาศพมาทิ้งไว้ใต้บันไดเพื่ออำพรางคดีอีกด้วย
11.บ้านตรอมใจ หนองจอก
หญิงสาวเจ้าของบ้านนับถือศาสนาพุทธรับการกระทำของสามีที่นับถือศาสนาอิสลามเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงไม่ได้ ทั้งสองจึงทะเลาะวิวาทกัน ฝ่ายชายหนีออกจากบ้านไป ฝ่ายหญิงได้แต่เฝ้ารออยู่ที่บ้าน จนกระทั่งล้มป่วยเพราะตรอมใจ และเสียชีวิตลงในที่สุด ชาวบ้านแถวนั้นมักได้เสียงร้องไห้คร่ำครวญของผู้หญิงเสมอ
12.บ้านเสาตกน้ำมัน จ.ราชบุรี
บ้านทรงไทยที่มีเสาตกน้ำมันไหล จากข้างบนลงมาข้างล่าง ด้วยความที่เป็นบ้านร้างก็มีเถาตำลึงขึ้นเต็มไปหมด ชาวบ้านไปเก็บ ปรากฏว่ามีผู้หญิงใส่ชุดไทยมายืนชี้หน้าอยู่
วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
10 อันดับบ้านผีเฮี้ยนทีสุดในไทย
1.ในซอยรามคำแหง 32
ปล่อยให้ทิ้งร้างเก่าทรุดโทรมอย่างน่าใจหาย
ประวัติของบ้านมีว่าเจ้าของบ้านเป็นชาวต่างชาติ วันหนึ่งเจ้าของบ้านขับรถออกไปทำงานตามปกติ
ที่บ้านมีสาวใช้อยู่เพียงคนเดียว คนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งคงมาแอบสังเกตการณ์นานพอสมควรได้ฉวยโอกาสเข้าปล้น และฆ่าสาวใช้ตายคาที่ นับตั้งแต่นั้นมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ช่วยดังโหยหวนน่าสยดสยอง และยังเห็นผู้หญิง (เข้าใจว่าเป็นสาวใช้ที่ถูกฆ่าตาย) เดินวนเวียนวูบวาบอยู่ในบ้าน
เจ้าของบ้านทนอยู่ไม่ไหวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น
เล่ากันว่าหลังจากนั้น มีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย ดังมาจากบ้านร้างบ่อยๆ และมีคนเห็นผู้หญิงลึกลับ ยืนอยู่หน้าบ้านเป็นประจำเมื่อเข้าไปใกล้ก็หายไป
2.วัดมหาบุศย์ พระโขนง
ที่วัดมหาบุศย์ ยังมีศาลย่านาคตั้งอยู่ สืบเนื่องมาจากตำนานรักของแม่นาคพระโขนง ที่รู้กันแพร่หลายเล่ากันว่า เมื่อผีแม่นาคอาลวาดหลอกหลอน จนชาวบ้านหาปกติสุขมิได้ เจ้าประคุณสมเด็จโต (วัดระฆั )ได้มานำวิญญาณแม่นาคไปพร้อมกับกระดูกกระโหลกหน้าผาก แล้วอบรมสั่งสอนให้รักษาศีล ปฏิบัติธรรม นัยว่าแม่นาคเลื่อนภพเป็นเทพแล้ว หากยังมีผีวนเวียนที่วัดมหาบุศย์คงมิใช่วิญญาณแม่นาคอย่างแน่นอน
3.ในซอยสายหยุด อู่รถเมลล์เก่า
ที่นี่เป็นสุสานรถเมลล์หรือรถโดยสารประจำทาง ที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนใช้การไม่ได้
ซากรถเมลล์แต่ละคันมีประวัติคนตายโหงคารถ ในสภาพสยดสยองมาแล้วและเป็นที่เล่าลือกันว่า อยู่ดีๆไฟในรถกลับเปิดสว่างขึ้นมาเอง หรือมีคนมายืนโบกรถหน้าอู่ แท๊กซี่จะเข้าไปจอดรับก็หายไป บางครั้งมีคนวิ่งตัดหน้า และหายไปดื้อๆ
4.ในซอยรอดอนันต์ 1 ถ.สุขาภิบาล1
เป็นบ้านร้างทรงไทยอยู่ริมบึงห่างไกลจากบ้านอื่นๆในระแวกนั้น บริเวณบ้านรกครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย
คุณยายเจ้าของบ้าน เสียชีวิตที่บ้านหลังนี้ และน่าเชื่อว่า วิญญาณของคุณยายไม่ยอมไปผุดไปเกิด
แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน จนกระทั่งลูกหลานไม่กล้าอยู่ ต่างแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหมด
ปล่อยบ้านทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และที่บ้านหลังนี้เล่าลือกันว่าผีดุนัก คนอยู่ระแวกใกล้เคียง เคยเห็นผีคุณยายมายืนชี้นิ้วอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อมีเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในบริเวณหน้าบ้าน เคยมีคนใจกล้าเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงผู้หญิงแก่ๆขู่ตะคอก จนต้องเผ่นออกมาแทบไม่ทัน
5.รังสิต คลอง 13
จากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร มีบ้านพักถูกไฟไหม้เกือบหมดทั้งหลัง แต่ยังเหลือซากบ้านอยู่ส่วนหนึ่ง ข้อมูลบางกระแสเล่าว่า มีผู้หญิงตายในไฟ บ้านหลังนี้อยู่ในสวนมะขามหวาน แต่ถูกทิ้งให้รกร้าง
คนในระแวกใกล้เคียงต่างยืนยันกันว่าตอนกลางคืน จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวน มาจากซากบ้านบ่อยๆ พร้อมกันนั้นเคยมีคนเห็นผีผู้หญิงในบริเวณซากบ้านด้วย
6.ในซอยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถ.พัฒนาการ
เป็นโรงงานร้าง เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำปากกา และเป็นโรงกลึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 80 ไร่ เหตุที่กลายเป็นโรงงานร้าง ชำรุดทรุดโทรม มีวัชพืชขึ้นปกคลุมรกครึ้มเช่นทุกวันนี้ ว่ากันว่าเจ้าที่เจ้าทางแรง ระหว่างที่ดำเนินงานอยู่ มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายคน ผู้ลงทุนขาดทุนย่อยยับจนต้องเลิกกิจการหากเดินเข้าไปในอาณาเขตโรงงานร้าง จะสัมผัสบรรยากาศยะเยือกผิดปกติ และเล่าลือกันว่าหากไปเคาะแท้งก์น้ำซึ่งตั้งอยู่ 3 ใบ 3 ครั้ง จะปรากฏเจ้าที่เจ้าทางออกมาให้เห็นทันที
7.วัดปราสาท จ.นนทบุรี
เป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เคยขุดพบกำแพงเมืองรอบอุโบสถอายุ 300 ปีด้านหลังอุโบสถ มีคุ้มเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรม ว่ากันว่าเจ้าของสถานที่คือ พระนางอุษาวดีเทวี ชาวบ้านระแวกนั้นเรียกว่า "แม่" และ" เจ้าแม่ " เวลากลางคืนหากไปที่บริเวณคุ้มจะมีบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก ผู้ใดไปแสดงกิริยาวาจาจ้วงจาบหยาบคาย ไม่เคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่ มักจะพบกับเหตุการณ์แปลกๆน่าขนหัวลุก
8.โรงงานร้างอยู่ในอุตสาหกรรมบางปู (ฝั่งเดียวกับเมืองโบราณ)
สถานที่อยู่สุดซอย 2 เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำรองเท้า ขณะที่กิจการกำลังดำเนินงานไปด้วยดี ได้เกิดอุบัติเหตุร้างแรง คือเครื่องปั้มลมเกิดระเบิดคนงานหลายคนเสียชีวิตสยอง นับตั้งแต่นั้นคนงานที่ทำงานอยู่ ถูกผีหลอกวิญญาณหลอน จนต้องทะยอยลาออกไปเรื่อยๆจนหมด กิจการประสบความวินาศ เจ้าของโรงงาน ยิงตัวตายในห้องทำงานชั้นบนของโรงงาน และกลายเป็นสถานที่รกร้างเรื่อยมา เล่าลือกันว่าผีดุมาก ปัจจุบันนี้ยังมีเศษรองเท้ากระจายเกลื่อนและปั้มลมมรณะก็ยังอยู่
9.ในซอยวัชรพล
เป็นบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ ซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ถูกทิ้งร้างค้างคาอยู่ในสภาพเดิม เวลากลางคืนดูน่ากลัวชวนขนลุกยิ่ง และว่ากันว่ามีคนพบเห็นวิญญาณของชายหญิงและเด็ก ปรากฏวูบวาบบ่อยๆ สาเหตุที่บ้านหรูหลังใหญ่ กลายเป็นบ้านร้าง เนื่องจากเจ้าของบ้านหลังนี้ พาครอบครัวขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด
และประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตหมดทุกคน
10.ในซอยวัชรพลเช่นกัน
เป็นหมู่บ้านร้างตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ชื่อหมู่บ้านปิยพร คนเก่าคนแก่ในพื้นที่เล่าว่า ที่ดินส่วนนี้เคยเป็นป่าช้ามาก่อน เจ้าของโครงการ ไม่ได้ทำพิธีบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง ดังนั้นพอเริ่มงานก่อสร้าง จึงพบกับอุปสรรคนานาประการ ต่อมามีคนงานเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลายคน ในเขตหมู่บ้านมีบึงใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ก็มีเด็กตกไปตาย 2-3 คน ประกอบกับบ้านในโครงการ ไม่มีผู้สนใจอย่างที่ประเมินเอาไว้ จึงต้องยุติโครงการ กลายเป็นหมู่บ้านร้างกลางกรุง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่า ผู้ที่เข้าไปในเขตหมู่บ้านยามวิกาล มักจะพบวิญญาณแสดงตัวหลอกหลอนเล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่บังอาจกล้ำกลายเข้าไปอีก
ผีเฮี้ยนที่ห้างดัง
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จะพยายามไม่เอ่ยถึงสถานที่ชัดเจน เพื่อผลกระทบ…..ตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นและเป็นอยู่….เคยโทรไปออนแอร์นานแล้วกับพิธีกรผีๆ กพล ทองพลับ เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วครับ….ซึ่งญาติผมเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่ทำงานด้าน วิศวกร ออกแบบ ก่อสร้าง…ไม่ขอเอ่ยนาม
ห้างหนึ่งในกรุงเทพมหานครได้ทำการก่อสร้างและมีบริษัทรับเหมาทั้งออกแบบและก่อสร้าง ควบคุม ดูแลงาน…ได้มีการก่อสร้างตามขั้นตอนตามแบบแปลนที่วางไว้ จากชั้น 2 ไปชั้น 3 ขอย้ำนะครับว่า จากชั้น 2 ไปชั้นที่ 3 ….เรื่องเกิดตรงนี้…
หลังจากสร้างเสร็จแล้ว มีการย้ายเข้าไปอยู่ของทางร้านค้าต่างๆ เป็นทั้งแบบดีพาร์ท และแบบให้เช่า อยู่ได้ไม่นานครับ เจ้ง ความว่า กลางคืน ทั้งยาม ทั้งแม่บ้าน เจอกันทุกราย เช่น หุ่นเดินได้ แม่บ้านทำความสะอาดที่มาทำงานก่อนห้างเปิด เจอคนนั่งร้องให้ เสื้อผ้าลอยได้ คนวิ่งเข้าไปในต้นเสา …ทีแรก นึกว่าเป็นขโมย ต้องตามยามมาค้นหา แต่ก็หาไม่เจอ…ช่วงห้างเลิก…วงจรปิดจับภาพคนได้ นึกว่าขโมยแอบเข้ามา ค้นหา ไม่เจอครับ
พอมีการเปลี่ยนเจ้าใหม่ ก็ต้องมีการปิดปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ออกแบบภายในใหม่ โดยวิศวกรกลุ่มเดิม มาคุมงาน…หลังจากห้าทุ่มแล้ว พวกวิศวกรพากันขึ้นไปทานข้าวที่ห้องอาหารชั้น5 …ซึ่งปิดปรับปรุงเหมือนกัน แต่ก็ยังมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่ง โดยการซื้ออาหารมาทานเองครับ เหล่าคนงานที่มาตกแต่งร้านก็พากันกลับหมดแล้ว กลุ่มพวกวิศวะพากันนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น เหลือบไปเจอผู้หญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งนั่งหน้าเศร้าอยู่ในมุมมืด..มองมาทางกลุ่มที่ทาน ข้าวอยู่
หัวหน้า พูดกับลูกน้องว่า..ใครวะ ดึกๆ ดื่นๆ ยังไม่กลับอีก มานั่งอยู่ตรงนั้น ไปเรียกเขามาทานข้าวด้วยกันซิ…แล้วก็ให้ลูกน้องไปเรียก หญิงวัยกลางคนคนนั้นมาทานข้าวด้วย
พี่ๆๆ ทำไมยังไม่กลับอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือ…ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงวัยกลางคนก็เลยสำทับกับคำถามเดิมอีกครั้ง…พี่ๆ ทำไมยังไม่กลับอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้…หัวหน้าให้ผมมาเรียกไปทานอาหารด้วยกัน…มาม๊ะ มาทานอาหารด้วยกัน..เสียงหญิงคนนั้น พูดช้าๆเสียงออกทำนองอิสานว่า..บ่ไปหรอก..ให้หัวหน้าเธอมาทานที่นี่ซิ
ฝ่ายลูกน้องก็ตะโกนไปบอกหัวหน้าที่นั่งห่างไม่ใกลเท่าไหร่ ประมาณสัก 5-6 เมตร ว่า หัวหน้า ..เธอไม่ไปหรอก เธอให้พวกเรา มาทานที่โต๊ะของเธอ…จะบ้าเรอะ พวกเราเยอะกว่า จะให้ย้ายไปที่คนน้อยกว่าได้ไง..มานั่งที่นี่ด้วยกันซิ..ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน ค่อยๆหันหน้ามาทางหัวหน้าและกลุ่มวิศวะอย่างช้าๆมองแบบตาขวางๆหน้าเศร้าๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า หัวหน้าไม่เจอกันตั้งนานยังใจดำเหมือนเดิมนะ….หัวหน้า งง ..ป้ารู้จักผมหรือ ทำไมผมไม่รู้จักป้าเลย….ทำไมจะไม่รู้จักละ ป้าตอบ
เออ แล้วป้าเป็นใคร อยู่ที่ไหน มาทำอะไรที่นี่…เสียงจากหญิงลึกลับพูดมาว่า..เวลาผ่านมาไม่นาน ทำเป็นจำหนูไม่ได้ ก็หนูติดอยู่ที่ต้นเสาชั้นสอง ที่หัวหน้าไม่ยอมเอาหนูออกมาไง…เสียงตอบจากป้า
….แค่นั้น ละ…หัวหน้าวิศวะ วิ่งป่าราบ ก่อนเพื่อนเลย ลูกน้องที่นั่งอยู่ด้วย ก็วิ่งตาม…ไป และถามหัวหน้าข้างนอกตึกว่า วิ่งทำไมหรือ…หัวหน้าตอบว่า…มันไม่ใช่คน……………..แล้วก็เลยเล่าเรื่อง ที่เกิดขึ้นพลางสำทับไปว่า…ห้ามแพร่งพราย…ไม่งั้นเดือดร้อนกันทั่ว…จนกว่าเราจะหมดพันธะจากการเป็นที่ปรึกษาของบริษัทนี้ก่อน…
เรื่องที่ปกปิดเป็นความลับ คือว่าห้างแห่งนี้ตอนก่อสร้าง ได้มีคนงานเป็นหญิงวัยกลางคนชาวอิสาน ได้ตกไปในเสาเอกหรือเสาหลัก ตอนเทปูน…มาเจอตอนที่เขาแกะบล็อกออกจากเสา จึงรู้ว่า มีคนอยู่ข้างใน…จะเอาออกก็ไม่ได้ ต้องทำการรื้อใหม่ทั้งชั้น จะสูญเสียงบไปหลายสิบล้านบาท…จึงหาวิธีแก้ โดยการโบกปูนฉาบทับไปเลยและปิดเป็นความลั สุดยอด…สอบถามถึงคนที่ติดอยู่ข้างใ เป็นใคร
สุดท้ายจึงรู้ว่าเป็นเมียคนงานที่ทำงานอยู่ที่นี่…ฝ่ายผู้รับเหมาและวิศวะเลยต้องหาวิธีโดยไม่ต้องรื้อ…ทำไงหรือครับ เสนอเงินจำนวนหนึ่ง ให้ฝ่ายสามี…แล้วก็ฉาบปูนทับไปเลย ไม่มีการเอาศพออก….เรื่องก็เงียบไป….แต่อย่างว่าละครับ…มันเลยเป็นอาถรรณ์ ใครมาบริหารห้างนี้ เจ้งแล้ว เจ้งอีก ผมก็เคย ไปดูให้เห็นกับตามาแล้ว…แต่คนที่มาอยู่ใหม่ เจ้าใหม่ คงไม่รู้แน่ๆ
……ทุก วันนี้ ก็ยัง เฮี้ยนไม่เลิกครับ……สงสารเจ้าของใหม่ แม่บ้าน และยาม ที่เขาไม่รู้..ต้องเจอดี
วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เหล่าไอดอลรวมตัวกันใน Incheon Korean Music Wave 2010
ป้ายกำกับ:
2PM,
ข่าวเกาหลี,
after school,
BEAST,
C.N Blue,
MBLAQ,
SG Wannabe,
SHINee,
SNSD,
Son Dam Bi,
Super Junior,
U-Kiss
วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ชาวเน็ตอึ้ง! TaeYang [BigBang] สวีทหวานสาว Sandara [2NE1]
ํชาวเน็ตตะลึง!! ฉากรัก TaeYang [BigBang] สวีทหวานกับสาว Sandara Park [2NE1] ศิลปินจากค่ายเดียวกัน???
หลังจากที่ TaeYang วง BigBang ได้เตรียมเปิดตัวอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกของเขาและมีการเปิดตัวรายชื่อเพลงในอัลบั้มทั้งหมดออกมาแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด TaeYang ได้ส่ง Music Video เพลงแรกออกมาแล้วในชื่อเพลง "I Need a Girl" ซึ่งในเพลงนี้ก็ได้เพื่อนในวงเดียวกันอย่าง G-Dragon มาร่วม Featuring ในช่วงของท่อนแร๊พให้อีกด้วย...
นอกจากใน Music Video ตัวนี้จะได้ Sandara Park วงรุ่นน้องจากค่ายเดียวกัน 2NE1 มาร่วมแสดงเป็นนางเอก Music Video แล้ว เมื่อ Music Video เพลงนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างพูดถึงความหวานและความใกล้ชิดของทั้ง 2 คนอย่างล้นหลาม เพราะดาราเองก็เพิ่งให้ข่าวว่า เธอเริ่มที่จะมองหาผู้ชายที่จะมาเป็นแฟนของเธอแล้ว ส่วนทางด้าน TaeYang เอง ก็เคยให้ข่าวว่า เขาต้องการที่จะแต่งงานภายในปีนี้อีกด้วย เพราะเหตุนี้เอง กระแสความแรงของ Music Video นี้จึงแรงและเป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้
โดยใน Music Video นี้ มีฉากที่ทั้ง 2 คนนั้นแสดงด้วยกันมากมายหลายฉาก ซึ่งดีกรีความหวานนั้นไม่ต้องพูดถึง แต่ถึงจะหวานกันขนาดไหน แต่มันก็เป็นแค่งานใช่ม้าพ่อหนุ่ม TaeYang ^^
ทั้งนี้ใน Music Video ตัวนี้ยังมีฉากที่ดาราได้อวดเสื้อของเธอที่มีรูป TaeYang สกรีนอยู่บนเสื้อ ที่เป็นตัวเดียวกับที่เธอใส่ถ่ายรูปแล้วโพสต์เอาไว้ที่ Me2Day เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้แฟนๆ ได้หายข้องใจกันไปเปราะหนึ่ง
PLEASE TAKE OUT WITH FULL CREDITS
CREDITS VIDEO : allkpop
วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
TaeYeon [Girl's Generation] ได้รับการโหวตให้เป็นพิธีกรที่น่าสนใจ
ทาง DC Inside ทำการสำรวจจากวันที่ 22 ถึง 29 มิถุนายนด้วยคำถามว่า “ไอดอลคนไหนที่เหมาะจะเป็นพิธีกรและน่าสนใจมากที่สุด?" โดยมีคนเข้าร่วมสำรวจจำนวน 29,151 คน
อันดับ 1 คือ แทยอน (Tae Yeon) จากวง SNSD
แทยอนเป็นอันดับ 1 ด้วยเสียงโหวด 8,319 หรือ 28.5% ซึ่งปัจจุบันเธอเป็นพิธีกรรายการ Win Win ของทางสถานี KBS และเคยเป็นดีเจรายการวิทยุ Chin Chin ของทางสถานี MBC
อันดับ 2 ลีทึก (Lee Teuk) จากวง Super Junior
ลีทึกได้เป็นอันดับ 2 ด้วยเสียงโหวด 7,103 หรือ 24.4% ลีทึกกำลังทำรายการในช่วง Teukigayo ที่ Strong Heart ของทางสถานี SBS และเป็นดีเจคู่กับอึนฮยอค (Eun Hyuk) ที่รายการ Kiss the Radio ของทางสถานี KBS
อันดับ 3 คือ มินโฮ (Min Ho) จากวง SHINee
มินโฮเป็นอันดับ 3 ด้วยเสียงโหวด 3,879 หรือ 13.3% โดยที่ตอนนี้ผลงานของมินโฮคือหนึ่งในพิธีกรในรายการ Dream Team ซีซั่น 2 ของทางสถานี KBS
อันดับ 4 คือ อูยอง (Woo Young) จากวง 2PM
อูยองได้อันดับ 4 ด้วยเสียงโหวด 2,990 หรือ 10.3% ปัจจุบันนี้เขาเป็นพิธีกรรายการ Win Win ของทางสถานี KBS และรายการ Inkigayo ของทางสถานี SBS
คูฮาร่า (Goo Hara) จากวง KARA ได้อันดับ 5, โซฮยอน (Seo Hyun) จากวง SNSD ได้อันดับ 6 และฮีชอล (Hee Chul) จากวง Super Junior ได้อันดับ 7 แล้วยูนอา (YoonA) จากวง SNSD ได้อันดับ 8 ซึ่งแทคยอน (Taecyeon) จากวง 2PM ได้อันดับ 9 ส่วนอึนฮยอค (Eun Hyuk) จากวง Super Junior ได้อันดับ 10
PLEASE TAKE OUT WITH FULL CREDITS
CREDITS : Blike.net
ช๊อค!! Park Yong Ha จบชีวิตตัวเอง คาดเกิดจากเครียดเรื่องอาการป่วย
พบศพนักแสดงหนุ่มชื่อดังชาวเกาหลีใต้ "ปาร์คยงฮา" (Park Yong Ha) เสียชีวิตที่บ้านของตัวเองในกรุงโซล หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย โดยมีสาเหตุมาจากความเครียดเกี่ยวกับอาการป่วยของพ่อ
เมื่อเช้าของวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีการพบศพของ นักแสดงชื่อดังชาวเกาหลีใต้ ในสภาพที่แขวนคอตัวเองด้วยสายชาร์จโทรศัพท์มือถือ อยู่ในบ้านพักของเขาและครอบครัวในกรุงโซล
จากคำบอกเล่าของสมาชิกในครอบครัวถึงเหตุการณ์ในคืนก่อนเสียชีวิต นักแสดงหนุ่มชื่อดังเดินกลับเข้าห้องตัวเอง หลังจากนวดขาให้พ่อ และออกจากห้องมาในเวลาประมาณ 0.40 น. เพื่อบอกกับครอบครัว และพ่อซึ่งป่วยเป็นมะเร็งช่องท้อง ว่า "ผมขอโทษครับ" ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า มารดาของผู้ตายเป็นผู้พบศพของเขาในเวลาประมาณ 5.30 น. โดยหลายฝ่ายคาดว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ออกมาในตอนนี้ เพราะยังอยู่ระหว่างการสืบสวน
แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนักแสดงหนุ่มให้น้ำหนักไปที่ความวิตกกังวล เกี่ยวกับอาการป่วยของบิดา โดยเฉพาะเมื่อระยะหลังนักแสดงหนุ่มวัย 32 ปี เริ่มมีอาการหงุดหงิดบ่อยครั้ง ซึ่ง ... "Park Yong Ha รักพ่อกับแม่มาก ฉันได้ยินว่าพ่อของเขาป่วยเป็นมะเร็ง ที่ตอนนี้กลับจากโรงพยาบาลเพื่อมาอยู่ที่บ้าน หลังโรคเริ่มเข้าสู่อาการระยะสุดท้ายแล้ว"
ล่าสุด Park Yong Ha ยังได้รับการวางตัวในซีรีส์ Love Song - Drama คู่กับนักแสดงสาว ยูนอึนเฮ (Yoon Eun Hye) ในการหยิบเอาภาพยนตร์ เถียนมีมี่ ที่โด่งดังจากฮ่องกงมาสร้างใหม่ เพื่อออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ในปลายปีนี้ โปรดิวเซอร์ของหนัง ออกมาแสดงความเสียใจ และกล่าวว่ารู้สึกช็อคกับเรื่องครั้งนี้
อย่างไรก็ตามผู้สร้างหนังเรื่องดังกล่าวยอมรับว่า ระยะหลังนักแสดงหนุ่มค่อนข้างมีอาการเครียด ก่อนหน้านี้ไม่นานนักเขายังผิดนัด พลาดการประชุมกับทีมผู้สร้างของซีรีส์เรื่องดังกล่าว แม้แต่ผู้จัดการก็ไม่สามารถติดต่อตามตัวได้
หนึ่งในคนที่ได้คุยกับนักแสดงหนุ่มผู้ล่วงลับเป็นคนท้าย ก็คือเพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่งอย่าง ฮีโร่ แจจุง (Hero Jaejoong) สมาชิกแห่งวง ดงบังชินกิ (Dong Bang Shin Ki) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างบันทึกเสียงผลงานเพลงอยู่ที่อเมริกา แจจุง ออกมาแสดงความเสียใจ หลังจากเพิ่งคุยโทรศัพท์กับผู้ตายเกี่ยวกับคำแนะนำในการออกผลงานที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อหนึ่งวันก่อนหน้าการเสียชีวิตเท่านั้นเท่านั้นเอง "ผมเพิ่งคุยโทรศัพท์กับเขาเมื่อวานนี้เองครับ น้ำเสียงของเขาฟังดูสดชื่น ผมไม่ได้คิดว่ามีอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับตัวเขาเลย ผมยังคุยกันว่าถ้าผมกลับไปเกาหลีเมื่อไหร่ ก็จะไปดื่มสังสรรค์กัน ผมรู้สึกช็อคกับเรื่องนี้มากครับ"
อดีตเพื่อนร่วมงานอย่าง ปาร์คซียอน (Park Si Yeon) ก็เป็นอีกคนที่ช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก และสะเทือนใจจนอาจจะไม่สามารถถ่ายทำ Coffee House ผลงานล่าสุดซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการสร้างในขณะนี้ได้ เธอยังกล่าวว่าจากการที่ได้คุยโทรศัพท์กับเขาเมื่อเร็วๆ นี้นักแสดงหนุ่มชื่อดังก็ดูเป็นปกติดี อย่างไรก็ตามเพื่อนสนิทอีกคนของนักแสดงหนุ่ม ยอมรับว่าเขาดูมีอาการซึมเศร้าในระยะหลัง
โดย ปาร์คซียอน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมายังเพิ่งทวีตข้อความในทวิตเตอร์ของตัวเอง แสดงความเสียใจกับความพ่ายแพ้ของเกาหลีใต้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก และกล่าวขอบคุณแฟนๆ ที่มารับเขาที่สนามบินทั้งๆ ที่ไม่ได้แจ้งกำหนดการล่วงหน้าอะไรเลย
นักแสดงหนุ่มชื่อดัง วัย 32 ปี เข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 ปี และเป็นที่รู้จักจากบทบาทการแสดงทางโทรทัศน์มากมาย รวมถึง ซีรีส์ Winter Sonata (เพลงรักในสายลมหนาว), Men's Story และ On Air ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งในเกาหลีใต้ และต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งเขาได้รับความนิยมจากผู้ชมที่นั่นเป็นจำนวนมากทั้งจากงานแสดง และงานเพลง ซึ่งเคยมีผลงานเพลงติดอันดับชาร์ตโอริกอน ของประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว รวมถึงเคยได้รับรางวัล Japan Gold Disc ติดต่อกันถึง 4 ครั้งด้วย
ภาพผลงานของ Park Yong Ha
PLEASE TAKE OUT WITH FULL CREDITS
CREDITS : Manager Online
วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)