เรื่องไม่น่าเชื่อเพราะเห็นว่าแปลกดี เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวฉันเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยพานพบ แต่ก่อนฉันอยู่ตลาดบางชอ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
ฉันยังจำได้ เมื่อ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2488 ฉันเพิ่งคลอดลูกได้ 3 วัน แต่บ้านที่อยู่เยื้องกับบ้านฉันลูกของเขาตาย คนในบางชอพากันไปงานศพ แต่บ้านของฉันกลับไม่มีใครไปเพราะแม่ย่าหรือแม่ของสามีซึ่งยังอยู่ด้วยกันแกถือมาก กลัวคนเกิดคนคลอดลูกใหม่ๆ จะมีอันเป็นไป
ต่อจากนั้นได้ 3 วัน มีป้าแก่ๆ อยู่ตลาดเดียวกันได้ไปงานศพเด็กคนนั้น แล้วมาเยี่ยมฉันต่อ แกเดินเข้ามาเยี่ยมฉันถึงในห้องนอนแต่เมื่อป้ามาเยี่ยมและนั่งคุยได้สักพักก็ล่ำลาออกจากบ้านฉันไป ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองงงๆ ชอบกล รับประทานอาหารเช้าก็ไม่ได้ อยากจะหลับท่าเดียว พอถึงเวลาอาหารกลางวัน ฉันก็ยังคงไม่ออกไปรับประทาน อยากแต่จะนอน เมื่อฉันคลอกลูกใหม่ๆ ยังไม่มีน้ำนมให้ลูกกิน คนที่อยู่บ้านใกล้กันซึ่งมีลูกอ่อนต้องมาให้นมลูกฉันกิน จากนั้นเขาพยายามเรียกฉัน ตอนนั้นฉันยังพอรู้ตัวตอบเขาไปว่าถึงจะลืมตาก็มองไม่เห็นแต่จำเสียงได้
แม่ย่าพอรู้เรื่องก็ตกใจ รีบไปถามอาม่าคนหนึ่งที่ตลาดซึ่งสนิทกัน อาม่าบอกว่า ป้าคนที่ไปเยี่ยมฉันไปงานศพแล้วมาเยี่ยมฉันโดยไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเสียก่อนและไม่เดินไปทางอื่นก่อนกลับเดินเข้ามาเยี่ยมคนคลอดลูกใหม่ๆ ซึ่งโบราณเขาถือ คนคลอดไม่แม่หรือลูกจะต้องมีใครเป็นอะไรสักคน ยังดีที่อาม่ารู้ทัน แกรีบไปหาต้นที่คนจีนเรียกว่าเซียงเฉ้าเด็ดมา 3 ช่อ ซองธูป 1 ซอง ข้าวเปลือก 7 เมล็ด ยอดทับทิมแดง 3 ยอด ใส่ลงไปในน้ำอุ่นมากๆ แล้วเอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ชุบลงไปในน้ำอุ่นนั้น แล้วกลั้นหายใจเช็ดหน้าให้ฉัน ฉันสะดุ้งรู้สึกตาสว่าง หิวขึ้นมาทันที รู้สึกตัวเบาขึ้นมาก แม่ย่าดีใจมากยกมือไหว้ขอบคุณอาม่า
อาม่าบอกว่า อย่างนี้แหละเมื่อไปเยี่ยมศพหรือไปงานศพมาแล้วจะตรงเข้าเยี่ยมคนคลอดลูกใหม่ๆ ไม่ได้ ถ้าคนคลอดลูกไม่เป็นอะไรก็ดีไป แต่หากเป็นอะไรไม่มีใครรู้ก็จะลำบากเหมือนกับไสยศาสตร์ไม่ผิด ถ้าบ้านไหนมีเด็กแดงหรือเพิ่งคลอดลูกต้องป้องกันไว้ก่อนจะดี สำหรับฉันมาพบกับตัวเองและยังมีบุญจึงได้อาม่ารู้และช่วยไว้ทัน ถ้าไม่งั้นคงไม่มีโอกาสเขียนมาเล่าสู่กันฟัง
ฉันยังจำได้ เมื่อ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2488 ฉันเพิ่งคลอดลูกได้ 3 วัน แต่บ้านที่อยู่เยื้องกับบ้านฉันลูกของเขาตาย คนในบางชอพากันไปงานศพ แต่บ้านของฉันกลับไม่มีใครไปเพราะแม่ย่าหรือแม่ของสามีซึ่งยังอยู่ด้วยกันแกถือมาก กลัวคนเกิดคนคลอดลูกใหม่ๆ จะมีอันเป็นไป
ต่อจากนั้นได้ 3 วัน มีป้าแก่ๆ อยู่ตลาดเดียวกันได้ไปงานศพเด็กคนนั้น แล้วมาเยี่ยมฉันต่อ แกเดินเข้ามาเยี่ยมฉันถึงในห้องนอนแต่เมื่อป้ามาเยี่ยมและนั่งคุยได้สักพักก็ล่ำลาออกจากบ้านฉันไป ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองงงๆ ชอบกล รับประทานอาหารเช้าก็ไม่ได้ อยากจะหลับท่าเดียว พอถึงเวลาอาหารกลางวัน ฉันก็ยังคงไม่ออกไปรับประทาน อยากแต่จะนอน เมื่อฉันคลอกลูกใหม่ๆ ยังไม่มีน้ำนมให้ลูกกิน คนที่อยู่บ้านใกล้กันซึ่งมีลูกอ่อนต้องมาให้นมลูกฉันกิน จากนั้นเขาพยายามเรียกฉัน ตอนนั้นฉันยังพอรู้ตัวตอบเขาไปว่าถึงจะลืมตาก็มองไม่เห็นแต่จำเสียงได้
แม่ย่าพอรู้เรื่องก็ตกใจ รีบไปถามอาม่าคนหนึ่งที่ตลาดซึ่งสนิทกัน อาม่าบอกว่า ป้าคนที่ไปเยี่ยมฉันไปงานศพแล้วมาเยี่ยมฉันโดยไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเสียก่อนและไม่เดินไปทางอื่นก่อนกลับเดินเข้ามาเยี่ยมคนคลอดลูกใหม่ๆ ซึ่งโบราณเขาถือ คนคลอดไม่แม่หรือลูกจะต้องมีใครเป็นอะไรสักคน ยังดีที่อาม่ารู้ทัน แกรีบไปหาต้นที่คนจีนเรียกว่าเซียงเฉ้าเด็ดมา 3 ช่อ ซองธูป 1 ซอง ข้าวเปลือก 7 เมล็ด ยอดทับทิมแดง 3 ยอด ใส่ลงไปในน้ำอุ่นมากๆ แล้วเอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ชุบลงไปในน้ำอุ่นนั้น แล้วกลั้นหายใจเช็ดหน้าให้ฉัน ฉันสะดุ้งรู้สึกตาสว่าง หิวขึ้นมาทันที รู้สึกตัวเบาขึ้นมาก แม่ย่าดีใจมากยกมือไหว้ขอบคุณอาม่า
อาม่าบอกว่า อย่างนี้แหละเมื่อไปเยี่ยมศพหรือไปงานศพมาแล้วจะตรงเข้าเยี่ยมคนคลอดลูกใหม่ๆ ไม่ได้ ถ้าคนคลอดลูกไม่เป็นอะไรก็ดีไป แต่หากเป็นอะไรไม่มีใครรู้ก็จะลำบากเหมือนกับไสยศาสตร์ไม่ผิด ถ้าบ้านไหนมีเด็กแดงหรือเพิ่งคลอดลูกต้องป้องกันไว้ก่อนจะดี สำหรับฉันมาพบกับตัวเองและยังมีบุญจึงได้อาม่ารู้และช่วยไว้ทัน ถ้าไม่งั้นคงไม่มีโอกาสเขียนมาเล่าสู่กันฟัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น