ผมเป็นคนจังหวัดชุมพร เพิ่งเรียนจบ ม.6 และสอบเข้าราชภัฏในกรุงเทพฯ ได้ในปีนี้เอง แต่ไม่มีที่จะอยู่ ฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะฉะนั้นถึงผมจะสอบเข้าได้เป็นที่ดีอกดีใจ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเรากลุ้มใจไปด้วย
ถ้าต้องเช่าหอละก็ พ่อกับแม่ต้องลำบากแน่ๆ เผลอๆ ต้องเป็นหนี้เป็นสินเขา ผมสงสารพ่อแม่ที่สุด
ในขณะที่กำลังอับจนหนทาง เราได้ข่าวดีเหมือนสวรรค์โปรด คือน้าสมพรคนข้างบ้านบอกว่ามีญาติทำร้านเสริมสวยอยู่แถวสุทธิสาร และเขาเต็มใจจะให้ผมไปอาศัยอยู่ด้วยจนกว่าจะเรียนจบ
แน่ละครับ ไม่มีการคิดราคาค่าเช่าห้องใดๆ ทั้งสิ้น!
น้าสมพรบอกว่า ที่จริงป้าตุ้ม - ลูกพี่ลูกน้องของน้านั้นเคยอยู่ที่ชุมพร รู้จักกับพ่อแม่ผมดี แถมพ่อแม่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลตอนที่ป้าตุ้มลำบาก ป้าเองก็เคยเห็นผมตอนขวบสองขวบเสียด้วยซิครับ
เป็นอันว่าในที่สุด ต้นเดือนมิถุนายน พ่อแม่ก็พาผมขึ้นรถจากชุมพรมาพร้อมกับน้าสมพร มาส่งที่บ้านป้าตุ้มเรียบร้อย
ป้าตุ้มอายุห้าสิบปีแต่ยังดูสวยไม่หยอก สมแล้วที่เป็นเจ้าของร้านเสริมสวย
บ้านของป้าเป็นตึกแถวสามชั้นในซอยอินทามระ ไม่สวยหรูหรา มองดูออกโทรมๆ ด้วยซ้ำ แต่ผมก็รู้สึกดี อาจเป็นเพราะป้าตุ้มให้ความสนิทสนมและใจดีมาก
อ้อ! ป้าเป็นสาวโสดครับ
ชั้นล่างของตึกแถวนี้เป็นร้านทำผมเล็กๆ มีพี่เก๋เป็นลูกมือ ชั้นสองใช้เป็นที่อยู่ มีเตียงนอน มีที่ทำครัว ป้าตุ้มอยู่กับพี่เก๋สองคน ส่วนชั้นสามเป็นที่เก็บของก็เลยแบ่งให้ผมได้อาศัยสบายมาก มีที่นอนปูกับพื้น มีโต๊ะเล็กๆ และโคมไฟไว้อ่านหนังสือ แถมเดินออกไปข้างนอกก็เป็นระเบียงตากผ้า หรือมานั่งดูดาว ดูแสงไฟเมืองกรุงเล่นก็ได้
ผมชะโงกมองห้องแถวที่ติดกัน ท่าทางจะไม่มีคนอยู่แฮะ คือระเบียงของผมมีกรงตาข่ายเหล็กกั้น มองไปทางระเบียงห้องด้านซ้ายมีฝุ่นเกาะ มีตะไคร่แห้งๆ ที่พื้น แห้งจนเป็นแผ่นหลุดออก...ผมไม่ได้คิดอะไร
คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมครองห้องและระเบียงชั้นสามเต็มที่
ป้าตุ้มกับพี่เก๋น่ารักจริงๆ เรากินข้าวพร้อมกันสามคนตอนทุ่มครึ่ง ผมช่วยงานบ้านทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ และตั้งใจจะช่วยตลอดไป ทั้งกวาด ถู เก็บขยะไปทิ้ง ล้างจานชามและจะรักษาความสะอาดในส่วนที่ผมอยู่ให้ดีที่สุดครับ
แม่สั่งไว้ด้วยนี่นาว่าต้องทำตัวดีๆ และนึกถึงบุญคุณป้าตุ้ม
ผมดูทีวีที่ชั้นสองจนดึกก็ขอตัวขึ้นห้องตัวเอง อากาศร้อนจังนะครับ ผมออกมารับลมที่ระเบียง ไกลออกไปไม่มากนักก็เห็นโรงพยาบาลเปาโล เห็นทะเลหลังคาบ้าน แสงไฟถนน ตึกรามบ้านช่อง มองแล้วเพลินดี
ทันใดนั้นเอง ผมรู้สึกว่ามีเงาคนอยู่ที่ข้างระเบียงห้องข้างๆ หันไปมองก็ใช่เลย...ตรงห้องที่ผมคิดว่าร้างน่ะ มืดสนิทก็จริง แต่มีผู้หญิงผมยาว สวมชุดนอนขาวๆ เดินก้มๆ เงยๆ อยู่คนเดียว
เออ...ผมก็ลืมถามป้าตุ้มกับพี่เก๋ว่าห้องนั้นมีใครอยู่หรือเปล่า? กลางวันเขาอาจปิดประตูเหล็กบานเลื่อนที่หน้าบ้านไว้ แล้วกลับมาตอนกลางคืน
ผมกลัวถูกหาว่าเสียมารยาทที่ไปจ้องผู้หญิงคนนั้น ก็เลยหันมาสนใจแสงสีของย่านสุทธิสาร สะพานควายต่อไป แต่พักหนึ่งผมรู้สึกเหมือนถูกจ้อง เลยหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ โอ๊ย! ผมสะดุ้งโหยงเลยครับ
ผู้หญิงคนนั้นเอามือสองข้างเกาะลูกกรงที่คั่นระเบียงของเรา มือเธออยู่ระดับไหล่ ใบหน้าขาวๆ อยู่ระหว่างมือทั้งสอง ดวงตาดำจ้องมาเหมือนคนสติไม่ดี...ผมทำตัวไม่ถูก เลยยิ้มเจื่อนๆ แล้วตั้งใจจะกลับเข้าห้อง แต่ทันใดนั้น เธออ้าปากกว้างคล้ายกำลังแผดร้องสุดเสียง แต่ไม่มีเสียงอะไรเลยครับ
แล้วร่างขาวๆ นั่นก็พุ่งตัววูบ...หายลับจากขอบระเบียงตรงนั้นไปในพริบตา!
ผมเข่าอ่อน สั่นไปหมด นี่ผมเห็นคนฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา! พอตั้งสติได้ ผมวิ่งหัวซุนลงไปหาป้าตุ้ม พี่เก๋ ผมละล่ำละลักพูดไม่เป็นภาษาคน ป้าตุ้มไม่ได้ตกใจเลย แต่มีท่าตะลึงงัน แล้วหันไปมองตากับพี่เก๋ ผมร้องไห้ไปแจ้งตำรวจ แต่สองคนกลับทำท่าแปลกๆ จนผมเอะใจ
ตกใจวาบ แล้วก็หนาวสะท้านไปทั้งตัว!
ผมเจอผีหลอกไงล่ะครับ ห้องข้างๆ น่ะเขาโดดตึกฆ่าตัวตายเมื่อปีที่แล้ว...วันนี้ละเป็นวันครบรอบที่เขาตาย
แหม! ผมเองก็จำเพาะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นวันแรกซะด้วยซี ไม่เรียกว่าความบังเอิญสุดๆ แล้วจะว่าอะไร...แต่ผมอยากจะเรียกว่าเวรกรรมมากกว่าครับ
ป้าตุ้มปลอบว่าไม่เป็นไรหรอก ตั้งแต่ตายไปเขาไม่เคยมาหลอกหลอนใครเลย แต่ทำไมไม่มีคนกล้ามาอยู่ห้องเขาล่ะครับ? ป้าตุ้มว่าเขาคงมาให้เห็นตอนครบรอบวันตายเท่านั้นเอง!
เฮ้อ...ไม่เอาดีกว่า ยังไงๆ ก็อยู่ไม่ได้แล้วละ ผมไม่ลืมพระคุณป้าตุ้มหรอกครับ แต่อยู่ไม่ได้จริงๆ เห็นใจผมเถอะครับ เดี๋ยวเธอเล่นไม่พุ่งหลาวลงไป แต่เปลี่ยนใจข้ามระเบียงมาเคาะห้องผมล่ะ?
คืนนั้นผมนอนในห้องป้าตุ้ม พี่เก๋ รุ่งขึ้นป้าโทร.บอกพ่อ และไม่ปิดบังเรื่องเร้นลับน่าขนหัวลุกที่ผมเห็น
โชคดีที่ป้าตุ้มจัดการหาที่อยู่ให้ใหม่ โดยพาผมไปฝากไว้บ้านพี่ชายของป้าที่อยู่แถวสถานีรถไฟบางซื่อ...ไม่ต้องห่วง ผมแล้วละครับ ห่วงป้าตุ้มกับพี่เก๋เถอะ...สยองจริงๆ ที่อยู่ข้างห้องผีสิงแบบนั้นน่ะ บรื๋อส์!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น