เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ร้านสะดวกซื้อแถวบางแค หนูเป็นพนักงานที่นี่ คืนนั้นเป็นคืนวันที่ 31 ตุลาคม ปี 2549 นี่แหละค่ะ ฮัลโลวีนพอดี
เรื่องผีๆสางๆ ถึงจะกลัวบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับขึ้นสมอง ในเวลาปกติหนูจะไม่คิดถึงเรื่องผีเลย ถ้างานเลิกตอนค่ำๆ หนูก็เดินเข้าซอยกลับบ้านคนเดียวได้สบายๆ การเป็นพนักงานขายในร้านสะดวกซื้อนี่ก็เช่นกัน หนูอยู่ได้ตลอดคืนโดยไม่หวาดผวา กลัวอย่างเดียวค่ะ...พวกขโมยไงล่ะ
คืนวันที่ 31 ตุลาคม หนูอยู่เวรกับเพื่อนผู้หญิงอีก 2 คน ชื่อกิ๊กกับแอ๋ม เราไม่กลัวเพราะถนนบริเวณที่ร้านเราตั้งอยู่นี้ไม่เปลี่ยวเลย แม้ว่าลูกค้าจะไม่เยอะเท่ากลางวัน แต่ทั้งคืนก็จะมีคนเข้ามาซื้อของไม่ขาด ส่วนมากเป็นพวกขับแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์ ซื้อบุหรี่ กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง ไม่เหงาหรอกค่ะ
ก่อนตีห้าลูกค้าซาไป แปลกมาก...เงียบกริบเลยค่ะ พวกหนูสามคนเลยมานั่งเช็กยอดขายกันอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ขณะทำงานเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อย
หกโมงเช้า...ตอนนี้ย่างเข้าฤดูหนาว หกโมงเช้าฟ้ายังมืด แต่ก็เรียกได้ว่าวันใหม่แล้ว ในร้านทุกอย่างยังเงียบสงบ มองไปภายนอกมีผู้คนเดินมาขึ้นรถเมล์
น่าแปลกที่ไม่มีลูกค้าเข้ามาในร้านเลยแม้แต่คนเดียว!
ทันใดนั้นเอง หางตาหนูเห็นบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านในสุด ตรงที่เป็นหน้าตู้น้ำอัดลม เบียร์ น้ำผลไม้น่ะค่ะ หนูหันไปมองตรงๆ แล้วก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ผมรองทรง ตัวสูง ผอม จมูกโด่ง คางแหลม สวมเสื้อขาว เขาเดินกลับไปกลับมาคล้ายกำลังชั่งใจว่าจะซื้ออะไรดี หรืออาจจะหาอะไรบางอย่าง
แต่สิ่งที่หนูสะกิดใจก็คือ...เขาคนนี้เข้ามาเมื่อไหร่? เข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อประตูทางเข้าออกน่ะมีแค่ประตูเดียว ที่อยู่ห่างจากพวกหนูแค่เอื้อมเท่านั้น
อ้อ! ถ้าเขาเดินเข้ามา ไม่ว่าเขาหรือใครก็ตาม เสียงหน้าประตูมันจะดังนิ้งหน่อง! พวกเราก็จะต้องร้องทักว่า "สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ" แต่นี่เราไม่ได้ยินเลย
"เฮ้ย! เขามาตอนไหนวะ?" กิ๊กชะเง้อคอยาว พูดอยู่ข้างหูของหนู
แอ๋มถามว่า "เขาหาอะไรอยู่น่ะ?" ว่าแล้วก็เดินไปหาทันที
เสียงแอ๋มเอื้อนเอ่ยอ่อนหวาน "คุณหาอะไรอยู่คะ? เดี๋ยวหนูช่วย..."
แอ๋มเงียบกริบเหมือนปิดสวิตช์ เธอเดินถอยหลังช้าๆมาหาเรา ขณะที่ตาเบิกโพลงจ้องร่างชายคนนั้นไม่กะพริบ หนูเห็นมือแอ๋มสั่นระริก ปากยังอ้าค้าง และก้าวถอยหลังมาเรื่อยๆ จนถึงซอกหลังเคาน์เตอร์ที่หนูกับกิ๊กยืนมองอยู่อย่างสงสัย
"อะไรวะแอ๋ม?" กิ๊กถาม หนูเองก็ใจหายวาบ...คำว่าโจรผุดขึ้นมาทันใด
"เขาไม่มีขา..." แอ๋มคราง "ตั้งแต่ใต้เข่าลงไปไม่มีอะไรเลย!"
"บ้า! ไม่มีขาแล้วจะเดินอย่างนั้นได้ไง แกน่ะตาฝาดไปเอง" กิ๊กตวาดเบาๆ หนูคิดว่ากิ๊กเองก็สับสน งุนงง และตกใจกับคำบอกเล่าของแอ๋มอยู่ไม่น้อยล่ะค่ะ
"ไปดูเองสิ" แอ๋มทำท่าจะร้องไห้ หนูกับกิ๊กเกาะกัน ค่อยๆย่องไปที่ปลายเคาน์เตอร์...ผู้ชายคนนั้นหายไปทางด้านในสุด แล้วโผล่ออกมาให้เห็น
สาบานได้! ตั้งแต่ใต้เข่าลงไปไม่มีอะไรเลย เขาลอยไปลอยมาจริงๆ
กิ๊กผวาถอยหลัง แล้วเสียหลักล้มทับหนูกับแอ๋มลงไปกลิ้งขลุกๆ อยู่หลังเคาน์เตอร์ทั้งสามคน ลุกก็ลุกไม่ได้ แข้งขาเราพันกันไปหมด แต่แอ๋มที่โดนทับอยู่ล่างสุดพยายามดันเราแล้วลุกขึ้น ทำท่าจะเหยียบพวกเราเพื่อกระโจนออกไป กิ๊กกับหนูช่วยกันดึงแขนแอ๋มไว้
"อย่าวิ่ง! อย่าวิ่ง...เฉยไว้ ใจเย็นๆ" หนูปลอบเพื่อน เพราะจำคำผู้ใหญ่ได้ว่า ถ้าเจอผีให้ตั้งสติให้ดี สูดหายใจยาวๆ ถ้าวิ่งล่ะก็เราจะสติแตกเป็นบ้าไปเลย ผีหลอกน่ะไม่ตายหรอก แต่ถ้าตายก็เป็นเพราะเราเองแหละ ช็อกหรือกระโจนเผ่นแผล็วออกไปไม่ดูตาม้าเรือ
แอ๋มเข่าอ่อนนั่งแปะ เป็นอันว่าเราสามคนนั่งกอดกันกลมอยู่ใต้เคาน์เตอร์
"เขายังอยู่ตรงนั้นมั้ย?" แอ๋มกระซิบเสียงสั่นพร่า หนูค่อยๆโผล่หัวออกไปดู ตรงนั้นว่างเปล่า...แต่เขาจะเดินไปอยู่ตรงซอกไหนหนูก็ไม่รู้นะ?
หนูตั้งสติได้แล้วบอกเพื่อนว่า เขาไม่อยู่ เขาไปแล้ว!
ไม่นานก็มีลูกค้าเข้าร้าน เราพยายามสงบสติอารมณ์ทำงานตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าพวกเราสติเพี้ยนไปเลย...ป้ำๆ เป๋อๆ บางทีก็หัวเราะพรืดอย่างไม่มีเหตุผล
จนกระทั่งตกสาย ผู้จัดการมาถึง เรารีบรายงาน แล้วเปิดเทปกล้องวงจรปิดดูกัน เผื่อจะถ่ายติด แต่ไม่ปรากฏสิ่งผิดปกติใดๆ ผู้จัดการบอกว่าในร้านไม่เคยมีใครตาย แต่ "เขา" ที่เราเห็นอาจจะเป็นวิญญาณที่ผ่านมา หรือเคยเข้ามาซื้อของก็ได้
ที่สำคัญเป็นคืนฮัลโลวีนเสียด้วย เขาอาจอยากได้น้ำสักขวดหรือเครื่องดื่มสักกระป๋อง ติดมือกลับไปยังโลกวิญญาณ หลังจากมาเที่ยวโลกมนุษย์ตลอดเมื่อคืนนี้ก็ได้...ใครจะรู้ล่ะคะ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น