ผมกับพี่ๆ และเพื่อนๆ มักจะถูกผู้ใหญ่บ่นอยู่เสมอว่าซุกซนผิดผู้ผิดคน พวกผมก็พยายามเพลาๆ ลงหน่อย แต่บางทีก็อดไม่ได้ ที่จริงผมรู้ว่าผู้ใหญ่...หมายถึงคุณย่าคุณยายและป้า ๆ ทั้งหลายแกล้งบ่นไปยังงั้นเอง ท่านเอ็นดูพวกผมออกจะตาย
สิ่งที่ผมเล่นซนกันก็เป็นเรื่องแสวงหาความรู้ทั้งนั้น อย่างการทดลองว่าผีมีจริงหรือเปล่า? เอง...อันนี้ก็น่าโดนดุอยู่หรอก เพราะมันทำท่าจะได้ผลแฮะ!
บ้านผมกว้างขวางอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ เพื่อนๆ ชอบมาเที่ยวหลังโรงเรียนเลิกตอนเย็นๆ สักชั่วโมงสองชั่วโมงก็กลับกันหมด คุณยายจะทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้เลี้ยงเป็นอาหารว่าง บางทีก็ใส่ถุงกลับไปบ้านด้วย ดังนั้นบ้านเราจึงเป็นที่รู้จักและไว้ใจของบรรดาคุณแม่ทั้งหลายของเพื่อนผม
ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์นี่ยิ่งครึกครื้นอย่าบอกใคร!
นั่นคือคุณป้าคุณอาจะพาลูกๆ มาเยี่ยมคุณปู่คุณย่ากัน ผมมีพี่สาวน้องสาวเยอะ ทั้งที่ผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่ แถมเป็นหัวแก้วหัวแหวนด้วย เพราะคุณป้าคุณอามีแต่ลูกสาวกันหมด
วันที่เกิดเรื่องเป็นวันเสาร์ครับ ราวๆ สามทุ่มเห็นจะได้
พวกลูกพี่ลูกน้องผมมาเยี่ยมคุณย่าคุณยายกันตามปกติ เพื่อนๆ ผมสามคนก็อยู่ด้วย และขออนุญาตแม่ว่ามาค้างบ้านผมกัน พวกผู้ใหญ่กินข้าวเสร็จก็คุยกันติดลม เราเลยเล่นกันอยู่อีกห้องหนึ่ง...เราเล่นผีถ้วยแก้วกันครับ!
พี่สาวผมที่อยู่ม.5 เป็นคนชำนาญเรื่องนี้ดี เราทำตาราง เขียนตัวอักษร แล้วเอาแก้วใบเล็กๆ หนาๆ จากในครัวมาคว่ำลง เพื่อนผมจุดธูปเชิญผีมาลงถ้วย เรากิ๊กกั๊กกันใหญ่ ตื่นเต้นดีออกครับ...ไม่เชื่อหรอก แต่ก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน
มันแปลกดีพิลึก แก้วมันเลื่อนเองได้ เราแค่เอานิ้วแตะมันเบาๆ มันก็เหมือนมีแรงแม่เหล็ก ดึงไปทางโน้นทางนี้
เมื่อเราถามว่าผีที่มาแก้วชื่ออะไร? แก้วก็เลื่อนไปที่ ก.ไก่ สระอีและไม้โท เป็นอันว่าเป็นผีผู้หญิงชื่อ "กี้" เราถามว่าเป็นอะไรตาย เธอตอบว่า "ถู-ก-ฆ่-า"
จากนั้นแก้วก็วิ่งเร็วมาก ไม่ว่าจะถามอะไรก็ไม่ได้คำตอบแล้ว มันวิ่งวนไปรอบๆ กระดาษ แรงขึ้นๆ เพื่อนตกใจ ร้องว่า "เฮ้ย! ใครแกล้งวะ?" เราร้องด่ากันหลายคำ ตามประสาวัยรุ่นที่ต้องยอมรับว่า ตอนนั้นทั้งกลัวทั้งตกใจ
ในที่สุด แก้วที่คว่ำอยู่ก็หลุดจากขอบโต๊ะ ตกลงกับพื้นพรม!
ทุกคนตกตะลึงกันหมด พี่สาวผมหน้าเสีย พอดีคุณอาผม-แม่ของเธอน่ะครับ เรียกให้ไปลาคุณย่าคุณยายกลับบ้าน มันดึกแล้ว
ผมถามพี่สาวว่า มันจะมีอะไรไหมเนี่ย? เธออ้อมแอ้มตอบว่า...คงไม่มีมั้ง?
ถึงไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีแต่ผมก็ไม่ประมาทนะครับ กลัวน่าดูเลยล่ะ! บรรยากาศของบ้านมันไม่เหมือนเดิมเลยจริงๆ บ้านที่อบอุ่นของผมกลายเป็นแดนสนธยาในความรู้สึกของผมเอง เพราะไม่รู้ว่านับตั้งแต่นี้ไปจะมีอะไรมาแอบแฝงสิงสู่อยู่กับเรามั่ง?
เพื่อนๆ ผมมันก็แหยงๆ วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ว่ามันน่าจะเป็นอาถรรพณ์อาเพศอะไรสักอย่าง เพราะการเล่นผีถ้วยแก้วของเราจบลงอย่างกะทันหัน ไม่มีการส่งวิญญาณ ไม่มีการยุติ!
คืนนั้นแหละครับ คุณยายผมทักว่าในห้องที่ผมเล่นกันมันมีกลิ่นอะไรเน่า ๆ เหมือนปลาเค็มค้างปี ใครเอาอะไรมากินแล้วซุกไว้ที่ไหนหรือเปล่า?
พวกสาวใช้มาหาตามใต้โต๊ะใต้ตู้ว่ามีหนูหรือตัวอะไรมา ตายหรือไม่ ก็ไม่มี
วันต่อๆ มาทั้งสัปดาห์ ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีใครบางคนที่ไม่มีตัวตน จ้องมองผมและเดินตามไปทั่วบ้าน ถ้าออกจากบ้านไปโรงเรียนผมจะไม่รู้สึกหวาดระแวงแบบนี้ แต่พอกลับเข้าบ้านก็กลับรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อีก
บางทีขนลุกซ่าไปทั้งตัว เหมือนมีกระแสไฟฟ้าผ่านเข้ามา แบบเราเอามือไปจ่อทีวีตอนจะปิดจะเปิดมันน่ะครับ ผมชอบเล่น มันจะดังเผียะๆ เบาๆ และจั๊กจี้นิดๆ
ชักแน่ใจแล้วซิว่าผียัยกี้ยังสิงสถิตอยู่ในบ้านนี้ไม่ยอมไปไหน!
เธอเป็นวิญญาณผีตายโหงเสียด้วย ผมอดนึกถึงหนังเรื่อง "จูออน" ไม่ได้...ขนลุกอีกแล้วไง! ผีแบบนี้ดุจะตาย มันอาฆาตด้วย...ตายละ! ถ้ามันมาทำอะไรผม หรือคุณย่าคุณยาย หรือพ่อแม่ จะทำยังไงล่ะ?
ผมไม่กล้าบอกใคร จนกระทั่งจ่อย สาวใช้ของคุณยายร้องกรี๊ดๆ ทำจานชามหลุดมือแตกโพล้งเพล้ง เมื่อเธอเห็นผีผู้หญิงยืนเน่าเฟะอยู่ในครัว
เป็นอันว่าผมต้องสารภาพว่าพวกผมทำอะไรลงไป
คุณย่าคุณยายถอนใจเฮือกใหญ่ รุ่งขึ้นท่านทั้งสองต้องให้นายจวบคนขับรถพาท่านไปถึงอยุธยา ไปกราบขอคำปรึกษากับพระรูปหนึ่ง ที่ท่านเคารพและรู้จักกันมานาน ก่อนผมเกิดด้วยซ้ำ
พอกลับถึงบ้าน ท่านก็ถามว่าแก้วกับกระดาษเขียนอักษรพวกนั้นยังอยู่ไหม? ผมไปหยิบมาให้ท่าน...ก็ซุกไว้ในลิ้นชักห้องนั้นล่ะครับ ท่านให้ผมเอาแก้วกับกระดาษไปทิ้งซะ เพราะมันเป็นสื่อเรียกวิญญาณ
ท่านให้ผมจุดธูป 1 ดอกปักลงในดินกลางสนามหญ้า และสัญญาว่าจะบวชเณรพร้อมเพื่อนสามคนตอนปิดเทอมกลางนี้ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ "คุณกี้" เธอ
เรื่องนี้ผมไม่ยักถูกดุมากมายอะไร คุณย่าบอกว่าแค่นี้ผมก็แย่แล้ว ท่านหวังว่าผมคงเข็ด ดีเหมือนกันที่ต้องบวชเณรจะได้หายซนซะบ้าง และผมกับเพื่อนๆ ก็สรุปว่าการทดลองเล่นผีถ้วยแก้วนี้ได้ผล...คือเราได้คำตอบว่าผีมีจริงไงครับ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น