ดิฉันยอมรับว่าเป็นคนกลัวผี เพราะเคยได้ยินเรื่องผีมาตั้งแต่เล็กจนโต ชีวิตจริงยังไม่เคยถูกผีหลอกจังๆ สักทีนะคะ อาจจะเคยถูกผีหลอนมาบ้างแต่ก็น่าขนหัวลุกพอๆกันน่ะแหละค่ะ
เมื่อราว 5-6 ปีก่อน ดิฉันไปเช่าห้องพักอยู่แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้านหลังร้านอาหารพงหลี ย่านนั้นมีคนพลุกพล่านทั้งกลางวันและกลางคืน ในซอยก็มีแผงอาหารสองฝั่ง ส่วนมากดิฉันก็ฝากท้องตอนเลิกงานแถวนั้นเอง
เช่าห้องอยู่ชั้นสามคนเดียว เพราะใจชอบอิสระ มีเฟอร์นิเจอร์และแอร์พร้อม...โชคดีที่ได้ห้องริม มีหน้าต่างด้านข้างติดกับซอย ในห้องมีโทรศัพท์หัวเตียงที่ต่อจากโอปะเรเตอร์ชั้นล่าง แต่มักไม่ค่อยได้ใช้เพราะส่วนมากก็ใช้มือถืออยู่แล้ว
จู่ๆคืนหนึ่งก็มีเสียงโทรศัพท์จากหัวเตียงดังขึ้น ขณะที่ดิฉันเพิ่งขึ้นนอนได้ไม่นานนัก เอื้อมมือไปรับพลางนึกสงสัยว่าใครโทร.มา...ก็พอดีได้ยินเสียงหญิงสาวพูดจา อ่อนโยนน่าฟังดังขึ้นว่า...ขอสายต้อยค่ะ!
"กำลังพูดค่ะ" ดิฉันตอบโดยไม่ต้องคิด "ขอโทษ นั่นใครคะ?"
"เอื้อยเองจ้ะ แหม...คิดถึงจังเลย..." เอาละซี! คราวนี้ดิฉันงงมากเพราะไม่คุ้นกับชื่อเธอเลย เสียงก็ไม่เคยได้ยินนึกเท่าไหร่ก็ไม่ออก แต่นึกว่าอาจจะโทรผิดเบอร์ก็ได้ เลยบอกไปตามตรง เธอกลับย้อนถามชื่อจริง ดิฉันน่าจะถามเธอก่อนว่า "ต้อยไหนคะ? ชื่อจริงอะไร?" แต่เมื่อเผลอบอกไปเธอกลับหัวเราะเสียงใส ยืนยันว่าใช่แน่ๆ
ดิฉันชักระแวงขึ้นมาก็ถามชื่อจริงบ้าง เธอบอกว่าชื่อองค์อร เคยทำงานอยู่บริษัท...ดิฉันยิ่งแน่ใจว่าเธอต่อผิดแล้ว อธิบายให้ฟังเธอก็อึ้งไป ทวนเบอร์ให้ฟังก็ตรงกัน
สงสัยว่าจะสายพันกัน หรือไม่ก็มีปัญหาเบอร์ซ้ำ เอื้อยก็วางหูไป ดิฉันนอนลืมตาโพลง...นึกสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ยังนึกไม่ออกว่าสงสัยอะไร?
เสียงโทรศัพท์ดังรัวจนหวิดสะดุ้ง พอรับสายก็ได้ยินเสียงเดิมดังขึ้นอย่างรื่นเริง...ต้อยใช่มั้ย? เมื่อตะกี้ต่อผิด ชื่อเล่นชื่อจริงก็เหมือนกันด้วย! ดิฉันถอนใจเฮือก บอกเสียงเรียบๆ ว่าคราวนี้คุณก็ต่อผิดอีกแล้วค่ะ มาเข้าเบอร์ฉันอีกแล้ว
"ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ โธ่! เอื้อย เอ๊ย! ฉันจะทำยังไงเนี่ย ติดต่อต้อยไม่ได้เลย เรื่องสำคัญด้วย"
เธอพูดเสียงเศร้าน่าเห็นใจ เลยปลอบว่าไม่เป็นไรหรอก ไหนๆก็ทำให้ต้อยคนนี้ตาสว่างแล้ว เอื้อยมีอะไรอยากเล่าก็เล่าเถอะ ถ้าไม่ใช่ความลับนะ นึกว่าเป็นเพื่อนกันแบบต้อยคนนั้นดีมั้ย?
เอื้อยขอบอกขอบใจยกใหญ่...ในที่สุดเราก็คุยกันอย่างเพื่อน เอื้อยยังงั้น เอื้อยยังงี้...เธอช่างพูด คุยเก่ง บอกว่าตอนนี้กำลังเหงาเหลือเกิน ถึงได้โทร.หาเพื่อน ใครๆก็ไม่ว่างทั้งนั้น อยากระบายเรื่องแฟนที่ยังโกรธกัน ไม่ยอมคืนดีกันเสียที
"เอื้อยผิดเองจ้ะ หึงเขาผิดๆ ใครจะนึกว่าเขาควงน้องสาวเที่ยวล่ะ? เราก็นึกว่าแฟนใหม่...นอกใจเราน่ะซี! เลยว่าเขาไปแรงๆ จนเขาโกรธใหญ่ พอรู้ความจริง โทร.ไปขอโทษก็ไม่ยอมรับ ไปหาที่บริษัทก็หลบหน้า บางทีก็หนีขึ้นรถเลย วันก่อนโทรไปเขากลับบอกว่าเลิกกันดีกว่า ผมไม่ชอบผู้หญิงขี้หึงไร้เหตุผล แล้วอ้างว่าหึงเพราะรัก"
เอื้อยเล่าไปสะอื้นไปจนดิฉันเวทนา แกล้งบอกว่าตัวเองต้องเลิกกับแฟนมาสอง-สามคนแล้ว ผู้ชายดีๆ เยอะแยะไป เมื่อเขาไม่ต้องการเราแล้วจะไปง้องอนจนเสียศักดิ์ศรีทำไม? ตัดใจดีกว่า เสียงหวานๆคงอ้อนเก่ง ตัวจริงคงสวยน่าดู จริงมั้ย?
ดิฉันพูดจนเอื้อยหัวเราะออกมาได้ ขอบอกขอบใจสุดๆ ก่อนจะวางหู...ดูนาฬิกาเกือบสองยาม เราคุยกันมาตั้งแต่สี่ทุ่มเศษแน่ะค่ะ
วันรุ่งขึ้นดิฉันมัวยุ่งอยู่กับงานจนลืมเรื่องเอื้อยไปสนิท จนตกค่ำแวะทานข้าวแล้วเข้าห้องอาบน้ำมาเปิดทีวีดู เหลือบมองโทรศัพท์...ฉุกคิดว่าเมื่อคืนตัวเองสงสัยเรื่องอะไรกันนะ? พอดีมันดังกริ๊งขึ้นทันใด
"หวัดดีจ้ะต้อย คราวนี้ไม่ได้โทร.ผิดอีกแล้วนะ จงใจโทร.หาเธอจริงๆ"
พริบตานั้นเองที่ดิฉันนึกออกว่าตัวเองสงสัยเรื่องอะไร?
เครื่องนี้ไม่ใช่สายตรง แต่คนโทร.มาหาต้องระบุหมายเลขห้อง โอปะเรเตอร์ถึงจะต่อให้ถูกต้อง แสดงว่าเอื้อยต้องบอกเลขห้องดิฉันตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว! เธอรู้ได้ไง?
ไม่ต้องเล่นละครให้เสียเวลา ดิฉันถามไปตรงๆ เลยว่าเธอเจาะจงโทร.มาเบอร์นี้ ห้องนี้ รู้ชื่อดิฉันด้วย หมายความว่ายังไงกัน? เธอเป็นใคร? ต้องการอะไรแน่?
มีเสียงสะอื้นเบาๆ ฟังดูโศกเศร้าน่าใจหาย ก่อนจะพูดเสียงปนสะอื้น
"ต้อยจ๋า ยกโทษให้เอื้อยด้วย อย่าโกรธเอื้อยเลยนะ...เอื้อยมีเพื่อนชื่อต้อยอยู่ห้องนี้จริงๆ เอื้อยโทร.มาคุยกับต้อยบ่อยๆ เกือบทุกคืนเลย แต่พอเกิดเรื่องต้อยก็ย้ายหนีไปเลย...เอื้อยเหงา ต้อยจ๋า เอื้อยเหงาเหลือเกิน...โทร.ไปหาใครก็ไม่ยอมรับ จนเอื้อยต้องโทร.มาที่นี่อีกครั้ง...ต้อยไม่เคยตาย ต้อยไม่รู้หรอกว่าโลกหน้าทั้งเหงาทั้งน่ากลัวแค่ไหน..."
เสียงสะอื้นไห้ค่อยๆ จางหายไป...ดิฉันวางหู เผ่นออกจากห้องไปขออาศัยเพื่อนที่อยู่แถวรางน้ำค้างคืน รุ่งขึ้นก็ขอลางานมาขนของย้ายห้องพักทันที...ถ้าเอื้อยรู้เบอร์มือถือ ดิฉันอาจจะช็อกตายเมื่อได้ยินเสียงเธอก็ได้ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น