หนูเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องผีมากๆเลย เพราะตัวเองเคยถูกผีหลอกมานับครั้งไม่ถ้วน ยอมรับว่ากลัวมากค่ะ มือเท้าเย็นไปหมด ขนลุกซู่ซ่าจนเป็นผื่นขึ้นตามท่อนแขน ขนาดอยู่ด้วยกันหลายคนนะเนี่ย แหม!ถ้าอยู่คนเดียวแล้วโดนผีหลอก หนูคิดว่าตัวเองคงจะขาดใจตายไปแล้วแน่ๆ เลย
เมื่อราว 2-3 ปีมาแล้ว หนูไปทำงานในโรงงานใกล้บ้านที่ปทุมธานี เขาผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างค่ะ คนงานมีหลายร้อยคน หนูอยากจะเล่ารายละเอียดของโรงงาน แต่กลัวว่าจะเกิดปัญหาเปล่าๆ เลยขอเล่าสั้นๆ ว่าถ้าทำงานกะกลางวันก็กลับไปนอนบ้าน ถ้าทำงานกะกลางคืนก็ถึงสว่างเลย ได้นอนพักช่วงสั้นๆ ระหว่างสองยามถึงตีหนึ่ง
เราทำงานหนักแทบไม่ได้วางมือ แต่ว่ายังสาวหรือรุ่นสาว ร่างกายแข็งแรง จิตใจร่าเริงก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ
กลางวันสบายมาก แต่กลางคืนกลัวผี! ไม่ใช่ว่ากลัวเลื่อนลอย หรือหวาดระแวงไปเองนะคะ เพราะใครๆ ก็รู้ดีกันทั้งนั้นว่าโรงงานนี้ผีดุมาก ตอนก่อสร้างก็เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง มีการทะเลาะวิวาทจนถึงฆ่าฟันกัน รวมแล้วมีคนตายไปราวสิบคนได้
ผีสิง ผีหลอก ผีทวงวิญญาณ...เป็นเรื่องที่ชอบพูดถึงบ่อยๆ ข้อสำคัญก็เชื่อถือกันด้วยค่ะ
พวกรุ่นพี่ๆ เล่าตรงกันหลายคนว่า เมื่อเปิดโรงงานแล้วก็มีคนตายอีกหลายคน ทั้งอุบัติเหตุก็มี ฆ่าตัวตายก็มี ทั้งผูกคอตาย กินยาตาย โดดตึกตาย เมื่อปีกลายก็มีผู้หญิงตกลิฟต์ตาย ไม่ช้าผู้หญิงอีกคนก็นอนตายในลิฟต์ พูดกันว่ากินยาลดความอ้วนจนตาย ส่วนมากบอกว่า ผีที่ตกลิฟต์ตามมาล่าวิญญาณคนหลังจนช็อกตายในลิฟต์เพื่อเอาไปอยู่ด้วยกัน!
จะเชื่อหรือไม่เชื่อยังไง หนูกับเพื่อนๆ ก็กลัวผีกันทุกคนเลยค่ะ
ตอนกลางคืนดึกๆ หนูเคยได้ยินเสียงคนวิ่งอยู่นอกห้อง แถวๆหน้าสโตร์ที่ปิดสนิท ไม่มีคนทำงาน บางคืนก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ เคยเล่าให้เพื่อนๆร่วมกะที่มีอยู่ราว 7-8 คนฟัง บางคนบอกว่าหนูหูแว่วไปเอง กับหาว่าหนูแต่งเรื่องหลอกให้เขากลัวกัน
ไม่ช้าพวกเพื่อนๆ ก็ได้ยินเอง แถมสะอึกสะอื้นคร่ำครวญน่าขนหัวลุกอีกต่างหาก
คนใจกล้าเพิ่งมองผ่านฝากระจกหนาๆออกไป อยากรู้ว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย แล้วเสียงร้องไห้มาจากไหน แต่แสงไฟมันสว่างแต่ในห้องที่เราทำงาน ข้างนอกค่อนข้างมืดจนมองอะไรไม่เห็น
ทีนี้ต้องเกาะกลุ่มกัน ขนาดจะเข้าห้องน้ำยังต้องไปกันเป็นแพ ให้เพื่อนช่วยเฝ้าอยู่ข้างนอกด้วยค่ะ...ถ้าจ๊ะเอ๋ในห้องสุขาก็ตัวใครตัวมันละกัน!
คืนหนึ่งก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น
ที่ลานหน้าห้องสโตร์จะมีรถลากของเล็กๆ สำหรับขึ้น-ลงลิฟต์ เราใช้แรงอัดแล้วลากไปได้ง่ายๆ เขาเรียกกันเป็นทางการว่ายังไงไม่รู้ แต่พวกหนูเรียกกันง่ายๆ ว่า "ไอ้เข้" ค่ะ
มีไอ้เข้หลายตัวสำหรับใช้งานตอนกลางวัน แต่กลางคืนก็จอดทิ้งไว้หน้าห้องสโตร์นั่นแหละ ห่างจากลานหน้าห้องทำงานของพวกเราราว 20 เมตรเห็นจะได้
คืนนั้นหลังจากกินอาหารเสร็จ ส่วนมากจะนอนพัก แต่บางคนก็อ่านหนังสือฆ่าเวลา ...เสียงน่ากลัวก็เล่นเอาหูตาสว่างจ้าไปตามๆ กัน
ตอนแรกเป็นเสียงเดินลากรองเท้าผ่านหน้าห้อง พอเราชะงักก็ได้ยินเสียงวิ่งตุ๊บๆ ผ่านไปมา ตามด้วยเสียงร้องไห้ดังมาจากข้างนอก...อุปาทานหรือเปล่าไม่รู้ แต่หนูแน่ใจว่ามันดังมาจากหน้าลิฟต์ใกล้ๆกับห้องสโตร์พอดี
เพื่อนที่กำลังนอนรีบลุกขึ้นมานั่ง คนที่อ่านหนังสือนิยายรักๆใคร่ๆรีบวางหนังสือ เบิกตาโพลง...จ้องมองไปทางเดียวกัน
เสียงวิ่งเสียงร้องไห้เงียบหายไปแล้ว...เงียบเหมือนความตายไม่มีผิด
คราวนี้มีเสียงแปลกๆ ที่ไม่เคยได้ยินตอนกลางคืนดังขึ้น...เงี่ยหูฟังซักพักก็อ้าปากค้าง หันมองสบตากัน หน้าขาวซีดทั้งนั้นเลยค่ะ...นั่นคือเสียงลากไอ้เข้อย่างแน่นอน
"อะไรวะ..." ใครคนหนึ่งหลุดปากออกมา
"ผีหลอก..." อีกคนอุทาน ก่อนจะรีบยกมือปิดปากตัวเอง แต่นัยน์ตาเบิกโพลง...คนอื่นๆ ก็กระเถิบเข้าเบียดเสียดกันอย่างไม่รู้ตัว ท่ามกลางเสียงลากไอ้เข้ดังครืดๆ ใกล้หน้าประตูห้องเราเข้ามาทุกที
ความเงียบยิ่งทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน หนูใจเต้นโครมคราม มือเท้าเย็นไปหมด คนอื่นก็หมือนกัน ยืนตัวแข็งจ้องมองแทบประทุก็ไม่เห็นอะไร จนกระทั่งเสียงน่าขนหัวลุกค่อยๆ ห่างออกไปทุกทีจนเงียบหายในที่สุด
รุ่งเช้าพวกเราก็เห็นไอ้เข้จอดอยู่ที่เดิม ไม่มีร่องรอยว่ามีใครมาเคลื่อนย้าย คนงานผู้ชายก็เพิ่งทยอยกันเข้ามา แล้วใครมาลากไอ้เข้ตอนดึกๆ ล่ะคะ ถ้าไม่ใช่ผี
เดี๋ยวนี้หนูไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้ว แต่นึกถึงเรื่องนี้เป็นขนหัวลุกทุกทีเลยค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น