วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิญญาณในหอพัก

ประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสมานั้นเป็นเรื่องแปลกและมีพยานยืนยันได้นับสิบคน
 เมื่อปี 2533 ตอนนั้นผมยังเป็นนิสิตชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และเป็นนักกีฬาไปแข่งขันกีฬาประเพณีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ผมพักที่หอพักนักกีฬาที่ทางเจ้าภาพจัดไว้ให้เป็นเวลาถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนร่วมกับเพื่อนๆ นักกีฬาประเภทอื่นๆ รวมกันแล้วก็ร้อยกว่าคน

ทันทีที่เดินทางถึงไปถึงหอพักในวันแรก ผมรู้สึกผิดสังเกตที่อากาศในหอพักเย็นกว่าอากาศข้างนอกมากทั้งๆ ที่หอพักเป็นอาคารไม้เก่าๆ 2 ชั้นและไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่หลังจากก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป มันเย็นยะเยือก ไม่ใช่เย็นฉ่ำแบบห้องแอร์ แต่มันเย็นยะเยือกจนปวดกระดูกเลยทีเดียว นอกจากอากาศที่เย็นผิดปกติแล้ว ยังแปลกที่ทุกห้องจะมีรอยปากกาเขียนข้อความต่างๆ ไว้ตามฝาผนังเต็มไปหมด เป็นลายมือเดียวกันข้อความคล้ายๆกัน สรุปได้เลยว่าคนเขียนต้องเป็นคนเดียวกัน

การเข้าพักในหอคืนแรกก็ดูจะเรียบร้อยดีไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่มีใครนึกถึงเรื่องภูตผีวิญญาณเลย ประมาณเกือบเที่ยงคืน พวกเราได้ยินเสียงวี๊ดว้ายกระตู้วู้ดังมาจากห้องน้ำใต้บันได เมื่อวิ่งออกไปดูก็เห็นนักกีฬาวอลเลย์บอลชาย 2 คน ท่าทางอ้อนแอ้นคล้ายตุ๊ดยืนตัวสั่นอยู่ สอบถามได้ความว่าสองคนนี้ออกไปเที่ยวข้างนอกเพิ่งกลับ เตรียมจะอาบน้ำเข้านอน หนึ่งในสองคนบังเอิญเหลือบไปเห็นเงาผู้หญิงในกระจกห้องน้ำกำลังจ้องมองตาแป๋ว เป็นผู้หญิงผมยาวใส่เสื้อขาว นุ่งกางเกงวอร์มสีแดง ทั้งๆที่ประตูห้องน้ำล็อกอยู่ และนี่ก็เป็นหอนักกีฬาชาย

พวกเราได้ฟังนอกจากจะไม่เชื่อแล้วยังโมโหด้วย ที่ทำให้ต้องตื่นกันขึ้นมากลางดึก จึงไม่มีใครใส่ใจ
วันรุ่งขึ้น พวกเราต่างก็ไปแข่งกีฬากันทั้งวัน พวกที่แข่งเสร็จก็กลับมาพักที่หอ ในตอนกลางวันทางเจ้าภาพอนุญาตให้แต่ละหอไปมาหาสู่กันได้ ดังนั้นในหอจึงมีคนเดินเข้าออกตลอดเวลา แต่ทุกคนต่างก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่เสื้อยืดสีขาวนุ่งกางเกงวอร์มสีแดง เดินขึ้นเดินลง เข้านอกออกในห้องนั้นห้องนี้ไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะต่างนึกว่าเป็นเพื่อนนักกีฬาด้วยกัน

จนกระทั่งวันที่สามในช่วงบ่ายแก่ๆ หอพักแทบไม่มีคน ทั้งหอรู้สึกจะเหลือรุ่นน้องนักแบดมินตันนอนเอาแรงอยู่คนเดียว รุ่นน้องคนนี้ชื่อ โอ๊ต เป็นคนนิสัยดี เป็นที่รักของรุ่นพี่ทุกคน ตอนที่พวกเราออกจากหอเห็นโอ๊ตกำลังหลับจึงไม่มีใครปลุก

โอ๊ตรู้สึกตัวตื่นเพราะอากาศที่เย็นจนจับใจ ในขณะที่กำลังจะลืมตาตื่นนั้น โอ๊ตรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่ และเมื่อลืมตาขึ้นก็ปรากฏว่า ที่ปลายเตียงมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอนั่นเอง ผู้หญิงในชุดเสื้อขาวกางเกงวอร์มสีแดง โอ๊ตรู้สึกว่าเธอยิ้มให้ ใบหน้าเธอดูเศร้า เธอจ้องหน้าโอ๊ตเขม็งก่อนจะถามว่า “มาแข่งกีฬาเหรอ” โอ๊ตไม่ได้นึกแปลกใจอะไร คิดว่าคงเป็นเพื่อนของใครสักคน จึงตอบไปว่า “มาแข่งแบดมินตันครับ” 

ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะจบลงตรงนั้น แต่เธอกลับเดินมายืนข้างเตียง และก่อนที่โอ๊ตจะทันตั้งตัว เธอก็ก้าวขึ้นเตียงพร้อมกับนั่งทับยอดอกของโอ๊ต โอ๊ตตกใจมาก แต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหนหมด พยายามดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด ในตอนที่โอ๊ตได้เห็นหน้าใกล้ๆของเธอ โอ๊ตจึงรู้ว่าที่กำลังนั่งทับอยู่นี้ไม่ใช่คนแน่ๆ เพราะใบหน้าของเธอซีดขาว ปากที่ดำคล้ำ นี่ถ้าไม่ใช่ผีก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว โอ๊ตกลัวจนทำอะไรไม่ถูก แข็งใจสวดมนต์ผิดๆถูกๆเท่าที่จำได้ รวมทั้งแผ่เมตตาให้ แต่เธอก็ยังคงไม่ไปไหน ราวๆ 5 นาที เธอจึงลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปพร้อมกับไอเย็นประหลาดนั้น โอ๊ตรีบเผ่นออกจากหออย่างรวดเร็ว พรวดเดียวไปถึงสนามมวยที่พวกผมกำลังเชียร์กันอยู่

สภาพของโอ๊ตดูแทบไม่ได้ ผมชูชันเหมือนขนเม่น ปากคอสั่น หน้าซีด ขนลุกทั้งตัวตลอดเวลา
ตอนนั้นผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเท่าที่จำได้ผมก็เคยเห็นเธอพร้อมเพื่อนนักกีฬาคนอื่นมาหลายครั้งแล้ว และความรู้สึกตอนที่เจอก็ไม่คิดว่าเธอจะเป็นภูตผีหรือวิญญาณ เพียงแต่มักจะเจอเธอในตอนที่อากาศเยือกเย็นผิดปกติเท่านั้น

จนคืนสุดท้าย แม่ค้าขายกล้วยแขกที่มหาวิทยาลัยเล่าให้พวกเราฟังว่า ที่หอพักที่พวกเราอยู่นั้นเคยมีนักศึกษาหญิงผูกคอตาย เธอได้งัดห้องพักของรุ่นน้องรวมทั้งเพื่อนๆ เข้าไปเขียนสั่งเสียไว้ตามฝาผนัง และว่ากันว่าวิญญาณของเธอยังไม่ไปไหนแถมเฮี้ยนมากด้วย หากเพื่อนหรือรุ่นน้องคนไหนลบข้อความของเธอ เธอจะปรากฏกายให้เห็น จนไม่มีใครกล้าไปลบ ข้อความต่างๆบนผนังห้องพักของเราก็คือผลงานของเธอนั่นเอง

ตกลงคืนสุดท้าย พวกเราต่างไม่มีใครกล้าเข้าไปพักที่หอ ต่างพากันไปนั่งเล่นริมชายหาด กะว่าคืนนี้จะนอนที่นี่แหละ

ทุกอย่างก็น่าจะจบลง แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเรื่องสยองขวัญแถมท้าย ตรงที่มีรุ่นพี่บัณฑิตตามมาจากกรุงเทพฯ คงกะว่าจะมาร่วมฉลองด้วย แต่กว่าจะมาถึงก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่ม ของคืนสุดท้าย แกเดินตามมาที่ชายหาดด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก พอมาถึงก็บ่นไม่หยุดปาก

“พวกมึงมาสุมหัวทำอะไรกันอยู่ที่นี่วะ กูตามไปที่หอไม่เจอใครสักคน”

หนึ่งในพวกเราเลยถามว่า “แล้วพี่ตามมาถูกได้อย่างไร”

แกว่า “ก็มีคนบอกว่า พวกมึงหนีมาอยู่ที่นี่ ใครก็ไม่รู้ ผู้หญิงผมยาว เสื้อขาว กางเกงแดง แฟนใครวะ เขาห้ามผู้หญิงมาหอชายตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ”

พวกเราทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครออกความเห็น จะให้บอกแกได้อย่างไร ว่าที่แกเจอนั้นมันไม่ใช่คน จะเป็นผีเป็นวิญญาณหรือเป็นอะไรนั้นเราก็ไม่แน่ใจ จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาร่วม 10 ปีแล้ว แต่นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ขนลุกทุกที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น