ดิฉันได้พบเรื่อง สยองขวัญสุดขีดโดยไม่คาดฝัน ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำว่าจะมีเรื่องสุดสยองแบบนี้...น่ากลัวจนเคยสงสัย ว่าตัวเองทำไมไม่ช็อกตายไปเสียก่อน?
ประสบการณ์หลอนสุดขีดเกิดขึ้นในโรงแรมที่อุดรฯค่ะ เมื่อเรา-คือดิฉันกับเบญจาเพื่อนร่วมบริษัทไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ จุดหมายคืออีสานตอนบนกับข้ามโขงไปลาว
คืนแรกนั่นเองที่กลาย เป็นคืนอุบาทว์ของชีวิต!
ดิฉันขอข้ามเรื่องการเดินทางและท่องเที่ยวต่างๆเพื่อเข้าจุดหมาย...เมื่อเรากินอาหารค่ำเสร็จก็เข้าพักโรงแรมชั้นดี ทั้งใหม่และสะอาด ไม่มีอะไรน่ากลัวหรือน่าหวาดระแวงว่าจะมีอันตรายใดๆ เพราะมีล็อกและโซ่คล้องประตู ม่านสีไข่ไก่ดูกลมกลืนกับผนังห้อง เตียงใหญ่กว้างขวางชนิดนอนได้สามคนสบายๆ
ราวสี่ทุ่ม เรากำลังจะเข้านอน เบญจาเกิดมีปัญหาเรื่องรอบเดือนเร็วกว่ากำหนด แถมไม่ได้นำของจำเป็นติดตัวมาด้วย เลยบอกว่าจะลงไปซื้อที่ร้านใกล้ๆโรงแรม ดิฉันเพิ่งนึกได้ว่าน่าจะโทร.ไปบอกโอปะเรเตอร์ให้ช่วย แต่เพื่อนก็ออกไปราวห้านาทีแล้ว
จัดการล็อกประตูแล้วคล้องโซ่ เปิดไฟทั้งห้องน้ำและห้องนอน แถมเปิดทีวีเอาเสียงเป็นเพื่อนก่อนจะขึ้นเตียง...
เพียงแต่ซุกร่างเข้าไปใต้ผ้าห่มเท่านั้น แสงไฟก็หรี่วูบจนดิฉันต้องผงกหัวขึ้นอย่างลืมตัว แล้วสว่างขึ้นตามเดิม กำลังจะถอนใจโล่งอกก็ใจหายวูบเมื่อภาพในจอทีวีดำมืดก่อนกลายเป็นฝ้าขาวๆ ส่งเสียงซ่า...สะท้านเข้าไปในหัวใจจนดิฉันนอนตัวแข็งทื่อ
พริบตานั้นเอง แสงไฟทั้งห้องก็ดับวูบลงอีกครั้ง!
ได้ยินเสียงตัวเองร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ หันไปมองทางหน้าห้องน้ำก็มืดสลัวเช่นกัน...ไฟเสีย! ดิฉันถอนใจยาว ใจคอชักไม่ค่อยดี แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะครืนมากระทบหู...คุณพระ ช่วย! เสียงจากทีวีนั่นเอง!!
ภาพของหญิงชายกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงดื่มเหล้า หัวเราะเริงร่า ทั้งๆที่ไฟฟ้าดับทั่วห้อง แต่ทีวีกลับเปิดโร่...ดิฉันสะบัดหัว หลับตา สูดลมหายใจยาว เชื่อว่าตัวเองคงฟั่นเฟือนไปชั่วคราว หรือไม่ก็ต้องแพ้ยาแน่ๆ แต่เอ...เราไม่ได้กินยาอะไรนี่นา ไม่ได้เป็นหวัดเป็นไข้หรือภูมิแพ้ ร่างกายยังแข็งแรงดีเช่นเดียวกับคนในวัยสามสิบต้นๆ ทั่วไป
เสียงหัวเราะดังก้อง คล้ายกับถาโถมเข้ามาทุกทิศทุกทาง...ลืมตามองทีวีให้แน่ใจอีกครั้ง แล้วก็ได้เห็นภาพนั้น...ภาพที่ติดหูติดตาไปชั่วชีวิต!
ใบหน้าของหญิงชายในจอหันขวับมาจ้องมองเย้ยหยัน หัวเราะร่า เสียงสะท้อนสะท้านเข้าไปถึงหัวอกหัวใจ! ดิฉันได้ยินเสียงตัวเองหวีดร้องแสบแก้วหู โลกทั้งโลกกำลังแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ กระโดดผลุงจากเตียง ไฟสว่างพรึ่บแต่ทีวีกลับดับวูบดื้อๆ
ช่างเถอะ! ไม่แยแสอะไรอีกแล้ว คิดจะเผ่นออกจากห้องอุบาทว์นี่ให้เร็วที่สุด ถอดโซ่มือไม้สั่น หมุนล็อกกระชากบานประตู...แต่มันไม่ขยับเขยื้อนราวกับกลายเป็นประตูเหล็ก ประตูนรกแน่นหนาที่กักขังดิฉันไว้ตลอดกาล!
คุณพระคุณเจ้าช่วยลูก ด้วยเถิด! ดิฉันน้ำตาไหลพรากอาบหน้า ตัวสั่นงันงกไม่ผิดกับลูกนกต้องลมหนาว... ทำไมเบญจาไม่กลับมาเสียทีหนอ?
มือถืออยู่ไหน? ต้องเรียกเธอมาช่วย แต่เกิดสับสนจนจำเบอร์ไม่ได้...โทร.หาโอปะเรเตอร์ไงล่ะ! ขอให้ช่วยเปิดประตูด้วย แต่ขาทั้งสองข้างหนักอึ้งจนขยับไม่ไหว...นี่มันอะไรกัน เกิดนรกจกเปรตอะไรขึ้นมา? หรือเรากำลังตกอยู่ในความฝัน...ฝันร้ายสุดขีด!
"พรรณ! พรรณ..." เสียงแว่วๆ ของเบญจานั่นเอง ดิฉันหอบหายใจฮั่กๆ ยิ้มทั้งน้ำตา เพื่อนมาแล้ว! กลับมาเสียที! แต่ว่าเกิดนรกจกเปรตอะไรขึ้นมาล่ะ?
เสียงทุบประตูแรงๆถี่เร็วขึ้น ดิฉันร้องสุดเสียงให้ช่วย พยายามดึงประตูเบญจาก็คงพยายามผลักเข้ามา แต่ก็สิ้นหวังทั้งคู่...ขณะที่อากาศเย็นยะเยือกจนหนาวสะท้านไปถึงหัวใจ ไฟดับวูบอีกครั้ง ความมืดถาโถมเข้าใส่ คราวนี้ดิฉันปล่อยโฮ ทรุดลงกองกับพื้น ซบหน้าร้องไห้กับท่อนแขนจนตัวโยน สลับกับร่ำร้อง...ช่วยด้วย! โปรดช่วยฉันด้วยเถิด!
"พรรณ! ทำไมมานอนที่นี่?" เสียงเบญจาดังแว่วๆ มากระทบหู ดิฉันลืมตาขึ้นก็เห็นหน้าเพื่อนชะโงกมาหา กรีดร้องอีกครั้งก่อนจะโถมเข้ากอดรัด ร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวสั่นเทา...รุ่งขึ้นเราก็ขอตัวบินกลับกรุงเทพฯ ทันที
ดิฉันโดนผีหลอกหรือฝันร้ายสุดขีด? แม้จะหาคำตอบไม่ได้จนถึงวันนี้ แต่ดิฉันก็ขอสาปส่งห้องพักโรงแรมไปชั่วชีวิตเลยค่ะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น