“เอ อัญชลี” เปิดใจน้ำตาซึม วิงวอนผู้มีอำนาจนำตัว “เติ้ล” มาตรวจ DNA ประกาศกร้าวขอแค่ให้คนทั้งประเทศและครอบครัวฝ่ายชาย รู้ว่า “น้องเอวี่” เป็นลูก แล้วจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีก ลั่นไม่ต้องเซ็นรับรองบุตรก็ได้ ถึงกับสะอึกหลังทนายบอกเติ้ลไม่อยากเจอหน้าตนกับลูก ก่อนฉะ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยส่งเสียสักแดงเดียว กั๊กสัมพันธ์หนุ่มช่างภาพแค่เพื่อน
ทำเอา “เอ อัญชลี หัสดีวิจิตร” ถึงจุดเดือดแตก หลัง “เติ้ล คมกริช จันทรวิสูตร” เบี้ยวตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์ความเป็นพ่อของ “น้องเอวี่” ลูกสาวสุดที่รัก ทั้งที่มีคำสั่งศาลออกมาแล้ว หนำซ้ำก่อนหน้านี้ ยังมีรูปฝ่ายชายแต่งงานออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน งานนี้จึงเป็นชนวนเหตุให้เอถึงกับหมดความอดทน ลุกขึ้นมาเปิดแถลงข่าว ในงานจบการศึกษาของนักเรียนรุ่นที่ 1-2 ของโรงเรียนสอนการเดินแบบและบุคลิกภาพ FEVER RUNWAY ณ ร้าน Too fast to sleep สามย่าน ซึ่งเป็นธุรกิจของเจ้าตัว โดยมี “โย ยศวดี” และ “น้องเอวี่” มาเป็นกำลังใจคอยอยู่เคียงข้าง
ทั้งนี้ ทางฝ่ายของเอได้ประกาศจบปัญหาทุกอย่าง พร้อมบอกว่า เติ้ลไม่ต้องเซ็นรับรองบุตร “น้องเอวี่” แล้วก็ได้ แต่ขอให้มาตรวจดีเอ็นเอ เพื่อจะได้กอบกู้ศักดิ์ศรีของตนคืนมา ก่อนยันที่ทำลงไปเพียงเพื่ออยากเรียกร้องความยุติธรรมให้ตนกับลูก ไม่ได้ต้องการสมบัติของฝ่ายชายแต่อย่างใด โดยเจ้าตัวเผยน้ำตาซึมว่า ก่อนหน้านี้ เติ้ลได้ยื่นเงื่อนไขมาว่า หากจะตรวจต้องแยกกันมาคนละครั้ง เพราะไม่อยากเจอหน้าตนกับลูก แต่ตนไม่ยอม เพราะกลัวจะมีการบิดพลิ้วไม่โปร่งใส
“หลังจากที่เราได้ตกลงตอนไกล่เกลี่ยแล้วเขาไม่ไกล่เกลี่ย แล้วเขาก็ไม่มาตามที่นัดหมายไว้ จนมันเกิดปัญหาขึ้น โดยฝั่งเขาบอกว่า เอมีข่าวมากเกินไป ทำให้เขาไม่อยากมาเจอเอกับลูก จะทำยังไงก็ได้ที่จะตรวจดีเอ็นเอ โดยที่ไม่ต้องมาเจอเอกับเอวี่ เอก็มานั่งคิดว่านี่ก็ 2 ปีแล้ว เอเองก็ไม่เคยได้รับความสนใจ หรือการดูแลรับผิดชอบอะไรจากเขา”
“วันนี้เอตั้งใจอยากจะประกาศให้ได้รับรู้ว่า อยากจะขอความร่วมมือจากอำนาจทุกอย่าง นำตัวคุณคมกริช มาตรวจดีเอ็นเอ พร้อมกันกับเอและน้องเอวี่ 3 คน แล้วหลังจากที่ตรวจดีเอ็นเอเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวใดๆ กับเขาทั้งสิ้น ไม่ต้องการให้เขามาช่วยเหลือเลี้ยงดูอะไรต่างๆ สิ่งที่เอต้องการ คือ อยากได้รับความยุติธรรมตรวจทางวิทยาศาสตร์ เพราะที่ผ่านเอง เอถูกคนดูถูกจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นศักดิ์ศรีต่างๆ นานา”
“เอแค่อยากจะขอทุกอย่างกลับมา ให้ทางครอบครัวเขารู้ว่าน้องเอวี่เป็นลูกของคุณคมกริช เป็นหลานแท้ๆ ของตระกูลเขา ขอศักดิ์ศรีของเอที่เคยมีมาตลอดระยะเวลา 2 ปี เอยืนยันเลยว่า เอไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองจากเขาใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเขาไม่ต้องการจะรับรองบุตรให้เอวี่ไม่เป็นไร เอแค่ขอให้เขามาตรวจดีเอ็นเอ วันนี้ เอตั้งใจอยากจะประกาศให้พี่ๆ นักข่าวได้รับรู้ว่า ยังไงเอยังยืนยันนะคะ ที่อยากจะขอความร่วมมือให้กับผู้ที่มีอำนาจลงนามทุกอย่างที่จะสามารถนำตัวคุณคมกริช มาตรวจดีเอ็นเอพร้อมกันกับเอ กับน้องเอวี่ สามคนนะคะ”
“ตอนนี้เอคิดว่าเอเลี้ยงน้องมาได้ 2 ปีแล้ว ถ้าเอจะต้องเลี้ยงน้องไปตลอดชีวิตเอทำได้ แต่ขอให้ศักดิ์ศรีของเอกลับคืนมา อยากจะให้คุณคมกริชได้ทำหน้าที่ของเขา ถ้าเขาสามารถทำได้เพียงอย่างเดียว เรามาตรวจดีเอ็นเอพร้อมกัน เพราะทางทนายฝั่งนั้นบอกว่าคุณคมกริชไม่ต้องการมาเจอหน้าเอกับลูก จะขอมาตรวจทีละครั้ง ซึ่งในหลักทางวิทยาศาสตร์มันสามารถบิดพลิ้วได้ เอแค่อยากให้มาตรวจพร้อมกันแค่นั้น เอไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้อีก ไม่อยากให้ยืดเยื้อ”
ตอนนี้ตัดสินใจว่าไม่ต้องมารับรองบุตรแล้ว?
“เอเข้าใจว่าตอนนี้เขามีครอบครัวใหม่แล้ว เออยากจะทำให้เขารู้ว่าเอไม่อยากจะไปทำร้าย รบกวนสิ่งที่เขาจะเริ่มต้นใหม่ เอแค่ต้องการศักดิ์ศรีของเอ ในเมื่อเขาไม่อยากเจอเอ ไม่อยากเจอน้องเอวี่ ก็ไม่เป็นไร แสดงว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นพ่อของน้องเอวี่ เอแค่ขอให้เขามาตรวจดีเอ็นเอ เพื่อครอบครัวเขาและเอ”
“ขอแค่มีใบตรวจดีเอ็นเอเพื่อลบคำสบประมาทของครอบครัวเขา เพราะน้องเอวี่เกิดมาจากความรักจริงๆ ไม่ใช่เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่ได้เกิดความรักเพียงชั่ววูบ เราคบหากันมา 1-2 ปี เราคบกันครอบครัวเอรับรู้ เอแค่อยากขอความเป็นธรรมตรงนี้ แล้วก็ตัดทุกอย่างออกไป เอไม่ต้องการทรัพย์สมบัติใดๆ ทั้งสิ้น เอแค่ขอความยุติธรรมจากเขาหน่อย”
“เอไม่เคยได้พูดคุยกับเขาตรงๆ เลยค่ะ เราคุยกับผ่านทนาย จริงๆ ผลตัดสินจะต้องตัดสินในวันที่ 26 มิถุนาฯ แต่ตอนนี้ก็ยังตามคุณคมกริชมาตรวจดีเอ็นเอไม่ได้ ซึ่งหลักฐานการพิสูจน์ต้องใช้เวลา 1 เดือน เอก็ไม่รู้ว่ามันจะยืดเยื้อแค่ไหน”
ต่อคำถามที่ว่า ภรรยาใหม่ของ “คมกริช” เองก็เป็นเพื่อนกันกับ “เอ” ได้คุยกับเขาเพื่อช่วยให้เรื่องราวมันจบราบรื่นมั้ย? เจ้าตัวก็บอกว่า...
“เอก็ไม่อยากอ้างถึง เอาเป็นว่าเอไม่ขอพูดถึงดีกว่า ตอนนี้คงไม่ได้เรียกกันว่าเป็นเพื่อนแล้ว ก็ไม่อยากจะเข้าไปล่วงล้ำเขา เราเคารพในการเป็นครอบครัวใหม่ของเขา แต่กับที่เขาอ้างเราว่าไปต่างประเทศ ก็รู้สึกนะ แต่มันไม่มีความรักอะไรให้แล้ว สิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุดคือดูแลน้องเอวี่ แต่ทำไมเขาบอกว่าไปเมืองนอก แต่สุดท้ายไปแต่งงาน ทำไมเขาไม่ทำตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อน”
“ตัวเอเองโอเคมาก ถ้าเขาจะไปมีครอบครัวใหม่ เอยินดีอยู่แล้ว สำหรับคนที่เอเคยรักมา แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะเคลียร์เรื่องเก่าให้เรียบร้อย เออยากจบแล้ว เอไม่อยากให้ยืดเยื้อไปกว่านี้ เออยากเดินหน้าชีวิตใหม่ เอไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเขา ไม่แม้กระทั้งว่าเขามายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเอ”
“ตอนนี้น้องเอวี่โตมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของครอบครัวเอ เอไม่ต้องการให้ใครมาเป็นเจ้าของนอกจากครอบครัวเออีกแล้ว นอกจากว่าน้องเอวี่เขาต้องการจะเจอคุณคมกริชในฐานะพ่อหรือไม่ ถ้า ณ ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไร เอก็จะไม่ยัดเยียดอีกแล้ว คือที่ผ่านมาเขาโกรธที่เอพูดถึงเขาและครอบครัวเขามากๆ เลยไม่อยากจะมาเจอเอกับเอวี่ 3 พ่อแม่ลูก เขาเลยบ่ายเบี่ยงที่จะมาเจอทีละครั้ง”
“ซึ่งทนายเอไม่ยอม เพราะมันสามารถเอาใครมาตรวจก็ได้ การมาเจอ 3 คน พ่อแม่ลูกมันเป็นสิ่งที่ยุติธรรม แค่นี้เองคุณคมกริชทำได้มั้ยคะ เออยากให้มันจบเร็วที่สุด เพราะตอนนี้เอวี่ถามถึงป๊ะป๊าอยู่ไหน เอบอกไม่ได้อีกแล้วว่า ป๊ะป๋าอยู่ในหนังสือ ตอนนี้พูดไม่ได้แล้ว เพราะเขาเริ่มรู้จักหนังสือ เห็นเอในหนังสือพิมพ์ก็บอกหม่ามี้ เอไม่อยากให้เขาโตขึ้นแล้วมาต้องมารับรู้อะไรพวกนี้อีก”
เจ้าตัวเผยถ้า “น้องเอวี่” โตขึ้นจะบอกกับลูกว่า ลูกเกิดจากความรักของพ่อแม่ ไม่ได้เกิดจากความสนุกเพียงข้ามคืน พร้อมโอดตลอด 2 ปีที่ผ่านมาครอบครัวของฝ่ายชายจะไม่เคยส่งเสียแม้แต่บาทเดียว
“ก็จะบอกว่าเขาเกิดจากความรักที่พ่อแม่มีให้กัน พ่อหนูคือคนนี้นะ มีหลักฐานยืนยันทุกอย่าง แต่วันนึงถ้าเขาต้องรู้ว่าไม่มีชื่อพ่อในวันนั้นเอคิดว่าลูกเอคงอ่านในสมุดไดอารี่ของเอที่เอเขียน เชื่อว่า เขาจะเข้าใจ บอกตรงๆ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เอโดนถามมาตลอด เอวี่เป็นลูกของคุณคมกริชของตระกูลเขาแท้ๆ ทำไมถึงไม่มีใครมาแยแสสนใจ แม้แต่เงินบาทเดียวเขา ผ้าอ้อมแผ่นนึง นมกระป๋องนึงก็ไม่เคยมีมาเลย”
“จนมาถึงทุกวันนี้เออยากให้การตรวจดีเอ็นเอ เหมือนเป็นคำตอบทุกอย่าง ว่า น้องเอวี่คือลูกของคุณคมกริชจริงๆ แค่นั้น ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เอกับโยจะเลี้ยงลูกของเราต่อไป เพราะตอนนี้เขาเองก็ยังยืนยันว่าไม่อยากจะส่งเสียอะไรอีก ก็ไม่เป็นไร ไม่รับรองบุตรก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้มาตรวจดีเอ็นเอพร้อมกัน ด้วยหลายๆ คนเองก็อาจจะแคลงใจด้วยว่ามันใช่หรือไม่ใช่ เอจะได้กู้ศักดิ์ศรีของเอ ของตระกูล ของลูก ว่า ลูกของเอไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่ได้เกิดจากความสนุกเพียงข้ามคืน มันไม่ใช่ มันเกิดจากคนที่เอคบมาแล้ว ครอบครัวเอก็รู้มาตลอด”
ส่วนสาเหตุที่ทาง “คมกริช” ไม่ยอมรับ “น้องเอวี่” นั้น “เอ” บอกว่า...
“เอคงไม่เหมาะสมกับครอบครัวเขามั้งคะ เท่าที่เอทราบมา เราฐานะต่างกัน ครอบครัวเราต่างกัน ก็เลยไม่อาจจะเหมาะสม แล้วเอยืนยันว่าเขาไม่ได้คบซ้อน เขาเพิ่งเจอกันหลังจากที่เลิกคบกับเอ เพราะตอนที่เรารู้จักกันผู้หญิงคนนี้ ก็ยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับเอ”
ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ 2 ปีที่ผ่านมาปิดใจแต่ไม่สนิท
“ยอมรับว่าปิด แต่ไม่ได้ปิดสนิท ถ้าวันไหนเราพร้อมที่จะมีใครสักคนก็คงจะมาเอง แต่เขาต้องยอมรับสถานะที่เอเป็นแม่ม่ายลูกติดและไม่มีใครส่งเสีย ต้องช่วยดูแลน้องเอวี่ด้วยกันไป แต่ก็มีคนเข้ามาบ้าง แต่ก็เป็นเพื่อนกันไปก่อน ก็ยังไม่ตัดสินใจ แต่ถ้ามีแล้วพี่ๆ คงรู้อยู่แล้วค่ะ”
มีภาพ “เอ” กับหนุ่มช่างภาพจากหนังเรื่อง 407 เที่ยวบินผี ใช่หนุ่มคนใหม่รึเปล่า?
“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยค่ะ ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ให้น้องเอวี่โตกว่านี้นิดนึง (คนเมาท์ว่าคนนี้มาวินเพราะในรูปเขาอุ้มน้องเอวี่ด้วย?) อ๋อ เหรอคะ จริงๆ เวลาเอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็ไปกันหลายคนค่ะ แต่ยังไม่มีความสัมพันธ์อะไร ก็โสดค่ะ (หัวเราะ)”
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น