วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

เจ้าแม่ตะเคียน

ที่ป่าช้าแห่งหนึ่งมีต้นตะเคียนสูงใหญ่ใบดกปกคลุมแผ่กิ่งก้านออกกว้างคร่อมทางเดินมืดมิด เพราะขึ้นอยู่ริมทางแคบๆ ที่รถพอผ่านได้

บุญช่วยเพื่อนของผมหลงรักหญิงคนหนึ่ง มันชวนผมไปเป็นเพื่อนบ่อยๆ ถ้าไปกลางคืนผมไม่เต็มใจไปนักหรอกเพราะต้องขี่รถผ่านป่าช้า ยิ่งเดือนมืดด้วยแล้วน่ากลัวมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเพื่อน คืนนี้มันก็ชวนผมไปอีก เราขับรถเครื่องไปกันคนละคัน โดยที่บุญช่วยขับรถออกหน้าผมไปหลายช่วงตัวเนื่องจากอยากพบแฟนเร็วๆ ผมไม่สนใจเพราะถึงบ้านสาวก็พบมันเอง ผมขับไปเรื่อยๆ กำลังผ่านหน้าวัดเลยไปเล็กน้อยก็ถึงป่าช้า แต่ก็ต้องตะลึงเมื่อมองไปทางเมรุเผาศพเห็นเป็นผู้ชายยืนอยู่ข้างเมรุ แต่เมื่อมองให้ดีจึงเห็นว่าเป็นบุญช่วย ที่แท้มันขับรถมาจอดรอผมที่นี่ แถมยังยืนพิงเมรุรอผมอยู่ด้วย มันขับรถเข้ามาหาเนื่องจากผมไม่กล้าขับเข้าไปที่เมรุเผาศพ ผมต่อว่ามันว่าทำไมต้องมาคอยที่นี่ มันหัวเราะอย่างคนไม่กลัวผีแล้วขับรถไปบ้านสาวต่อ เมื่อไปถึงบ้านสาวมันก็ไม่สนใจผมแล้ว ผมเลยนอนรอเวลากลับ กว่าบุญช่วยจะเข้ามาปลุกผมก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ผมขี้เกียจขี่รถเลยฝากไว้ที่บ้านสาวแล้วซ้อนท้ายรถบุญช่วยกลับ พอถึงป่าช้าบุญช่วยเบรกรถอย่างแรง ผมถามมันว่าจอดรถตรงนี้ทำไม แต่บุญช่วยกลับชี้มือไปที่ต้นตะเคียน ผมมองตามแต่ก็ไม่เห็นอะไร

แต่บุญช่วยกลับบอกว่า “มึงไม่เห็นเรอะ ใครเอาโลงศพมาวางขวางถนน แล้วจะขี่รถผ่านไปได้ไง” ผมพยามยามเพ่งมองแต่ก็ไม่เห็นมีอะไร แล้วรีบเร่งมันให้ขี่รถกลับบ้าน แต่บุญช่วยกลับไม่ยอมไปบอกว่ามีโลงศพขวางอยู่ทั้งที่ผมไม่เห็นอะไร แถมยังบอกว่า “ดูสิ ฝาโลงกำลังจะเปิดออก มีคนออกมาด้วยแต่ไม่เห็นหน้าท่าทางจะเป็นผู้หญิงเพราะนุ่งผ้าถุง” ฟังมันพูดแล้วผมขนลุกซู่ ทั้งที่ผมไม่เห็นอะไร ทันใดมันแหกปากร้องลั่น “ผีโว้ย” แล้วหันรถกลับหลังเร่งเครื่องเต็มที่ ขับกลับไปทางบ้านสาว

แฟนสาวของบุญช่วยยังไม่หลับเมื่อได้ยินเสียงรถจึงออกมาดู เห็นเป็นบุญช่วยจึงคิดว่ากลับมาเอารถอีกคันที่ฝากไว้ จึงร้องถามออกไป “มาเอารถหรือพี่” บุญช่วยรีบบอก “เปล่า พี่ถูกผีที่ป่าช้าหลอก” ผมเองก็อยากรู้ว่าเมื่อกี้มันเห็นอะไรจึงรีบคะยั้นยะยอให้มันเล่า

บุญช่วยเล่าว่า “ตอนที่มันเห็นคนออกมาจากโลง มันเองก็คิดว่าไม่ใช่คนแต่เนื่องจากไม่ใช่คนกลัวผี จึงอยากดูให้ชัดๆ ว่าผีหน้าตาเป็นอย่างไร พอผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามา โอย-หัวใจจะวายเสียให้ได้ ตามันลึกโบ๋ ใบหน้ามีแต่กระดูก แสยะยิ้มหน้าเกลียด กำลังจะเดินมาหา ถ้าไม่เร่งเครื่องรถหนีมาไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น น่ากลัวจริงๆ” สาวเจ้าฟังแล้วหัวเราะเบาๆ บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก เจ้าแม่ตะเคียนนั่นเอง มีคนเห็นบ่อยไป ท่านไม่ทำอันตรายใครหรอก อย่าไปลบหลู่ดูถูกก็แล้วกัน จุดธูปขอขมาซะ ท่านจะได้ไม่มาหลอกอีก” บุญช่วยยอมรับข้อเสนอบอกตอนกลางวันจะไปทำ ตกลงคืนนี้ผมกับบุญช่วยต้องนอนค้างที่นี่เพราะกลัวไม่กล้าขี่รถกลับ แล้วตั้งแต่นั้นบุญช่วยก็ไม่เคยทำอะไรลบหลู่ตรงเมรุเมาศพที่มีต้นตะเคียนต้นนั้นอยู่อีกเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น