วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553
"มาริโอ้" หุบปาก "โกโก้" ตัวการปล่อยข่าวทำเสียชื่อ ลั่นรู้ดีเป็นใคร?
"มาริโอ้" เมินถูกมองไม่เป็นสุภาพบุรุษ ยันพูดจริง "ได๋" แขวะ "พลอย" ก่อน โบ้ยถูกสื่อถามเลยต้องตอบ แต่ต่อไปจะหุบปากขอจบเรื่องนี้ ปัดพูด "โกโก้" ตัวการปล่อยข่าวเสียหายของตน
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่นางเอกสาว "พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" หวนกลับมามีเรื่องปะทะคารมกับพิธีกรสาวหน้าหมวย "ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ" อีกครั้ง ฝ่ายพลอยก็ได้แรงหนุนจากน้องชายคนสนิทอย่าง "มาริโอ้ เมาเร่อ" ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ช่วยพูดตอกย้ำความแรงของพิธีกรสาวว่า เป็นฝ่ายแขวะก่อนจริง งานนี้เลยกลายเป็นว่าพระเอกหนุ่มโดนกระแสวิจารณ์ไปเต็มๆ ว่าไม่แมน ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลยที่ออกมาพูดเช่นนี้ แถมยังดูจะเข้าข้างสาว "พลอย" มากเกินไปอีกต่างหาก
งานนี้ทำเอามาริโอ้ถึงกับเซ็ง ก่อนเปิดใจอีกครั้งว่าต่อไปจะหุบปากไม่ขอพูดเรื่องนี้อีก แม้จะพูดความจริงก็ตาม
"เรื่องกระแสโอ้ไม่ได้เข้าไปอ่านครับ แต่ก็มีได้ยินมาบ้างจากพี่ๆ ที่เขามาเล่าให้ฟัง คือผมอยากจะพูดตรงนี้เลยว่า จริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย มันเป็นเรื่องของผู้หญิงเขา แต่ที่ผมต้องตอบออกไปก็เพราะว่าพี่ๆ นักข่าวถาม แล้วผมก็ต้องพูดเรื่องจริงออกไป ก็อยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ เพราะจริงๆ มันเป็นเรื่องที่เล็กมาก แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรขึ้นมาเลย"
"โอ้เองก็ได้ดูคลิปแล้วครับ แต่ถามว่าผมจะยืนยันคำเดิมไหม ไม่ขอพูดดีกว่า เพราะว่าพูดไปหมดแล้ว ก็อยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ เพราะมันไม่ได้มีอะไรเลยเป็นเรื่องที่เล็กมาก ก็ไม่ได้น้อยใจนะครับที่ผมโดนวิจารณ์อย่างนี้ ผมเข้าใจ แต่ผมก็อยากจะบอกว่าเราอยู่ตรงนี้ก็ต้องตอบคำถามนักข่าว เรื่องไหนที่จริงเราก็ต้องบอก ถ้าเราโกหกไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมก็ต้องพูดในสิ่งที่ผมเห็นและผมเจอครับ"
"ก็ไม่ได้กังวลอะไรนะครับ เพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย เราอยู่ตรงกลาง แต่พอนักข่าวมาถามก็เลยต้องบอก ก็คงไม่ขอตอบเรื่องนี้แล้วดีกว่าครับ โอ้ขอจบตรงนี้เลยเพราะว่ามันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว ก็ขอให้มันจบไปดีกว่าอยากให้มันจบเร็วๆ"
ส่วนกระแสข่าวผู้ที่ปล่อยข่าวเสียหายของ "มาริโอ้" มาตลอดนั้น ที่แท้คืออดีตผู้จัดการคนเก่าอย่าง ?โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์? เจ้าตัวปัดไม่ขอตอบว่าเป็นใคร
"เรื่องคนที่ปล่อยข่าวเสียๆ ของผม จริงๆ ตั้งแต่มาอยู่ตรงนี้และที่เงียบมาตลอดผมอยากให้เวลามันพิสูจน์คนมากกว่าครับ ทุกวันนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้ว ผมก็ขอนิ่งๆ ทำงานในวงการต่อไปดีกว่า แต่ถามว่าทราบไหมว่าเป็นใคร ก็ทราบครับ แต่ผมขอไม่พาดพิงไม่พูดดีกว่า ผมขอตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่อยากจะไปสนใจอะไร"
"แต่ก็คงมีการคุยกับพี่เอ(ศุภชัย ศรีวิจิตร) นะครับ แต่เรื่องจะจัดการก็คงทำอะไรไม่ได้มาก คงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ที่เรารักต่อไป พี่เอก็บอกว่าอย่าไปสนใจ เพราะว่าเราอยู่ในวงการ เราได้ทำงาน เราได้มีโอกาสดีๆ อย่างนี้แล้วก็อย่าไปแคร์เลย เพราะว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด หรือไม่ชอบเราหวังร้ายกับเรา เราก็อยู่นิ่งๆ ครับ ไม่ไปรับมันมาคิดให้ปวดหัวเปล่าๆ ไม่ท้อหรอกครับ ผมเชื่อในความเป็นจริงว่าถ้าเราทำอะไรมาเราก็ตั้งใจทำอย่างนั้นต่อไป อย่าไปคิดมากครับ"
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่นางเอกสาว "พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" หวนกลับมามีเรื่องปะทะคารมกับพิธีกรสาวหน้าหมวย "ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ" อีกครั้ง ฝ่ายพลอยก็ได้แรงหนุนจากน้องชายคนสนิทอย่าง "มาริโอ้ เมาเร่อ" ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ช่วยพูดตอกย้ำความแรงของพิธีกรสาวว่า เป็นฝ่ายแขวะก่อนจริง งานนี้เลยกลายเป็นว่าพระเอกหนุ่มโดนกระแสวิจารณ์ไปเต็มๆ ว่าไม่แมน ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลยที่ออกมาพูดเช่นนี้ แถมยังดูจะเข้าข้างสาว "พลอย" มากเกินไปอีกต่างหาก
งานนี้ทำเอามาริโอ้ถึงกับเซ็ง ก่อนเปิดใจอีกครั้งว่าต่อไปจะหุบปากไม่ขอพูดเรื่องนี้อีก แม้จะพูดความจริงก็ตาม
"เรื่องกระแสโอ้ไม่ได้เข้าไปอ่านครับ แต่ก็มีได้ยินมาบ้างจากพี่ๆ ที่เขามาเล่าให้ฟัง คือผมอยากจะพูดตรงนี้เลยว่า จริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย มันเป็นเรื่องของผู้หญิงเขา แต่ที่ผมต้องตอบออกไปก็เพราะว่าพี่ๆ นักข่าวถาม แล้วผมก็ต้องพูดเรื่องจริงออกไป ก็อยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ เพราะจริงๆ มันเป็นเรื่องที่เล็กมาก แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรขึ้นมาเลย"
"โอ้เองก็ได้ดูคลิปแล้วครับ แต่ถามว่าผมจะยืนยันคำเดิมไหม ไม่ขอพูดดีกว่า เพราะว่าพูดไปหมดแล้ว ก็อยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ เพราะมันไม่ได้มีอะไรเลยเป็นเรื่องที่เล็กมาก ก็ไม่ได้น้อยใจนะครับที่ผมโดนวิจารณ์อย่างนี้ ผมเข้าใจ แต่ผมก็อยากจะบอกว่าเราอยู่ตรงนี้ก็ต้องตอบคำถามนักข่าว เรื่องไหนที่จริงเราก็ต้องบอก ถ้าเราโกหกไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมก็ต้องพูดในสิ่งที่ผมเห็นและผมเจอครับ"
"ก็ไม่ได้กังวลอะไรนะครับ เพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย เราอยู่ตรงกลาง แต่พอนักข่าวมาถามก็เลยต้องบอก ก็คงไม่ขอตอบเรื่องนี้แล้วดีกว่าครับ โอ้ขอจบตรงนี้เลยเพราะว่ามันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว ก็ขอให้มันจบไปดีกว่าอยากให้มันจบเร็วๆ"
ส่วนกระแสข่าวผู้ที่ปล่อยข่าวเสียหายของ "มาริโอ้" มาตลอดนั้น ที่แท้คืออดีตผู้จัดการคนเก่าอย่าง ?โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์? เจ้าตัวปัดไม่ขอตอบว่าเป็นใคร
"เรื่องคนที่ปล่อยข่าวเสียๆ ของผม จริงๆ ตั้งแต่มาอยู่ตรงนี้และที่เงียบมาตลอดผมอยากให้เวลามันพิสูจน์คนมากกว่าครับ ทุกวันนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้ว ผมก็ขอนิ่งๆ ทำงานในวงการต่อไปดีกว่า แต่ถามว่าทราบไหมว่าเป็นใคร ก็ทราบครับ แต่ผมขอไม่พาดพิงไม่พูดดีกว่า ผมขอตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่อยากจะไปสนใจอะไร"
"แต่ก็คงมีการคุยกับพี่เอ(ศุภชัย ศรีวิจิตร) นะครับ แต่เรื่องจะจัดการก็คงทำอะไรไม่ได้มาก คงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ที่เรารักต่อไป พี่เอก็บอกว่าอย่าไปสนใจ เพราะว่าเราอยู่ในวงการ เราได้ทำงาน เราได้มีโอกาสดีๆ อย่างนี้แล้วก็อย่าไปแคร์เลย เพราะว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด หรือไม่ชอบเราหวังร้ายกับเรา เราก็อยู่นิ่งๆ ครับ ไม่ไปรับมันมาคิดให้ปวดหัวเปล่าๆ ไม่ท้อหรอกครับ ผมเชื่อในความเป็นจริงว่าถ้าเราทำอะไรมาเราก็ตั้งใจทำอย่างนั้นต่อไป อย่าไปคิดมากครับ"
“พลอย” ส่งสารถึง “ได๋” เสียใจด้วยที่เลิก “กอล์ฟ” ยันตนไม่ใช่สาเหตุ
“พลอย” เอ่ยปากแสดงความเสียใจกับ “ได๋” ที่ต้องเลิก “กอล์ฟ” บอกเดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่ยันตนไม่ใช่สาเหตุ เพราะเรื่องจบไปนานแล้ว เมินข่าวเมาท์ “ได๋” เคยเป็นแม่บุญทุ่มให้ “นาวินต้าร์” สมัยเรียนนอก บอกเป็นเรื่องอดีต แย้มคริสต์มาสนี้แฟนหนุ่มกลับไทย เตรียมเคลียร์ข่าวฉาวทั้งหมดด้วยตัวเอง
แม้กรณีการปะทะคารมระหว่างสองสาว “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” กับ “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ” จะจบไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็บอกว่าเอาความจริงมาพูด โดยมีคลิปภาพงานอีเว้นท์เป็นหลักฐาน และปล่อยให้คนดูตัดสินกันเองว่าใครถูกหรือผิดอย่างไร ซึ่งดูเหมือนเรื่องนี้น่าจะจบลงด้วยดี แต่มันกลับไปสร้างผลลัพธ์อันเลวร้ายให้กับฝ่าย “ได๋” อย่างเต็มเปา เพราะเจ้าตัวออกมาประกาศว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตนต้องเลิกรากับ “กอล์ฟ ฐิติพันธุ์ เกยานนท์” แฟนหนุ่ม อย่างชนิดที่อาจจะกลับมาคืนดีกันไม่ได้อีกแล้ว
ล่าสุดได้เจอตัวคู่กรณีอย่างสาว “พลอย” อีกครั้งในงานการแข่งขันถ่ายภาพ Canon Photo Marathon Thailand 2010 ณ พิพิธภัณฑ์สยาม เจ้าตัวก็ขอแสดงความเสียใจกับอีกฝ่ายที่ต้องเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ยืนยันว่าสาเหตุไม่ได้มาจากเรื่องของตนแน่นอน เพราะจบไปนานแล้ว
“เรื่องนั้นพลอยว่าใครคบกับใครมันเป็นเรื่องของคนสองคนมากกว่านะคะ พลอยเองก็เป็นบุคคลที่ 6 7 8 ไม่ค่อยเกี่ยวข้องด้วย ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ แต่เขาพูดแล้วทำให้คนมองว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่า จริงๆ ก็อย่างที่พลอยบอกค่ะว่าความจริงก็คือความจริง และเรื่องพวกนี้ทุกคนคงเข้าใจดีอยู่แล้วว่า คนภายนอกอย่างพลอยคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ก็ขอแสดงความเสียใจกับเขาด้วยแล้วกันนะคะ เดี๋ยวก็โอเคค่ะ”
“พลอยไม่ซีเรียสหรอกค่ะ ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก(หัวเราะ) พลอยว่าพลอยก็สรุปไปแล้ว ก็จบแล้ว จริงๆ ก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ถึงจะ
เอามาโยงเรายังไงก็ไม่เป็นไร อย่างที่พลอยบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแล้ว พลอยก็ชัดเจนเรื่องของพลอยแล้ว จบ แฮปปี้(ยิ้ม)”
เผยหวานใจอย่าง “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” ฝากบอกเตรียมกลับมาเคลียร์ข่าวฉาวทั้งหมดด้วยตัวเองช่วงคริสต์มาสนี้ เพราะห่วงที่ตนโดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว
“ส่วนพี่ต้าร์ก็ฝากบอกมาว่า เรื่องนี้พลอยไม่สามารถมาเป็นโฆษกแทนพี่ต้าร์ได้ มันเป็นเรื่องความรู้สึกที่พี่ต้าร์เขาคิดยังไง พี่ต้าร์บอกว่าเดี๋ยวพอเขากลับมา มีโอกาสก็ถามพี่ต้าร์เองดีกว่า เพราะพี่ต้าร์เห็นใจพลอยเวลาที่พูดสัมภาษณ์ ก็คือพลอยถูกถาม แต่ว่าคนในเน็ตไปเขียนว่าเราพูดเองเออเอง ทำไมผู้ชายไม่ออกมาพูด พี่ต้าร์ก็เลยบอกว่ารอเจอเขาแล้วสัมภาษณ์ทีเดียว เดือนธันวาคมนี้ก็กลับมาแล้วค่ะ อาจจะช่วงคริสต์มาสเขาบอกจะพยายามให้ทัน ก็คงต้องดูเรื่องตั๋วด้วย”
“ถ้าเขากลับมาและมีโอกาสก็คงได้เจอกันอยู่แล้ว ช่วงนี้ก็ทำงานแล้วเวลามันก็ผ่านไปเร็ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังได้คุยกันค่ะ คุยกันทางสไกป์ ทางบีบีแล้วก็ทางโทรศัพท์ ก็เข้าใจว่าเขาทำงาน เราก็มีหน้าที่ของเรา ก็เข้าใจค่ะ เขาก็ห่วงพลอยนะคะ คือคนคบกันก็ห่วงกันเป็นธรรมดา(หัวเราะ) พี่เขาก็ห่วงว่าให้พักบ้าง เครียดไหม เพราะเขาก็รู้ว่าพลอยค่อนข้างเครียด เพราะถึงพลอยจะไม่แสดงออกต่อหน้าสื่อ พลอยไม่ได้ร้องไห้หรืออะไร แต่ว่าพลอยก็เครียดไม่ใช่ไม่เครียด แต่ว่าพลอยไม่ชอบแสดงด้านอ่อนแอให้ใครเห็น”
“พี่ต้าร์ก็ให้กำลังใจว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็ผ่านไปประมาณนี้ค่ะ แต่ก็ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจนะคะ แม้คนในอินเทอร์เน็ตจะว่าพลอย แต่ว่าสังคมรอบข้างพลอยสัมผัสได้ว่าทุกคนเข้าใจพลอย และรู้ว่าพลอยรู้สึกยังไง ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ รู้สึกดีมากๆ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”
ปัดไม่ยุ่งกระแสข่าว “ได๋” ออกค่าใช้จ่ายให้ “ต้าร์” สมัยที่ยังเรียนอยู่เมืองนอกด้วยกัน เจ้าตัวบอกเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว
“พลอยว่าอันนี้คงเป็นข่าวลือค่ะ เพราะพลอยก็ไม่ได้รับทราบด้วยสิว่า ตอนที่เขาอยู่ด้วยกันเป็นยังไง ก็ให้เป็นเรื่องของอดีตไปนะคะ ขออยู่กับปัจจุบันดีกว่า ถ้าปัจจุบันเราโอเคก็คือโอเค เรื่องอะไรที่เป็นอดีตมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับอนาคต หรือว่าปัจจุบันของพลอยเลย ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่เรื่อง พลอยก็ใจกว้างนะ แต่ว่าถ้าโดนรังแกก็ไม่ยอม(หัวเราะ)”
แม้กรณีการปะทะคารมระหว่างสองสาว “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” กับ “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ” จะจบไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็บอกว่าเอาความจริงมาพูด โดยมีคลิปภาพงานอีเว้นท์เป็นหลักฐาน และปล่อยให้คนดูตัดสินกันเองว่าใครถูกหรือผิดอย่างไร ซึ่งดูเหมือนเรื่องนี้น่าจะจบลงด้วยดี แต่มันกลับไปสร้างผลลัพธ์อันเลวร้ายให้กับฝ่าย “ได๋” อย่างเต็มเปา เพราะเจ้าตัวออกมาประกาศว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตนต้องเลิกรากับ “กอล์ฟ ฐิติพันธุ์ เกยานนท์” แฟนหนุ่ม อย่างชนิดที่อาจจะกลับมาคืนดีกันไม่ได้อีกแล้ว
ล่าสุดได้เจอตัวคู่กรณีอย่างสาว “พลอย” อีกครั้งในงานการแข่งขันถ่ายภาพ Canon Photo Marathon Thailand 2010 ณ พิพิธภัณฑ์สยาม เจ้าตัวก็ขอแสดงความเสียใจกับอีกฝ่ายที่ต้องเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ยืนยันว่าสาเหตุไม่ได้มาจากเรื่องของตนแน่นอน เพราะจบไปนานแล้ว
“เรื่องนั้นพลอยว่าใครคบกับใครมันเป็นเรื่องของคนสองคนมากกว่านะคะ พลอยเองก็เป็นบุคคลที่ 6 7 8 ไม่ค่อยเกี่ยวข้องด้วย ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ แต่เขาพูดแล้วทำให้คนมองว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่า จริงๆ ก็อย่างที่พลอยบอกค่ะว่าความจริงก็คือความจริง และเรื่องพวกนี้ทุกคนคงเข้าใจดีอยู่แล้วว่า คนภายนอกอย่างพลอยคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ก็ขอแสดงความเสียใจกับเขาด้วยแล้วกันนะคะ เดี๋ยวก็โอเคค่ะ”
“พลอยไม่ซีเรียสหรอกค่ะ ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก(หัวเราะ) พลอยว่าพลอยก็สรุปไปแล้ว ก็จบแล้ว จริงๆ ก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ถึงจะ
เผยหวานใจอย่าง “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” ฝากบอกเตรียมกลับมาเคลียร์ข่าวฉาวทั้งหมดด้วยตัวเองช่วงคริสต์มาสนี้ เพราะห่วงที่ตนโดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว
“ส่วนพี่ต้าร์ก็ฝากบอกมาว่า เรื่องนี้พลอยไม่สามารถมาเป็นโฆษกแทนพี่ต้าร์ได้ มันเป็นเรื่องความรู้สึกที่พี่ต้าร์เขาคิดยังไง พี่ต้าร์บอกว่าเดี๋ยวพอเขากลับมา มีโอกาสก็ถามพี่ต้าร์เองดีกว่า เพราะพี่ต้าร์เห็นใจพลอยเวลาที่พูดสัมภาษณ์ ก็คือพลอยถูกถาม แต่ว่าคนในเน็ตไปเขียนว่าเราพูดเองเออเอง ทำไมผู้ชายไม่ออกมาพูด พี่ต้าร์ก็เลยบอกว่ารอเจอเขาแล้วสัมภาษณ์ทีเดียว เดือนธันวาคมนี้ก็กลับมาแล้วค่ะ อาจจะช่วงคริสต์มาสเขาบอกจะพยายามให้ทัน ก็คงต้องดูเรื่องตั๋วด้วย”
“ถ้าเขากลับมาและมีโอกาสก็คงได้เจอกันอยู่แล้ว ช่วงนี้ก็ทำงานแล้วเวลามันก็ผ่านไปเร็ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังได้คุยกันค่ะ คุยกันทางสไกป์ ทางบีบีแล้วก็ทางโทรศัพท์ ก็เข้าใจว่าเขาทำงาน เราก็มีหน้าที่ของเรา ก็เข้าใจค่ะ เขาก็ห่วงพลอยนะคะ คือคนคบกันก็ห่วงกันเป็นธรรมดา(หัวเราะ) พี่เขาก็ห่วงว่าให้พักบ้าง เครียดไหม เพราะเขาก็รู้ว่าพลอยค่อนข้างเครียด เพราะถึงพลอยจะไม่แสดงออกต่อหน้าสื่อ พลอยไม่ได้ร้องไห้หรืออะไร แต่ว่าพลอยก็เครียดไม่ใช่ไม่เครียด แต่ว่าพลอยไม่ชอบแสดงด้านอ่อนแอให้ใครเห็น”
“พี่ต้าร์ก็ให้กำลังใจว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็ผ่านไปประมาณนี้ค่ะ แต่ก็ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจนะคะ แม้คนในอินเทอร์เน็ตจะว่าพลอย แต่ว่าสังคมรอบข้างพลอยสัมผัสได้ว่าทุกคนเข้าใจพลอย และรู้ว่าพลอยรู้สึกยังไง ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ รู้สึกดีมากๆ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”
ปัดไม่ยุ่งกระแสข่าว “ได๋” ออกค่าใช้จ่ายให้ “ต้าร์” สมัยที่ยังเรียนอยู่เมืองนอกด้วยกัน เจ้าตัวบอกเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว
“พลอยว่าอันนี้คงเป็นข่าวลือค่ะ เพราะพลอยก็ไม่ได้รับทราบด้วยสิว่า ตอนที่เขาอยู่ด้วยกันเป็นยังไง ก็ให้เป็นเรื่องของอดีตไปนะคะ ขออยู่กับปัจจุบันดีกว่า ถ้าปัจจุบันเราโอเคก็คือโอเค เรื่องอะไรที่เป็นอดีตมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับอนาคต หรือว่าปัจจุบันของพลอยเลย ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่เรื่อง พลอยก็ใจกว้างนะ แต่ว่าถ้าโดนรังแกก็ไม่ยอม(หัวเราะ)”
“เป้ย” เมินคนมองแรง บอกไม่เสแสร้งคิดถึงแฟนเลยหอมแก้ม “เต็ม” โชว์
“เป้ย” เลิกแอ๊บยอมรับ “เต็ม” คือแฟนและคนรัก หอมแก้มโชว์งานแฟชั่นไม่ใช่เรื่องผิด เมินคนมองแรง เพราะไม่เคยปิดบังและเสแสร้ง ปัดออกอีเว้นท์คู่ หวั่นถูกมองสร้างกระแส
เล่นเอาคนทั้งอิจฉาและหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามันอย่างดาราสาว “เป้ย ปานวาด เหมมณี” กับนักร้องหนุ่ม “เต็ม วุฒิสิทธิ์ สืบสุวรรณ” หรือ “เต็ม UHT” ที่ก่อนหน้านี้ได้ผลัดกันออกมาหยอดคำหวานต่อหน้าสื่อกันไปมาหลายยก จากนั้นดาราสาวได้แสดงความหวานขึ้นไปอีก ด้วยการหอมแก้มแฟนหนุ่มโชว์กลางเวทีแฟชั่นวีค งานนี้เลยไม่พ้นโดนมองว่าเป็นสาวแรงซะเหลือเกิน ซึ่ง “เป้ย” ทำเมินไม่แคร์เสียงนกเสียงกา บอกเป็นคนรักกันหอมแก้มไม่เห็นจะน่าเกลียด และตนก็ไม่เคยทำอะไรปิดบัง
“วันนั้นก็หอมแก้มค่ะ (หัวเราะ) คือไม่ได้ปกปิดอะไรอยู่แล้วนะคะ ทุกวันนี้ก็ยอมรับว่าเป็นคนรัก แล้ววันนั้นก็ดีใจที่เขามาหา เพราะจริงๆ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์เลย ก็คิดถึงเหมือนกัน พออยู่ๆ เขามามีดอกไม้มาเซอร์ไพรส์ก็ดีใจค่ะ แต่คนจะมองว่าเป้ยแรงไหม จริงๆ เราก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เป้ยก็เป็นมนุษย์คนนึงที่พึงกระทำกับคนรัก เป้ยก็ไม่ปิดค่ะ ใครจะหาว่าเป้ยแรงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป้ยไม่เสแสร้งซะอย่าง เป้ยทำจริงๆ แล้วก็เป็นคนจริง ทำอะไรก็จริงจังอยู่แล้ว”
“ตอนนี้ก็เรียกเขาว่าเป็นแฟนเต็มปากเต็มคำเลย ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่ ณ วันนี้เป้ยคิดมาดีแล้ว เป้ยมีความสุขมากก็แล้วกัน ที่ผ่านมาเป้ยมัวแต่มานั่งพะวงเดี๋ยวคนจะว่าโน่นนี่นั่น เดี๋ยวเขาทิ้งแล้วอกหักต้องมานั่งร้องไห้อีก พูดอย่างนี้ออกตัวแรงเกินไปหรือเปล่า เป้ยก็ต้องมานั่งกังวลแล้วก็ทุกข์ ทำให้คนที่เป้ยรักเขาไม่มีความสุขด้วย เขาต้องมานั่งตอบคำถามว่า ทำไมผู้หญิงยังไม่รับเป็นแฟน เป้ยไม่เอาแล้วดีกว่า เป้ยขอให้ตัวเป้ยและพี่เต็มมีความสุขมากที่สุดดีกว่า ก็เป็นตัวของตัวเองดีกว่าค่ะ เป้ยไม่อยากมานั่งกั๊กอะไรอีกแล้ว พอแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าชีวิตพรุ่งนี้จะเป็นยังไง จะตายหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ฉะนั้นเป้ยขอช่วงเวลานาทีนี้ วันนี้ขอเป้ยมีความสุขมากที่สุดก็พอแล้ว”
“คนเห็นว่าเราตัวติดกันเหรอ ไม่ติดกันเลยนะ(หัวเราะ) เขาไม่เคยมาเฝ้าเลย นานๆ ครั้งค่ะ อย่างที่บอกว่างานแฟชั่นวันนั้นคือเป็นอาทิตย์นะกว่าจะได้เจอ ก็ยอมรับว่าคิดถึงมาก พอได้เจอก็ดีใจ แต่สวีตไหมก็ค่ะ(หัวเราะ) ก็ยอมรับ ไม่ปิดบังค่ะ รักก็บอกว่ารักค่ะ”
“พี่เขารู้สึกยังไงที่เรายอมรับเป็นแฟน อันนี้ยังไม่ได้ถามพี่เขาเลยค่ะ เพราะตอนนี้พี่เขาไปช่วยเรื่องน้ำท่วมอยู่ เขาก็คงจะดีใจมั้งคะในความรู้สึกของเป้ยนะ คือมีคนมาถามเขาเยอะมาก แล้วเขาก็น้อยใจบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ว่าเขาก็มองว่ามันไม่ใช่ปัญหา เพราะเขาเข้าใจว่าที่เราไม่ตอบเป็นเพราะอะไร เขาเข้าใจปัญหาของเราอยู่แล้ว แต่ ณ วันนี้เป้ยมีความรู้สึกว่าเป้ยควรจะทำให้เขา เพราะเขาก็ทำให้เป้ยเยอะมากแค่นั้นเอง”
ปัดออกงานอีเว้นท์คู่กัน เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าสร้างกระแส แต่ที่ยอมออกงานคู่กับอดีตคนรักอย่าง “อาร์ เดอะสตาร์” หรือ “อาณัตพล ศิริชุมแสง” นั้น “เต็ม” เข้าใจดี ไม่มีปัญหา
“งานคู่กันถ้าเป็นอีเว้นท์คงไม่รับเหมือนเดิมค่ะ ถ้าจะรับก็คงเป็นงานทั่วไป อย่างไปงานทำบุญร่วมกัน ไปงานที่เจอกัน จะเป็นงานอะไรก็ตามแต่ แต่คงไม่ใช่ว่าจ้างมาแสดงว่ารักกัน อย่างพวกงานอีเว้นท์คงไม่รับ งานแฟชั่นคู่ก็มีติดต่อมานะคะ แต่ว่ายังไม่ได้รับ ก็ขอคุยรายละเอียดกับพี่เต็มก่อนแล้วกัน เพราะว่าค่อนข้างจะเป็นชุดว่ายน้ำก็เลยคิดว่าเดี๋ยวก่อน และตัวพี่เต็มเองก็อยากให้โฟกัสเรื่องงาน ไม่ใช่ว่าเป็นงานชุดว่ายน้ำอะไรอย่างนั้น”
“ถ้าเป็นชุดว่ายน้ำที่เป้ยจะถ่ายเอง ก็คงไม่รับมั้งคะ ก็เกรงใจพี่เต็มด้วยนิดนึง และที่ผ่านมามันก็เยอะแล้ว และด้วยงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่สื่อภาพออกมาดูเยอะแล้ว อะไรพักได้ก็พักบ้างแล้วกัน อยากให้โฟกัสเรื่องงานแสดง เพราะตอนนี้ก็มีงานละคร แล้วก็กำลังจะเปิดตัวเรื่องงานหนังค่ะ ก็อยากเบาๆ ภาพเซ็กซี่ลงไปบ้าง อยากสลับๆ บ้าง เพราะว่าไม่จำเป็นต้องเซ็กซี่ทุกงาน เซ็กซี่ตลอดเวลา ก็อยากสลับเหมือนที่เคยเป็นมา มีแรงก็ต้องมีเบาบ้างคละเคล้ากันไป”
“แต่ที่ออกงานคู่กับอาร์ที่ผ่านมาพี่เต็มก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่เต็มไม่น้อยใจแล้วก็เข้าใจค่ะ แต่ตอนแรกเขางงเพราะเขายังไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง แต่พอตอนหลังเขามาฟังเป้ยอธิบายว่าเรื่องงานมันเป็นยังไง ต้องมีอะไรบ้างเขาก็โอเคเข้าใจ เขามีความเป็นผู้ใหญ่สูงค่ะ แต่ที่ไม่ได้รับงานคู่พี่เขา ก็เพราะเขายินดีที่จะไม่รับอยู่แล้วนะคะ เพราะเขาอยากให้คนมองที่งาน ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ มารับงานอีเว้นท์แล้วมีกระแส เขาอยากให้โฟกัสเขาเรื่องงานเพลงมากกว่า เขาไม่อยากให้คนมองที่ตรงนี้ ซึ่งเขาแฮปปี้ที่เป็นอยู่แบบนี้ของเขามากกว่า”
เล่นเอาคนทั้งอิจฉาและหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามันอย่างดาราสาว “เป้ย ปานวาด เหมมณี” กับนักร้องหนุ่ม “เต็ม วุฒิสิทธิ์ สืบสุวรรณ” หรือ “เต็ม UHT” ที่ก่อนหน้านี้ได้ผลัดกันออกมาหยอดคำหวานต่อหน้าสื่อกันไปมาหลายยก จากนั้นดาราสาวได้แสดงความหวานขึ้นไปอีก ด้วยการหอมแก้มแฟนหนุ่มโชว์กลางเวทีแฟชั่นวีค งานนี้เลยไม่พ้นโดนมองว่าเป็นสาวแรงซะเหลือเกิน ซึ่ง “เป้ย” ทำเมินไม่แคร์เสียงนกเสียงกา บอกเป็นคนรักกันหอมแก้มไม่เห็นจะน่าเกลียด และตนก็ไม่เคยทำอะไรปิดบัง
“วันนั้นก็หอมแก้มค่ะ (หัวเราะ) คือไม่ได้ปกปิดอะไรอยู่แล้วนะคะ ทุกวันนี้ก็ยอมรับว่าเป็นคนรัก แล้ววันนั้นก็ดีใจที่เขามาหา เพราะจริงๆ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์เลย ก็คิดถึงเหมือนกัน พออยู่ๆ เขามามีดอกไม้มาเซอร์ไพรส์ก็ดีใจค่ะ แต่คนจะมองว่าเป้ยแรงไหม จริงๆ เราก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เป้ยก็เป็นมนุษย์คนนึงที่พึงกระทำกับคนรัก เป้ยก็ไม่ปิดค่ะ ใครจะหาว่าเป้ยแรงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป้ยไม่เสแสร้งซะอย่าง เป้ยทำจริงๆ แล้วก็เป็นคนจริง ทำอะไรก็จริงจังอยู่แล้ว”
“ตอนนี้ก็เรียกเขาว่าเป็นแฟนเต็มปากเต็มคำเลย ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่ ณ วันนี้เป้ยคิดมาดีแล้ว เป้ยมีความสุขมากก็แล้วกัน ที่ผ่านมาเป้ยมัวแต่มานั่งพะวงเดี๋ยวคนจะว่าโน่นนี่นั่น เดี๋ยวเขาทิ้งแล้วอกหักต้องมานั่งร้องไห้อีก พูดอย่างนี้ออกตัวแรงเกินไปหรือเปล่า เป้ยก็ต้องมานั่งกังวลแล้วก็ทุกข์ ทำให้คนที่เป้ยรักเขาไม่มีความสุขด้วย เขาต้องมานั่งตอบคำถามว่า ทำไมผู้หญิงยังไม่รับเป็นแฟน เป้ยไม่เอาแล้วดีกว่า เป้ยขอให้ตัวเป้ยและพี่เต็มมีความสุขมากที่สุดดีกว่า ก็เป็นตัวของตัวเองดีกว่าค่ะ เป้ยไม่อยากมานั่งกั๊กอะไรอีกแล้ว พอแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าชีวิตพรุ่งนี้จะเป็นยังไง จะตายหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ฉะนั้นเป้ยขอช่วงเวลานาทีนี้ วันนี้ขอเป้ยมีความสุขมากที่สุดก็พอแล้ว”
“คนเห็นว่าเราตัวติดกันเหรอ ไม่ติดกันเลยนะ(หัวเราะ) เขาไม่เคยมาเฝ้าเลย นานๆ ครั้งค่ะ อย่างที่บอกว่างานแฟชั่นวันนั้นคือเป็นอาทิตย์นะกว่าจะได้เจอ ก็ยอมรับว่าคิดถึงมาก พอได้เจอก็ดีใจ แต่สวีตไหมก็ค่ะ(หัวเราะ) ก็ยอมรับ ไม่ปิดบังค่ะ รักก็บอกว่ารักค่ะ”
“พี่เขารู้สึกยังไงที่เรายอมรับเป็นแฟน อันนี้ยังไม่ได้ถามพี่เขาเลยค่ะ เพราะตอนนี้พี่เขาไปช่วยเรื่องน้ำท่วมอยู่ เขาก็คงจะดีใจมั้งคะในความรู้สึกของเป้ยนะ คือมีคนมาถามเขาเยอะมาก แล้วเขาก็น้อยใจบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ว่าเขาก็มองว่ามันไม่ใช่ปัญหา เพราะเขาเข้าใจว่าที่เราไม่ตอบเป็นเพราะอะไร เขาเข้าใจปัญหาของเราอยู่แล้ว แต่ ณ วันนี้เป้ยมีความรู้สึกว่าเป้ยควรจะทำให้เขา เพราะเขาก็ทำให้เป้ยเยอะมากแค่นั้นเอง”
ปัดออกงานอีเว้นท์คู่กัน เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าสร้างกระแส แต่ที่ยอมออกงานคู่กับอดีตคนรักอย่าง “อาร์ เดอะสตาร์” หรือ “อาณัตพล ศิริชุมแสง” นั้น “เต็ม” เข้าใจดี ไม่มีปัญหา
“งานคู่กันถ้าเป็นอีเว้นท์คงไม่รับเหมือนเดิมค่ะ ถ้าจะรับก็คงเป็นงานทั่วไป อย่างไปงานทำบุญร่วมกัน ไปงานที่เจอกัน จะเป็นงานอะไรก็ตามแต่ แต่คงไม่ใช่ว่าจ้างมาแสดงว่ารักกัน อย่างพวกงานอีเว้นท์คงไม่รับ งานแฟชั่นคู่ก็มีติดต่อมานะคะ แต่ว่ายังไม่ได้รับ ก็ขอคุยรายละเอียดกับพี่เต็มก่อนแล้วกัน เพราะว่าค่อนข้างจะเป็นชุดว่ายน้ำก็เลยคิดว่าเดี๋ยวก่อน และตัวพี่เต็มเองก็อยากให้โฟกัสเรื่องงาน ไม่ใช่ว่าเป็นงานชุดว่ายน้ำอะไรอย่างนั้น”
“ถ้าเป็นชุดว่ายน้ำที่เป้ยจะถ่ายเอง ก็คงไม่รับมั้งคะ ก็เกรงใจพี่เต็มด้วยนิดนึง และที่ผ่านมามันก็เยอะแล้ว และด้วยงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่สื่อภาพออกมาดูเยอะแล้ว อะไรพักได้ก็พักบ้างแล้วกัน อยากให้โฟกัสเรื่องงานแสดง เพราะตอนนี้ก็มีงานละคร แล้วก็กำลังจะเปิดตัวเรื่องงานหนังค่ะ ก็อยากเบาๆ ภาพเซ็กซี่ลงไปบ้าง อยากสลับๆ บ้าง เพราะว่าไม่จำเป็นต้องเซ็กซี่ทุกงาน เซ็กซี่ตลอดเวลา ก็อยากสลับเหมือนที่เคยเป็นมา มีแรงก็ต้องมีเบาบ้างคละเคล้ากันไป”
“แต่ที่ออกงานคู่กับอาร์ที่ผ่านมาพี่เต็มก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่เต็มไม่น้อยใจแล้วก็เข้าใจค่ะ แต่ตอนแรกเขางงเพราะเขายังไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง แต่พอตอนหลังเขามาฟังเป้ยอธิบายว่าเรื่องงานมันเป็นยังไง ต้องมีอะไรบ้างเขาก็โอเคเข้าใจ เขามีความเป็นผู้ใหญ่สูงค่ะ แต่ที่ไม่ได้รับงานคู่พี่เขา ก็เพราะเขายินดีที่จะไม่รับอยู่แล้วนะคะ เพราะเขาอยากให้คนมองที่งาน ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ มารับงานอีเว้นท์แล้วมีกระแส เขาอยากให้โฟกัสเขาเรื่องงานเพลงมากกว่า เขาไม่อยากให้คนมองที่ตรงนี้ ซึ่งเขาแฮปปี้ที่เป็นอยู่แบบนี้ของเขามากกว่า”
“หยาด” เหวอข่าวจ้องเปิดตัวแฟนไฮโซ ย้ำยังโสดเหตุแม่ดุ
“หยาด” งงข่าวกิ๊กไฮโซและเตรียมควงเปิดตัว รับมีเพื่อนเยอะแต่ไม่มีใครเป็นไฮโซ และยังไม่คิดกับใครเป็นพิเศษ แม้มีหนุ่มเข้ามาจีบก็ตาม ย้ำยังโสดเพราะแม่ดุ
เห็นปล่อยตัวโสดมาพักใหญ่ สำหรับนางเอกสาว “หยาดทิพย์ ราชปาล” แม้จะยังมีข่าวความสัมพันธ์ที่คาราคาซังกับหนุ่ม “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” อยู่บ้าง แต่ไม่หนักหน่วงเหมือนก่อน เจ้าตัวเลยใช้คำว่าสาวโสดหัวใจว่างได้อย่างเต็มปาก แต่ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า “หยาด” กลับมากระชุ่มกระชวยเพราะอินเลิฟอีกครั้ง และเตรียมเปิดตัวแฟนหนุ่มไฮโซนอกวงการแล้ว งานนี้ทำเอาเจ้าตัวเหวอก่อนยันยังไม่มีใครเข้ามาจับจองหัวใจ
“เปิดตัวแฟนไฮโซนอกวงการเหรอคะ ไม่มีค่ะ(ยิ้ม) แต่ถ้าถามว่ามีเพื่อนไหมก็มี เพื่อนนอกวงการก็มีเหมือนกัน หยาดยังไม่เคยเห็นข่าวนี้เลยนะ นักธุรกิจมาจีบก็ไม่มี คือส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ กันทั้งหมดค่ะ หยาดก็ยังอยู่อย่างนี้ไม่ได้มีใคร ไม่ได้มีความรัก จริงๆ ก็มีเพื่อนเป็นกลุ่มเลยนะ แต่ยังไม่มีเพื่อนคนไหนเข้าข่ายเป็นไฮโซสักคน(หัวเราะ) แต่เพื่อนที่เป็นนักธุรกิจก็มีอยู่แล้ว หมายถึงเพื่อนที่ทำธุรกิจนะคะ”
“ไม่เห็นมีใครมาจีบหยาดเลยตอนนี้(หัวเราะ) เพื่อนที่สนิทสุดๆ ก็ไม่มี สนิทเท่าๆ กันหมด จริงๆ หยาดยังไม่อยากโฟกัสเรื่องนี้ แล้วก็ยังไม่อยากมีแฟน คืออยู่อย่างนี้สบายใจมากเลย มีความสุขมาก ไม่เหงาเลย ชอบ หน้าตาดูอินเลิฟเหรอ ดูจากตรงไหน(หัวเราะ) ไม่มีใครจริงๆ มีแต่เพื่อน เพื่อนผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มี แต่ถ้าถามว่ามีใครจีบบ้างไหม ก็ต้องมีบ้าง ถ้าเกิดว่าไม่มีเลยก็ต้องคิดแล้วล่ะว่าทำไมไม่มีใครมาจีบเลย”
บอกเหตุไม่คิดมีใครเพราะแม่ของตนดุมาก และถ้าแม่ไม่ชอบใครก็ต้องหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นั้น
“ก็ยังไม่ได้คิดจะพิจารณาใครนะคะ มันก็มีเหตุผลหลายอย่าง คือแม่หยาดก็ดุมากด้วย (หัวเราะ) วิธีเอาชนะใจแม่เหรอ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นเลยนะ แต่จริงๆ เขาก็คงไม่ได้ว่าอะไรมากมาย แล้วเวลาที่มีใครเข้ามาหยาดก็จะบอกเขาก่อน เพราะว่าให้เกียรติเขา เรื่องสนับสนุนคนไหนเป็นพิเศษไม่มีนะ แต่ถ้าไม่ชอบใครเขาจะบอกเลย เราก็ต้องหยุด(หัวเราะ) แต่ถ้าคนไหนเป็นเพื่อนแม่ก็จะรู้จักนะคะ แล้วหยาดก็ทำงานทุกวันเลย วันนึงก็ 2 งานตลอดเลยด้วยค่ะ”
เห็นปล่อยตัวโสดมาพักใหญ่ สำหรับนางเอกสาว “หยาดทิพย์ ราชปาล” แม้จะยังมีข่าวความสัมพันธ์ที่คาราคาซังกับหนุ่ม “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” อยู่บ้าง แต่ไม่หนักหน่วงเหมือนก่อน เจ้าตัวเลยใช้คำว่าสาวโสดหัวใจว่างได้อย่างเต็มปาก แต่ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า “หยาด” กลับมากระชุ่มกระชวยเพราะอินเลิฟอีกครั้ง และเตรียมเปิดตัวแฟนหนุ่มไฮโซนอกวงการแล้ว งานนี้ทำเอาเจ้าตัวเหวอก่อนยันยังไม่มีใครเข้ามาจับจองหัวใจ
“เปิดตัวแฟนไฮโซนอกวงการเหรอคะ ไม่มีค่ะ(ยิ้ม) แต่ถ้าถามว่ามีเพื่อนไหมก็มี เพื่อนนอกวงการก็มีเหมือนกัน หยาดยังไม่เคยเห็นข่าวนี้เลยนะ นักธุรกิจมาจีบก็ไม่มี คือส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ กันทั้งหมดค่ะ หยาดก็ยังอยู่อย่างนี้ไม่ได้มีใคร ไม่ได้มีความรัก จริงๆ ก็มีเพื่อนเป็นกลุ่มเลยนะ แต่ยังไม่มีเพื่อนคนไหนเข้าข่ายเป็นไฮโซสักคน(หัวเราะ) แต่เพื่อนที่เป็นนักธุรกิจก็มีอยู่แล้ว หมายถึงเพื่อนที่ทำธุรกิจนะคะ”
“ไม่เห็นมีใครมาจีบหยาดเลยตอนนี้(หัวเราะ) เพื่อนที่สนิทสุดๆ ก็ไม่มี สนิทเท่าๆ กันหมด จริงๆ หยาดยังไม่อยากโฟกัสเรื่องนี้ แล้วก็ยังไม่อยากมีแฟน คืออยู่อย่างนี้สบายใจมากเลย มีความสุขมาก ไม่เหงาเลย ชอบ หน้าตาดูอินเลิฟเหรอ ดูจากตรงไหน(หัวเราะ) ไม่มีใครจริงๆ มีแต่เพื่อน เพื่อนผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มี แต่ถ้าถามว่ามีใครจีบบ้างไหม ก็ต้องมีบ้าง ถ้าเกิดว่าไม่มีเลยก็ต้องคิดแล้วล่ะว่าทำไมไม่มีใครมาจีบเลย”
บอกเหตุไม่คิดมีใครเพราะแม่ของตนดุมาก และถ้าแม่ไม่ชอบใครก็ต้องหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นั้น
“ก็ยังไม่ได้คิดจะพิจารณาใครนะคะ มันก็มีเหตุผลหลายอย่าง คือแม่หยาดก็ดุมากด้วย (หัวเราะ) วิธีเอาชนะใจแม่เหรอ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นเลยนะ แต่จริงๆ เขาก็คงไม่ได้ว่าอะไรมากมาย แล้วเวลาที่มีใครเข้ามาหยาดก็จะบอกเขาก่อน เพราะว่าให้เกียรติเขา เรื่องสนับสนุนคนไหนเป็นพิเศษไม่มีนะ แต่ถ้าไม่ชอบใครเขาจะบอกเลย เราก็ต้องหยุด(หัวเราะ) แต่ถ้าคนไหนเป็นเพื่อนแม่ก็จะรู้จักนะคะ แล้วหยาดก็ทำงานทุกวันเลย วันนึงก็ 2 งานตลอดเลยด้วยค่ะ”
ตัวอย่างหนังใหม่ Easy A อีซี เอ
ชื่ออังกฤษ
Easy A
ชื่อไทย อีซี เอ
ประเภทหนัง Romantic/Comedy
ผู้กำกับ Will Gluck
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 16 December 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง Emma Stone, Penn Badgley, Lisa Kudrow, Thomas Haden Church, Amanda Bynes, Stanley Tucci, Patricia Clarkson, Cam Gigandet, Alyson Michalka
เรื่องย่อ:
” หลังจากการโกหกเล็กน้อยของเธอได้สูญเสียความบริสุทธิ์ ไดตัดชื่อเด็กมัธยม (Emma Stone) เห็นชีวิตที่ขนานกับ Hester Prynnes ใน The Scarlet Letter ซึ่งเธอกำลังศึกษาในโรงเรียนจนกระทั่งตัดสินใจที่จะใช้ข่าวลือ เพื่อเลื่อนฐานะทางสังคมและการเงินของเธอ”
Easy A ดูเหมือนหนังสนุก ไม่ใช่หนังที่ให้ความรู้แต่สนุก
:)
Easy A
ชื่อไทย อีซี เอ
ประเภทหนัง Romantic/Comedy
ผู้กำกับ Will Gluck
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 16 December 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง Emma Stone, Penn Badgley, Lisa Kudrow, Thomas Haden Church, Amanda Bynes, Stanley Tucci, Patricia Clarkson, Cam Gigandet, Alyson Michalka
เรื่องย่อ:
” หลังจากการโกหกเล็กน้อยของเธอได้สูญเสียความบริสุทธิ์ ไดตัดชื่อเด็กมัธยม (Emma Stone) เห็นชีวิตที่ขนานกับ Hester Prynnes ใน The Scarlet Letter ซึ่งเธอกำลังศึกษาในโรงเรียนจนกระทั่งตัดสินใจที่จะใช้ข่าวลือ เพื่อเลื่อนฐานะทางสังคมและการเงินของเธอ”
Easy A ดูเหมือนหนังสนุก ไม่ใช่หนังที่ให้ความรู้แต่สนุก
:)
ห้องนี้ผีอยู่!
คุณยุทธเป็นเพื่อนสมัยประถมของสามีดิฉัน เราโตมาด้วยกัน แต่เมื่อเรียนจบก็แยกย้ายกันไปและไม่ได้ติดต่อกันเลย เป็นเวลาเกือบสิบหกปีแน่ะค่ะ แล้วจู่ๆวันหนึ่งเขาก็ไปเจอกันในงานแต่งงาน ซึ่งเจ้าสาวเป็นญาติของคุณยุทธ ส่วนเจ้าบ่าวเป็นลูกน้องของสามีดิฉันเอง
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ดิฉันถูกผีหลอก!
เมื่อคุณยุทธรู้ว่าเรากำลังจองโรงแรมที่หัวหินเพราะอยากพาลูกไปเที่ยว เขาก็รีบบอกว่าไม่ต้องจองให้ยุ่งยาก เสียเงินเสียทองเปล่าๆ เขามีคอนโดฯหรูอยู่ที่นั่น สะดวกสบายพอๆกับโรงแรมระดับห้าดาว ให้เราไปพักได้เลย จะอยู่นานเท่าไรก็ได้
เราออกเดินทางเย็นวันศุกร์ มีสามีกับดิฉัน ลูกโบ-ลูกสาววัยสองขวบครึ่ง พร้อมทั้งคุณแม่และแป้น-สาวใช้ที่ช่วยดูแลลูกโบ
คอนโดฯของคุณยุทธน่าอยู่จริงๆค่ะ กว้างขวางใหญ่โต มีเนื้อที่ตั้งแต่ริมถนนจรดชายหาด มีร้านอาหาร โรงหนังเล็กๆ ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำและสวนดอกไม้ ห้องชุดก็สวยมีระเบียงกว้าง ห้องนั่งเล่นโอ่โถงโล่งสบาย ห้องนอนสองห้อง ห้องน้ำถึงสามห้องเชียวล่ะ
ทว่า มีอยู่สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาสะดุดใจดิฉันเข้าปังใหญ่!
นั่นคือห้องข้างๆน่ะค่ะ ประตูไม้ที่ดูคลาสสิคของทุกๆห้องมีเพียงเบอร์ห้องติดไว้ แต่ประตูที่ติดกับห้องชุดของคุณยุทธดูทึบทึมยังไงพิกล แถมน่าพรั่นพรึงด้วยแป้งเจิมและแผ่นทองคำเปลว กับผ้ายันต์แผ่นเล็กๆที่ดูขลัง น่าขนลุกชะมัด
แค่นั้นยังไม่พอ...ยังมีพวงมาลัยแห้งๆ คล้องไว้ที่ลูกบิดสีทองอร่ามนั่นด้วย!
เมื่อสายตาปะทะเข้าวินาทีแรก ดิฉันถึงกับอึ้ง และพอมองไปที่คุณแม่กับแป้น...ทั้งสองคนก็มีอาการไม่ผิดกับดิฉัน
"น่ากลัวจังค่ะ ผีดุแน่เลย" แป้นโพล่งออกมาอย่างไม่ปิดบัง แต่เมื่อพวกเราเข้าห้องแล้วก็แทบจะลืมความน่ากลัวจนสิ้น พวกเราสนุกและสบายมาก คุณยุทธอุตส่าห์โทร.มาถาม ฝ่ายคุณแม่ถึงกับบอกว่าไม่อยากกลับ อยากอยู่นานๆ
ในที่สุด สามีก็กลับก่อนเพราะต้องทำงาน ปล่อยให้ดิฉัน ลูกโบ คุณแม่และแป้นพักผ่อนกันเต็มที่ แล้วสัปดาห์ต่อไปถึงจะมารับเรากลับบ้าน
ค่ำวันอาทิตย์ดิฉันค่อนข้างเหงา พอกินมื้อเย็นที่ริมทะเลเสร็จเรียบร้อยเราก็กลับห้อง คุณแม่ดูข่าว ดูละคร ลูกโบเล่นง่วนอยู่กับพี่เลี้ยง ส่วนดิฉันออกไปยืนรับลมอยู่ที่ระเบียง
ขณะที่กำลังเพลินๆ ก็รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง เลยหันมองไปรอบๆ
จริงด้วย...ระเบียงข้างๆ มีคุณลุงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ สีขาวที่ปรับเอนได้ เขาเป็นชายสูงอายุตัวอ้วนกลม ท่าทางจะเตี้ย ศีรษะล้าน แต่โดยรวมแล้วดูภูมิฐานมากทีเดียว
เขากำลังนั่งสบาย สองมือวางบนพุง ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นดิฉัน เบื้องหลังของเขาเป็นประตูแบบเดียวกับห้องดิฉัน แต่มันมืดสนิท ภายในไม่ได้เปิดไฟเลยสักดวง แต่ดิฉันมองเห็นเขาได้จากแสงสลัวที่อยู่รอบๆ บริเวณคอนโดฯ
คุณพระช่วย! ดิฉันเกือบลืมแน่ะว่าห้องข้างๆน่ะ ที่ประตูมีแป้งเจิม แผ่นทองคำเปลว ผ้ายันต์และพวงมาลัย... แต่การที่ได้เห็นคุณลุงท่านนี้ก็ทำให้ดิฉันใจชื้นว่าห้องนี้มีคนอยู่
ดิฉันยังยืนอยู่ที่ระเบียงอีกสักพัก แม้จะไม่รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวเท่าใดนัก เพราะมีชายสูงอายุนั่งสงบนิ่งอยู่ที่ระเบียงติดๆกัน...แต่แล้วเสียงหัวเราะงอกลิ้งงอหายของลูกโบทำให้ดิฉันเหลียวไปดู...อ้าว ? ลูกนั่งคนเดียว แป้นลุกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนคุณแม่หลับสนิทอยู่บนโซฟา ดิฉันเดินไปหาลูกสาวที่หัวเราะอยู่อย่างไม่มีเหตุผล
"โบหัวเราะอะไรลูก?" ดิฉันถาม ลูกชี้มือไปที่ผนังห้อง แกค่อยๆ หยุดหัวเราะแล้วพูดอย่างไร้เดียงสา
"พี่คนนั้น...เขาเห็นแม่แล้วเขาก็กลับไปเลย..."
ดิฉันขนลุกซู่ ถามว่าโบเห็นใคร? ลูกโบเล่าว่ามีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากผนังห้องมาเล่นกับโบ เขาตลกมาก เอาผมมาปิดหน้าแล้วโยกตัวให้ดูด้วย
ชักไม่ชอบมาพากลซะแล้ว ดิฉันกลับไปชะโงกมองข้ามระเบียงไปที่ห้องนั้น...คุณลุงหายไปแล้ว เก้าอี้ก็ไม่มี ห้องนั้นดูจะปราศจากสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ!
คืนต่อมา คุณแม่เล่าว่าได้ยินเสียงปังใหญ่เหมือนมีมือยักษ์มาตบผนังห้องด้านที่ติดกับ ห้องนั้น มันดังจนห้องสะเทือน แต่ดิฉันกับลูกและแป้นไม่ยักตื่น...ตอนนั้นเป็นเวลาราวตีสอง
แป้นเองก็เช่นกัน ตอนกลางดึกลุกมาเข้าห้องน้ำ เธอได้ยินเสียงร้องเพลง!
ความลับถูกเปิดเผยเมื่อดิฉันไปถามคนงานที่มากวาดถูพื้นฟลอร์ที่ดิฉันอยู่ เธอเล่าซื่อๆว่า เจ้าของห้องซึ่งเป็นสุภาพบุรุษชราตายในห้องน้ำ ต่อมาไม่นานหลานสาวอายุสิบห้าก็ตายในห้องนี้เช่นกัน โดยไม่รู้สาเหตุ ทางญาติก็เลยนิมนต์พระมาทำบุญ และทำพิธีบางอย่างคล้ายเป็นการสะกดวิญญาณด้วย
ดิฉันไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณยุทธฟังหรอกค่ะ เกรงใจ! เขาอุตส่าห์ให้เรามาอยู่ แต่ถ้ามาเที่ยวครั้งหน้า ดิฉันจะหาทางปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุดเชียวล่ะค่ะ!
วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ตัวอย่างหนังใหม่ Monsters มอนสเตอร์ส
ชื่ออังกฤษ
Monsters
ชื่อไทย มอนสเตอร์ส
ประเภทหนัง Drama/Sci-fi/Thriller
ผู้กำกับ Gareth Edwards
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 09 December 2010
ความยาวหนัง 94 Min.
นักแสดง Whitney Able, Scoot McNairy
มอนสเตอร์ส | เรื่องย่อ
6 ปีหลังจากที่ NASA ได้ส่งยานอวกาศออกไปสำรวจสิ่งมีชีวิตนอกโลก เพื่อที่จะเก็บตัวอย่างเหล่านั้นกลับมาเพื่อศึกษา แต่แล้วยาวอวกาศลำดังกล่าวก็เกิดตกลงมา
ในแถบอเมริกากลาง บริเวณเขตแดนของอเมริกาและเม็กซิโก จนเขตบริเวณดังกล่าวถูกประกาศให้เป็น INFECTED ZONE เขตติดเชื้อ!!
ซึ่งทำให้กองกำลังทหารพยายามที่จะเข้าไปควบคุมสิ่งมีชีวิตประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากยาวอวกาศลำที่ตกลงมานั้น ได้นำสิ่งมีชีวิตประหลาดจากนอกโลกมาด้วย !!
Monsters
ชื่อไทย มอนสเตอร์ส
ประเภทหนัง Drama/Sci-fi/Thriller
ผู้กำกับ Gareth Edwards
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 09 December 2010
ความยาวหนัง 94 Min.
นักแสดง Whitney Able, Scoot McNairy
มอนสเตอร์ส | เรื่องย่อ
6 ปีหลังจากที่ NASA ได้ส่งยานอวกาศออกไปสำรวจสิ่งมีชีวิตนอกโลก เพื่อที่จะเก็บตัวอย่างเหล่านั้นกลับมาเพื่อศึกษา แต่แล้วยาวอวกาศลำดังกล่าวก็เกิดตกลงมา
ในแถบอเมริกากลาง บริเวณเขตแดนของอเมริกาและเม็กซิโก จนเขตบริเวณดังกล่าวถูกประกาศให้เป็น INFECTED ZONE เขตติดเชื้อ!!
ซึ่งทำให้กองกำลังทหารพยายามที่จะเข้าไปควบคุมสิ่งมีชีวิตประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากยาวอวกาศลำที่ตกลงมานั้น ได้นำสิ่งมีชีวิตประหลาดจากนอกโลกมาด้วย !!
“หยก” ปัดรวมหัวแก๊งค์เพื่อนแอนตี้ เรียก “พลอย” คำหยาบหลังถูกแย่งแฟน
“หยก” ปัด “โอจีฟ” ปรึกษาครอบครัวไม่ปลื้ม “พลอย” บอกเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ขอเกี่ยว ยันไม่มีรีเทิร์นอดีตแฟนหนุ่ม ลั่นแฮปปี้ชีวิตโสด พร้อมเผยยินดีร่วมงานกับ “พลอย” ปัดรวมหัวแก๊งค์เพื่อนเรียกอีกฝ่ายด้วยคำหยาบคาย
ถูกจับตามองกลายเป็นคู่เกาเหลาคู่ใหม่ หลังดาราสาว “หยก ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์” จากละคร “นักฆ่าขนตางอน” ถูก “พลอย จินดาโชติ” แย่งแฟนหนุ่มอย่าง “โอจีฟ วิตต์ ก้องธรนินทร์” ซึ่งเป็นพี่ชายของอดีตนางสาวไทย “เจี๊ยบ ลลนา” ไป ล่าสุดเมาท์กันว่าแม้สาวพลอยจะได้ตัวและหัวใจของหนุ่มโอจีฟไปครอบครอง แต่ก็ไม่ถึงฝั่งฝัน เนื่องจากทางครอบครัวฝ่ายชายไม่แฮปปี้ และยังอยากได้สาวหยกกลับมาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้เหมือนเดิม ทำเอาหนุ่มโอจีฟร้อนใจโทรมาขอคำปรึกษากับสาวหยก แต่งานนี้ดาราสาวคอนเฟิร์มไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น
“ถ้าเกิดเขามาปรึกษาหยกเหรอ หยกก็ยินดีให้คำปรึกษานะ แต่เขาคงไม่ปรึกษาอยู่แล้วล่ะมั้ง (หัวเราะ) เรื่องนี้ไม่มีแน่นอนรับประกันได้ ส่วนเรื่องที่พลอยจะเข้ากับครอบครัวของพี่โอจีฟได้หรือเปล่านั้น อันนี้หยกไม่ทราบ หยกไม่ได้อยู่ตรงนี้ วันนี้หยกเดินออกมาแล้วก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หยกขอยืนยันตรงนี้ว่าไม่มีมาปรึกษาแน่นอน เขาจะกลับมารีเทิร์นนี่ก็ไม่มีเลยเป็นไปไม่ได้”
“คือตอนนี้หยกก็โอเคในระดับนึงแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรื่องที่พลอยเข้ากับทางของพี่โอจีฟไม่ได้ อย่างนี้จะทำให้หยกมีโอกาสกลับไปรีเทิร์นกับเขาหรือเปล่านั้น ตรงนี้หยกตอบไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นเรื่องของอนาคต ไม่กล้าที่จะตอบอะไรเลย ถ้าเขาจะกลับมาก็คงต้องมาว่ากันอีกทีว่า ตอนนั้นหยกมีใครหรือยัง หยกแฮปปี้ไหมกับชีวิตโสด หรือแฮปปี้ที่จะพร้อมรับเขากลับมาไหม มันต้องดูก่อนค่ะ”
“คือเราเลิกกันด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร เจอหน้ากันก็ยังทักทายกันเหมือนเดิมได้ หยกบอกเสมอว่าการที่หยกเลิกกับเขาไป มันไม่ใช่เป็นสิ่งไม่ดี อย่างน้อยๆ หยกก็คิดว่ายังได้ครอบครัวๆ นึงกลับมา หยกยังมีสิ่งดีๆ กับครอบครัวเขาอยู่ แต่ตั้งแต่ที่เราเลิกกันก็ยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำกันเต็มที่ ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาบ้าง แต่ถามว่าตัวหยกพร้อมที่จะมีความรักไหม ตอนนี้หยกไม่พร้อม หยกยังอยากจะมีชีวิตแบบนี้อยู่สนุกสนานกับเพื่อนๆ เพราะหยกเองก็คบกับพี่โอจีฟมาตั้ง 5 ปี แล้วจะให้หยกไปมีคนอื่นเลย บอกเลยว่ายังไม่พร้อมจริงๆ ตอนนี้หยกก็สนุกกับชีวิตโสด ตอนนี้แฮปปี้ดีเพราะว่าอาจจะเพิ่งเคยโสดด้วย”
ยันร่วมงานกับ “พลอย” ได้ พร้อมปัดรวมหัวแก๊งค์เพื่อนแอนตี้อีกฝ่าย ทั้งยังใช้คำเรียกชื่อที่หยาบคาย
“หยกกับพลอยยังไม่เคยเจอกัน ไม่เคยได้ร่วมงานกัน ก็เลยบอกไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าต้องมาร่วมงานกัน แต่บอกได้เลยว่าถ้ามีงานที่ต้องทำด้วยกัน หยกเองก็ยินดีทำ เพราะงานก็คืองาน ส่วนของใครก็ส่วนของมัน หยกไม่ก้าวก่ายอยู่แล้ว เรื่องที่เขาไม่แฮปปี้ไม่ชอบหน้าเราจริงๆหยกว่ามันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ส่วนเรื่องหยกกับเพื่อนตั้งแก๊งค์แอนตี้เขา เรียกเขาด้วยคำหยาบไม่มีแน่นอน เพื่อนหยกไม่มีใครอยู่ในวงการบันเทิง ดังนั้นไม่มีทางที่จะมีข่าวนี้ออกมา ถึงเขาจะเป็นแฟนพี่โอจีฟเราก็ไม่เกาเหลากันแน่ๆ เราอยู่ส่วนของใครของมัน ไม่ระรานกันค่ะ”
ถูกจับตามองกลายเป็นคู่เกาเหลาคู่ใหม่ หลังดาราสาว “หยก ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์” จากละคร “นักฆ่าขนตางอน” ถูก “พลอย จินดาโชติ” แย่งแฟนหนุ่มอย่าง “โอจีฟ วิตต์ ก้องธรนินทร์” ซึ่งเป็นพี่ชายของอดีตนางสาวไทย “เจี๊ยบ ลลนา” ไป ล่าสุดเมาท์กันว่าแม้สาวพลอยจะได้ตัวและหัวใจของหนุ่มโอจีฟไปครอบครอง แต่ก็ไม่ถึงฝั่งฝัน เนื่องจากทางครอบครัวฝ่ายชายไม่แฮปปี้ และยังอยากได้สาวหยกกลับมาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้เหมือนเดิม ทำเอาหนุ่มโอจีฟร้อนใจโทรมาขอคำปรึกษากับสาวหยก แต่งานนี้ดาราสาวคอนเฟิร์มไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น
“ถ้าเกิดเขามาปรึกษาหยกเหรอ หยกก็ยินดีให้คำปรึกษานะ แต่เขาคงไม่ปรึกษาอยู่แล้วล่ะมั้ง (หัวเราะ) เรื่องนี้ไม่มีแน่นอนรับประกันได้ ส่วนเรื่องที่พลอยจะเข้ากับครอบครัวของพี่โอจีฟได้หรือเปล่านั้น อันนี้หยกไม่ทราบ หยกไม่ได้อยู่ตรงนี้ วันนี้หยกเดินออกมาแล้วก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หยกขอยืนยันตรงนี้ว่าไม่มีมาปรึกษาแน่นอน เขาจะกลับมารีเทิร์นนี่ก็ไม่มีเลยเป็นไปไม่ได้”
“คือตอนนี้หยกก็โอเคในระดับนึงแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรื่องที่พลอยเข้ากับทางของพี่โอจีฟไม่ได้ อย่างนี้จะทำให้หยกมีโอกาสกลับไปรีเทิร์นกับเขาหรือเปล่านั้น ตรงนี้หยกตอบไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นเรื่องของอนาคต ไม่กล้าที่จะตอบอะไรเลย ถ้าเขาจะกลับมาก็คงต้องมาว่ากันอีกทีว่า ตอนนั้นหยกมีใครหรือยัง หยกแฮปปี้ไหมกับชีวิตโสด หรือแฮปปี้ที่จะพร้อมรับเขากลับมาไหม มันต้องดูก่อนค่ะ”
“คือเราเลิกกันด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร เจอหน้ากันก็ยังทักทายกันเหมือนเดิมได้ หยกบอกเสมอว่าการที่หยกเลิกกับเขาไป มันไม่ใช่เป็นสิ่งไม่ดี อย่างน้อยๆ หยกก็คิดว่ายังได้ครอบครัวๆ นึงกลับมา หยกยังมีสิ่งดีๆ กับครอบครัวเขาอยู่ แต่ตั้งแต่ที่เราเลิกกันก็ยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำกันเต็มที่ ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาบ้าง แต่ถามว่าตัวหยกพร้อมที่จะมีความรักไหม ตอนนี้หยกไม่พร้อม หยกยังอยากจะมีชีวิตแบบนี้อยู่สนุกสนานกับเพื่อนๆ เพราะหยกเองก็คบกับพี่โอจีฟมาตั้ง 5 ปี แล้วจะให้หยกไปมีคนอื่นเลย บอกเลยว่ายังไม่พร้อมจริงๆ ตอนนี้หยกก็สนุกกับชีวิตโสด ตอนนี้แฮปปี้ดีเพราะว่าอาจจะเพิ่งเคยโสดด้วย”
ยันร่วมงานกับ “พลอย” ได้ พร้อมปัดรวมหัวแก๊งค์เพื่อนแอนตี้อีกฝ่าย ทั้งยังใช้คำเรียกชื่อที่หยาบคาย
“หยกกับพลอยยังไม่เคยเจอกัน ไม่เคยได้ร่วมงานกัน ก็เลยบอกไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าต้องมาร่วมงานกัน แต่บอกได้เลยว่าถ้ามีงานที่ต้องทำด้วยกัน หยกเองก็ยินดีทำ เพราะงานก็คืองาน ส่วนของใครก็ส่วนของมัน หยกไม่ก้าวก่ายอยู่แล้ว เรื่องที่เขาไม่แฮปปี้ไม่ชอบหน้าเราจริงๆหยกว่ามันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ส่วนเรื่องหยกกับเพื่อนตั้งแก๊งค์แอนตี้เขา เรียกเขาด้วยคำหยาบไม่มีแน่นอน เพื่อนหยกไม่มีใครอยู่ในวงการบันเทิง ดังนั้นไม่มีทางที่จะมีข่าวนี้ออกมา ถึงเขาจะเป็นแฟนพี่โอจีฟเราก็ไม่เกาเหลากันแน่ๆ เราอยู่ส่วนของใครของมัน ไม่ระรานกันค่ะ”
“แนนนี่” กั๊ก “น็อต” อาจเป็นคนพิเศษ พ้อดวงรักเหี่ยวเฉาโดนหนุ่มตีจากตลอด
“แนนนี่” รับควง “น็อต” สวีทสองต่อสอง แทงกั๊กฝ่ายชายอาจเป็นคนพิเศษ รับซีเรียสมีภาพหลุดหนุ่มไม่ซ้ำหน้า กลัวคนคิดเจ้าชู้ ลั่นอยากมีคนรู้ใจแล้ว แต่ปีนี้ดวงความรักไม่อำนวย เจอใครถูกใจเป็นต้องถูกตีจาก
ตั้งแต่ครองตัวเป็นโสดก็มีปาปารัซซี่แชะภาพควงกับหนุ่มๆไม่ซ้ำหน้า สำหรับนักร้องสาว “แนนนี่ ภัทรนันท์ ดีรัศมี” สาวเซ็กซี่แห่งวง “เกิร์ลลี่เบอร์รี่” ที่ล่าสุดแม้จะไม่มีภาพแต่ก็มีคนตาดีแอบเห็นสาวแนนนี่ควงพิธีกรหนุ่มรายการเวค คลับ "น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล" สวีตสองต่อสองหน้าโรงภาพยนตร์ที่ห้างสยามพารากอน เมื่อสอบถามเรื่องราวดังกล่าวไปยังสาวแนนนี่ เจ้าตัวก็ยอมรับว่ามีบ้างที่ควงหนุ่มน็อตไปไหนมาไหน แต่พิเศษมากกว่าเพื่อนหรือเปล่านั้น เจ้าตัวแอบแทงกั๊กว่าอาจจะเป็นไปได้
"โอ๊ย...ไม่มีอะไร เป็นเพื่อนกันไปคุยกันไปเรื่อย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ชีวิตทุกวันนี้ยังเงียบเหงา กับเขาก็รู้จักกัน คือเราก็จะเจอกันตามงานก็เลยได้รู้จักกัน จริงๆ แล้วบอกเลยว่าก็มีทั้งเดินสองคนและเดินเป็นกลุ่ม น็อตก็จะรู้จักกับเพื่อนๆในกลุ่มด้วยค่ะ ถามว่าเขาเป็นเพื่อนที่พิเศษกว่าคนอื่นหรือเปล่า อันนี้ก็เป็นไปได้นะ(หัวเราะ) เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนก็เลยไปคนเดียวตลอดเลย ไม่ค่อยมีใครไปไหนด้วยแล้ว สงสัยจะกลัวเป็นข่าวกันหมด"
“น็อตไม่ได้มาจีบค่ะ ไม่มี เขาก็มาคุยเป็นเพื่อนปกติค่ะ ถามว่าไปไหนมาไหนกับเขาต้องระมัดระวังไหม คือมันก็เหมือนกับเป็นอะไรที่เราต้องระวังตัวมากขึ้นมากกว่า คือไม่ใช่กับน็อตคนเดียว มันก็กับเพื่อนๆ ของเราทุกๆ คนแหละ คือเรามีเพื่อนผู้ชายเยอะไง แต่พอมีข่าวเยอะๆ เราก็ไม่รู้ว่าคนที่ตกเป็นข่าวกับเรา เขาจะซีเรียสขนาดไหน เพราะอย่างเราโดนไปก็ชินๆ แล้วปกติแล้ว พอมีภาพออกมาเยอะๆ ถามว่า กลัวคนจะมองว่าเราใช้ผู้ชายเปลืองไปหรือเปล่า หรือบางคนก็มองว่าเราเจ้าชู้จริงๆ ก็กลัวเหมือนกันนะ คือทุกวันนี้เราก็ยังพูดกับเพื่อนอยู่เลยว่า พอเรามีภาพมีข่าวกับหนุ่มเยอะๆ กลัวคนจะมองว่าเราไม่ได้โสด แต่จริงๆ แล้วเราไม่มีใคร"
"อย่างที่ผ่านมาจริงๆ ก็มีคนเข้ามานะคะ แต่พอเข้ามาคุยๆ กันแล้วมันก็ผ่านไป คือเราเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ตอนนี้ก็เลยไม่โฟกัสเรื่องนี้แล้ว คิดว่าข่าวมีส่วนไหม ส่วนมากเขาจะไม่ค่อยถามเรื่องข่าวอะไรสักเท่าไหร่ แต่เราก็จะพยายามทำนิ่งๆ อยู่เฉยๆ แต่ถามว่ากลัวไหมก็กลัวนะ กลัวเขาจะเข้าใจเราผิด อย่างบางทีมีรูปกับคนนั้นคนนี้เยอะ ก็กลัวเหมือนกันว่าเขาจะคิดว่าเรามีแฟน แล้วเลยไม่กล้าเข้ามาจีบ ภาพลักษณ์เราจะกลายเป็นเพลย์เกิร์ลเป็นสาวเจ้าชู้หรือเปล่า แต่เราเองก็คิดว่าคนที่เข้ามาคุยกับเรา เขาก็ต้องมารู้จักที่ตัวตนเราจริงๆ ไม่ใช่มาอ่อนไหวกับกระแสข่าว คือถ้าเขาไม่เข้าใจตั้งแต่แรกก็คงจะคบกันไม่ได้"
เผยอยากมีคนรู้ใจแล้ว แต่ปีนี้ดวงความรักไม่อำนวย เจอหนุ่มถูกใจทีไรเป็นต้องโดนตีจาก
"จริงๆ ไม่ได้อยากมีแฟน แต่แค่อยากมีใครสักคนที่อยู่เป็นเพื่อนเรา รับฟังปัญหาและเป็นกำลังใจให้เราได้เท่านั้นเอง อีกอย่างแล้วก็ต้องไม่ทำให้นอยด์ อย่างที่บอกว่ามีคนเข้ามาเยอะ มาคุยกันเป็นเพื่อนๆ แต่พอเรารู้สึกดีผ่านมาแล้วก็ผ่านไป งานนี้สงสัยคงจะต้องโทษดวงแล้ว เพราะรู้สึกว่าปีนี้ดวงความรักท่าทางไม่น่าจะรอด เพราะฉะนั้นไม่ไขว่คว้าหา ถามว่าเราเลือกเยอะด้วยหรือเปล่าเขาถึงพากันหนีหมด บอกตามตรงว่าใครก็ได้แล้ว ที่มาอยู่กับเราแล้วทำให้เราสบายใจ มีมุมมีความน่ารักของเขา เพราะอย่างคนเราพอคบกันก็จะเห็นในความน่ารักของเขาออกมา แต่ตอนนี้มันยังไม่มีเลย"
"อย่างน็อตเองก็เป็นคนน่ารักสนุกสนานในมุมของเขา ก็อย่างว่าแหละสงสัยว่าดวงเรื่องความรักของเราอาภัพจริงๆ อย่างที่บอกว่าพอเราคุยไปสักพักแล้ว เรารู้สึกดีเขาก็หายไป หรือไม่ก็จะต้องเจอเรื่องราวอะไรทำให้ต้องห่าง คือปีนี้มันมีอะไรแปลกๆ มากมายจริงๆ จนมันทำให้เรารู้สึกได้นะ อย่างที่ผ่านมาก็มีไปเสริมดวงเรื่องความรักมาบ้างเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็เฉยๆ ไม่ได้โฟกัสแล้ว อยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป คือขอแค่มีเพื่อนนี่แหละ เพราะเราจะเป็นคนขี้เหงาไง ก็เลยต้องมีคนมาอยู่ด้วย แต่บางทีก็เหงาจนนอยด์ แล้วเราก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น แต่ถ้าว่างๆ ก็จะพยายามหาเพื่อนมาเที่ยวมาอยู่ด้วยตลอด"
ตั้งแต่ครองตัวเป็นโสดก็มีปาปารัซซี่แชะภาพควงกับหนุ่มๆไม่ซ้ำหน้า สำหรับนักร้องสาว “แนนนี่ ภัทรนันท์ ดีรัศมี” สาวเซ็กซี่แห่งวง “เกิร์ลลี่เบอร์รี่” ที่ล่าสุดแม้จะไม่มีภาพแต่ก็มีคนตาดีแอบเห็นสาวแนนนี่ควงพิธีกรหนุ่มรายการเวค คลับ "น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล" สวีตสองต่อสองหน้าโรงภาพยนตร์ที่ห้างสยามพารากอน เมื่อสอบถามเรื่องราวดังกล่าวไปยังสาวแนนนี่ เจ้าตัวก็ยอมรับว่ามีบ้างที่ควงหนุ่มน็อตไปไหนมาไหน แต่พิเศษมากกว่าเพื่อนหรือเปล่านั้น เจ้าตัวแอบแทงกั๊กว่าอาจจะเป็นไปได้
"โอ๊ย...ไม่มีอะไร เป็นเพื่อนกันไปคุยกันไปเรื่อย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ชีวิตทุกวันนี้ยังเงียบเหงา กับเขาก็รู้จักกัน คือเราก็จะเจอกันตามงานก็เลยได้รู้จักกัน จริงๆ แล้วบอกเลยว่าก็มีทั้งเดินสองคนและเดินเป็นกลุ่ม น็อตก็จะรู้จักกับเพื่อนๆในกลุ่มด้วยค่ะ ถามว่าเขาเป็นเพื่อนที่พิเศษกว่าคนอื่นหรือเปล่า อันนี้ก็เป็นไปได้นะ(หัวเราะ) เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนก็เลยไปคนเดียวตลอดเลย ไม่ค่อยมีใครไปไหนด้วยแล้ว สงสัยจะกลัวเป็นข่าวกันหมด"
“น็อตไม่ได้มาจีบค่ะ ไม่มี เขาก็มาคุยเป็นเพื่อนปกติค่ะ ถามว่าไปไหนมาไหนกับเขาต้องระมัดระวังไหม คือมันก็เหมือนกับเป็นอะไรที่เราต้องระวังตัวมากขึ้นมากกว่า คือไม่ใช่กับน็อตคนเดียว มันก็กับเพื่อนๆ ของเราทุกๆ คนแหละ คือเรามีเพื่อนผู้ชายเยอะไง แต่พอมีข่าวเยอะๆ เราก็ไม่รู้ว่าคนที่ตกเป็นข่าวกับเรา เขาจะซีเรียสขนาดไหน เพราะอย่างเราโดนไปก็ชินๆ แล้วปกติแล้ว พอมีภาพออกมาเยอะๆ ถามว่า กลัวคนจะมองว่าเราใช้ผู้ชายเปลืองไปหรือเปล่า หรือบางคนก็มองว่าเราเจ้าชู้จริงๆ ก็กลัวเหมือนกันนะ คือทุกวันนี้เราก็ยังพูดกับเพื่อนอยู่เลยว่า พอเรามีภาพมีข่าวกับหนุ่มเยอะๆ กลัวคนจะมองว่าเราไม่ได้โสด แต่จริงๆ แล้วเราไม่มีใคร"
"อย่างที่ผ่านมาจริงๆ ก็มีคนเข้ามานะคะ แต่พอเข้ามาคุยๆ กันแล้วมันก็ผ่านไป คือเราเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ตอนนี้ก็เลยไม่โฟกัสเรื่องนี้แล้ว คิดว่าข่าวมีส่วนไหม ส่วนมากเขาจะไม่ค่อยถามเรื่องข่าวอะไรสักเท่าไหร่ แต่เราก็จะพยายามทำนิ่งๆ อยู่เฉยๆ แต่ถามว่ากลัวไหมก็กลัวนะ กลัวเขาจะเข้าใจเราผิด อย่างบางทีมีรูปกับคนนั้นคนนี้เยอะ ก็กลัวเหมือนกันว่าเขาจะคิดว่าเรามีแฟน แล้วเลยไม่กล้าเข้ามาจีบ ภาพลักษณ์เราจะกลายเป็นเพลย์เกิร์ลเป็นสาวเจ้าชู้หรือเปล่า แต่เราเองก็คิดว่าคนที่เข้ามาคุยกับเรา เขาก็ต้องมารู้จักที่ตัวตนเราจริงๆ ไม่ใช่มาอ่อนไหวกับกระแสข่าว คือถ้าเขาไม่เข้าใจตั้งแต่แรกก็คงจะคบกันไม่ได้"
เผยอยากมีคนรู้ใจแล้ว แต่ปีนี้ดวงความรักไม่อำนวย เจอหนุ่มถูกใจทีไรเป็นต้องโดนตีจาก
"จริงๆ ไม่ได้อยากมีแฟน แต่แค่อยากมีใครสักคนที่อยู่เป็นเพื่อนเรา รับฟังปัญหาและเป็นกำลังใจให้เราได้เท่านั้นเอง อีกอย่างแล้วก็ต้องไม่ทำให้นอยด์ อย่างที่บอกว่ามีคนเข้ามาเยอะ มาคุยกันเป็นเพื่อนๆ แต่พอเรารู้สึกดีผ่านมาแล้วก็ผ่านไป งานนี้สงสัยคงจะต้องโทษดวงแล้ว เพราะรู้สึกว่าปีนี้ดวงความรักท่าทางไม่น่าจะรอด เพราะฉะนั้นไม่ไขว่คว้าหา ถามว่าเราเลือกเยอะด้วยหรือเปล่าเขาถึงพากันหนีหมด บอกตามตรงว่าใครก็ได้แล้ว ที่มาอยู่กับเราแล้วทำให้เราสบายใจ มีมุมมีความน่ารักของเขา เพราะอย่างคนเราพอคบกันก็จะเห็นในความน่ารักของเขาออกมา แต่ตอนนี้มันยังไม่มีเลย"
"อย่างน็อตเองก็เป็นคนน่ารักสนุกสนานในมุมของเขา ก็อย่างว่าแหละสงสัยว่าดวงเรื่องความรักของเราอาภัพจริงๆ อย่างที่บอกว่าพอเราคุยไปสักพักแล้ว เรารู้สึกดีเขาก็หายไป หรือไม่ก็จะต้องเจอเรื่องราวอะไรทำให้ต้องห่าง คือปีนี้มันมีอะไรแปลกๆ มากมายจริงๆ จนมันทำให้เรารู้สึกได้นะ อย่างที่ผ่านมาก็มีไปเสริมดวงเรื่องความรักมาบ้างเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็เฉยๆ ไม่ได้โฟกัสแล้ว อยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป คือขอแค่มีเพื่อนนี่แหละ เพราะเราจะเป็นคนขี้เหงาไง ก็เลยต้องมีคนมาอยู่ด้วย แต่บางทีก็เหงาจนนอยด์ แล้วเราก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น แต่ถ้าว่างๆ ก็จะพยายามหาเพื่อนมาเที่ยวมาอยู่ด้วยตลอด"
“ชายแฮ็คส์” นำทีมกองปราบบุกช่องเคเบิ้ล ชายในชุดดำทำกร่างผลักอกช่างภาพหวิดปะทะ
“ชายแฮ็คส์” ยื่นจดหมายร้องกองปราบเร่งรัดคดี พร้อมนำเจ้าหน้าที่บุกสถานีเคเบิ้ลทีวีของตน หลังถูกอดีตหุ้นส่วนนำชายชุดดำอ้างเป็นทหารศอฉ.บุกยึด แถมยังทำกร่างต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ผลักอกสื่อมวลชนห้ามถ่ายภาพ หวิดเกิดการปะทะ “ชายแฮ็คส์” ลั่นแค่ต้องการเอาของใช้ส่วนตัวคืน ไม่ซีเรียสสถานีถูกยึด เพราะมีคู่สัญญาณที่เพิ่งเปิดใหม่รองรับการออกอากาศวันที่ 1 พ.ย.อยู่แล้ว เผยยินดีจ่ายหนี้สินจำนวน 1 ล้านบาท แต่รับไม่ได้กับการกระทำของอีกฝ่ายที่มาบุกยึดสถานีเช่นนี้
กลายเป็นเรื่องใหญ่โตร้อนต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากกองปราบปรามอีกรอบ สำหรับอดีตนักปั้นดารา “ชาย ปารย์ธันย์ ทวีศรีธนโชค” หรือที่รู้จักกันในนาม “ชายแฮ็คส์” ที่ถูกอดีตหุ้นส่วนทำสถานีเคเบิ้ลทีวี "จ.ต.รัชต ปัทมาลัย" นำกำลังชายในชุดดำอ้างตัวเป็นทหารของศอฉ. มาปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอฟทีวีทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้ตามปกติ พร้อมข่มขู่ทำให้เกิดความเสียหาย ในฐานะผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องเอเอฟทีวี เอเชียแฟมิลี่ ชายแฮ็คส์จึงได้เดินทางมาร้องเรียนแจ้งความกับกองปราบพร้อมกับทนายเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดวานนี้ (30 ต.ค.) ชายแฮ็คส์พร้อมทนายความส่วนตัวได้เดินทางมายังกองปราบ เพื่อยื่นหนังสือเร่งรัดคดีและให้ออกหมายจับอดีตหุ้นส่วนที่นำกำลังชายชุดดำที่อ้างตัวเป็นศอฉ.มาข่มขู่ทีมงานและปิดสถานี โดยมีพันตำรวจเอก สุพิศาล ภักดีนฤนาถ เป็นเจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้ ซึ่งระหว่างเจรจากกับเจ้าหน้าที่ชายแฮ็คส์ได้หลั่งน้ำตาหลายครั้งเพราะรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหลังจากเจรจาเสร็จ ชายแฮ็คส์ก็ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว101ว่า...
“พวกชุดดำก็ยังอยู่กันที่เดิม วันนี้เราแค่มาขออำนาจจากศาล เราไม่ไปยื้อแย่งอะไรอยู่แล้ว จะมาเถียงกันมันก็เถียงกันไม่จบ เราใช้ความถูกต้องตามกฎหมายดำเนินไปตามคดี ตัวชายเองคือทรัพย์สินของเราก็ไปอยู่ตรงนั้นทั้งหมด ก็มากองปราบเพื่อที่จะมาขอให้ทางกองปราบมาช่วยควบคุมดูแล ในเรื่องของการย้ายของของเราออกมา เป็นเพราะเขาไม่ยอมให้เราเข้าไปเอาไง เลยต้องมาแจ้งกับทางกองปราบ เพราะในนั้นบางส่วนมันก็มีทรัพย์สินส่วนตัวของเราอยู่ เนื่องจากตัวเราเองได้ไปอาศัย กินนอนอยู่ตรงนั้น ส่วนอุปกรณ์และอะไรต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการตัดสินก็ว่ากันไป แต่ของเขาไม่ได้ใช้กระบวนการตัดสิน เขาใช้อำนาจมืดมาบังคับขู่เข็ญเอาเลย”
“ถ้ามองตามหลักความเป็นธรรมแล้ว คิดว่าถ้าเราโกงเขามาจริง ทำไมเขาไม่ดำเนินคดีเราตามกฎหมาย แต่มาใช้วิธีอย่างนี้มันก็ไม่ถูกต้อง ตอนนี้ในเรื่องของการรันงานต่างๆ ในสถานี ความจริงแล้ววันที่ 1 พ.ย.นี้ทางสถานีเราจะมีการยิงไทยคม 5ระบบฟรีแบนกับทางเอบีทีวีกับทางเนชั่นช่อง 10 อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ทางเอบีทีวีก็ให้ความช่วยเหลือในข้างต้นก่อน เพื่อให้ทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ตามปกติ เพราะการทำงานหรือแม้ผู้สนับสนุนรายการ หรือแม้กระทั่งกระบวนการผลิตที่เราได้สร้างขึ้นมา อันนี้ชายมองว่ามันเป็นอีกประเด็นนึง คือต่อให้เขาเอาอุปกรณ์ต่างๆ ไป เราก็ต้องเริ่มต้นใหม่ที่จะหาสิ่งต่างๆ เอามาลงในคอนเท้นท์ของเขา ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้ว”
“แต่เราเพียงต้องการมาร้องขอความเป็นธรรม แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตอนนี้ข้าวของของชายถูกรื้อทิ้งกองไว้ มันดูแรงเกินไปสำหรับการที่จะมาทำกันแบบนี้ เรื่องสถานีเราไม่ได้มายด์เลยตรงนั้น เพราะเราก็มีระบบคู่สัญญาณคือเอบีทีวีอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกันอะไรกับที่เขามาอ้างกรรมสิทธิ์ และเขาเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว”
รับในส่วนที่ติดหนี้ 1 ล้านบาทเจ้าตัวยินดีจ่าย แต่ไม่ชอบใจการกระทำที่ใช้อำนาจมืดมาบุกยึดสถานีของตน
“เรื่องของหนี้เราก็บอกกับเจ้าของหนี้ให้มารับกับเราตั้งแต่ทีแรก เราก็รอระยะเวลาว่าเมื่อไหร่เจ้าหนี้จะมาดำเนินการ ล่าสุดเขาก็บอกว่ากำลังร่างอยู่เพื่อให้เรารอมาชำระหนี้ยังไง แต่อยู่ดีๆ ตั้งแต่เรามาบริหารไปตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ทางคุณรัชตก็มาบอกว่าได้ชำระหนี้มาหมดแล้ว แล้วก็มาขอยึดสถานีเอาซะดื้อๆ ซึ่งมันก็งง เพราะเขาไม่ได้มาแจ้งให้เรารู้ล่วงหน้า”
“คือเรื่องของเจ้าหนี้โอเคมันไม่เกี่ยวกับเรา แต่ในกระบวนการที่เขาทำด้วยการมาคุกคามอย่างนี้ มันไม่ถูกต้องตามกฎหมายไง คือถ้าคุณทำถูกจริง ถ้าคุณทำตามขั้นตอนจริง ทำไมคุณต้องพึ่งการกระทำที่มันนอกเครื่องแบบ ที่เขาเอาศอฉ.มาแอบอ้าง ยังไงชายก็เรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแน่นอน ตอนนี้ทางกองปราบฯก็ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งเราเองก็พูดความจริงมาตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่ได้บิดพลิ้วตรงไหน เรามีเอกสารหมด เราเป็นหนี้ก็ยอมรับและบอกว่าเราเป็นหนี้”
อย่างไรก็ตามภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางเข้าไปยังที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องเอเอฟทีวี เอเชีย แฟมิลี่ พร้อมบรรดาสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าว ทันทีที่เจ้าหน้าที่ของทางสถานีท่านนึงเห็นว่ามีการบันทึกภาพ เจ้าตัวถึงกับปัดกล้องพร้อมผลักอกช่างภาพเพื่อไม่ให้บันทึก จนหวิดเกิดการปะทะกันขึ้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กลายเป็นเรื่องใหญ่โตร้อนต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากกองปราบปรามอีกรอบ สำหรับอดีตนักปั้นดารา “ชาย ปารย์ธันย์ ทวีศรีธนโชค” หรือที่รู้จักกันในนาม “ชายแฮ็คส์” ที่ถูกอดีตหุ้นส่วนทำสถานีเคเบิ้ลทีวี "จ.ต.รัชต ปัทมาลัย" นำกำลังชายในชุดดำอ้างตัวเป็นทหารของศอฉ. มาปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอฟทีวีทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้ตามปกติ พร้อมข่มขู่ทำให้เกิดความเสียหาย ในฐานะผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องเอเอฟทีวี เอเชียแฟมิลี่ ชายแฮ็คส์จึงได้เดินทางมาร้องเรียนแจ้งความกับกองปราบพร้อมกับทนายเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดวานนี้ (30 ต.ค.) ชายแฮ็คส์พร้อมทนายความส่วนตัวได้เดินทางมายังกองปราบ เพื่อยื่นหนังสือเร่งรัดคดีและให้ออกหมายจับอดีตหุ้นส่วนที่นำกำลังชายชุดดำที่อ้างตัวเป็นศอฉ.มาข่มขู่ทีมงานและปิดสถานี โดยมีพันตำรวจเอก สุพิศาล ภักดีนฤนาถ เป็นเจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้ ซึ่งระหว่างเจรจากกับเจ้าหน้าที่ชายแฮ็คส์ได้หลั่งน้ำตาหลายครั้งเพราะรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหลังจากเจรจาเสร็จ ชายแฮ็คส์ก็ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว101ว่า...
“พวกชุดดำก็ยังอยู่กันที่เดิม วันนี้เราแค่มาขออำนาจจากศาล เราไม่ไปยื้อแย่งอะไรอยู่แล้ว จะมาเถียงกันมันก็เถียงกันไม่จบ เราใช้ความถูกต้องตามกฎหมายดำเนินไปตามคดี ตัวชายเองคือทรัพย์สินของเราก็ไปอยู่ตรงนั้นทั้งหมด ก็มากองปราบเพื่อที่จะมาขอให้ทางกองปราบมาช่วยควบคุมดูแล ในเรื่องของการย้ายของของเราออกมา เป็นเพราะเขาไม่ยอมให้เราเข้าไปเอาไง เลยต้องมาแจ้งกับทางกองปราบ เพราะในนั้นบางส่วนมันก็มีทรัพย์สินส่วนตัวของเราอยู่ เนื่องจากตัวเราเองได้ไปอาศัย กินนอนอยู่ตรงนั้น ส่วนอุปกรณ์และอะไรต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการตัดสินก็ว่ากันไป แต่ของเขาไม่ได้ใช้กระบวนการตัดสิน เขาใช้อำนาจมืดมาบังคับขู่เข็ญเอาเลย”
“ถ้ามองตามหลักความเป็นธรรมแล้ว คิดว่าถ้าเราโกงเขามาจริง ทำไมเขาไม่ดำเนินคดีเราตามกฎหมาย แต่มาใช้วิธีอย่างนี้มันก็ไม่ถูกต้อง ตอนนี้ในเรื่องของการรันงานต่างๆ ในสถานี ความจริงแล้ววันที่ 1 พ.ย.นี้ทางสถานีเราจะมีการยิงไทยคม 5ระบบฟรีแบนกับทางเอบีทีวีกับทางเนชั่นช่อง 10 อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ทางเอบีทีวีก็ให้ความช่วยเหลือในข้างต้นก่อน เพื่อให้ทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ตามปกติ เพราะการทำงานหรือแม้ผู้สนับสนุนรายการ หรือแม้กระทั่งกระบวนการผลิตที่เราได้สร้างขึ้นมา อันนี้ชายมองว่ามันเป็นอีกประเด็นนึง คือต่อให้เขาเอาอุปกรณ์ต่างๆ ไป เราก็ต้องเริ่มต้นใหม่ที่จะหาสิ่งต่างๆ เอามาลงในคอนเท้นท์ของเขา ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้ว”
“แต่เราเพียงต้องการมาร้องขอความเป็นธรรม แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตอนนี้ข้าวของของชายถูกรื้อทิ้งกองไว้ มันดูแรงเกินไปสำหรับการที่จะมาทำกันแบบนี้ เรื่องสถานีเราไม่ได้มายด์เลยตรงนั้น เพราะเราก็มีระบบคู่สัญญาณคือเอบีทีวีอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกันอะไรกับที่เขามาอ้างกรรมสิทธิ์ และเขาเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว”
รับในส่วนที่ติดหนี้ 1 ล้านบาทเจ้าตัวยินดีจ่าย แต่ไม่ชอบใจการกระทำที่ใช้อำนาจมืดมาบุกยึดสถานีของตน
“เรื่องของหนี้เราก็บอกกับเจ้าของหนี้ให้มารับกับเราตั้งแต่ทีแรก เราก็รอระยะเวลาว่าเมื่อไหร่เจ้าหนี้จะมาดำเนินการ ล่าสุดเขาก็บอกว่ากำลังร่างอยู่เพื่อให้เรารอมาชำระหนี้ยังไง แต่อยู่ดีๆ ตั้งแต่เรามาบริหารไปตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ทางคุณรัชตก็มาบอกว่าได้ชำระหนี้มาหมดแล้ว แล้วก็มาขอยึดสถานีเอาซะดื้อๆ ซึ่งมันก็งง เพราะเขาไม่ได้มาแจ้งให้เรารู้ล่วงหน้า”
“คือเรื่องของเจ้าหนี้โอเคมันไม่เกี่ยวกับเรา แต่ในกระบวนการที่เขาทำด้วยการมาคุกคามอย่างนี้ มันไม่ถูกต้องตามกฎหมายไง คือถ้าคุณทำถูกจริง ถ้าคุณทำตามขั้นตอนจริง ทำไมคุณต้องพึ่งการกระทำที่มันนอกเครื่องแบบ ที่เขาเอาศอฉ.มาแอบอ้าง ยังไงชายก็เรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแน่นอน ตอนนี้ทางกองปราบฯก็ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งเราเองก็พูดความจริงมาตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่ได้บิดพลิ้วตรงไหน เรามีเอกสารหมด เราเป็นหนี้ก็ยอมรับและบอกว่าเราเป็นหนี้”
อย่างไรก็ตามภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางเข้าไปยังที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องเอเอฟทีวี เอเชีย แฟมิลี่ พร้อมบรรดาสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าว ทันทีที่เจ้าหน้าที่ของทางสถานีท่านนึงเห็นว่ามีการบันทึกภาพ เจ้าตัวถึงกับปัดกล้องพร้อมผลักอกช่างภาพเพื่อไม่ให้บันทึก จนหวิดเกิดการปะทะกันขึ้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ
วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553
“แอน” เผยสัมพันธ์ “ภูริ” ยังไม่กระเตื้อง ยินดีปล่อยถ้าเจอใครดีกว่า
“แอน” เผยสัมพันธ์ “ภูริ” ยังไม่คืบหน้าถึงขั้นคืนดี ยังต้องใช้เวลาปรับจูนหากัน เหตุอีกฝ่ายไม่ค่อยยอมปรับตัวเอง และไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน รับทุกอย่างต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่หมดเพื่อแก้ปัญหาเดิมๆ เผยชีวิตแฮปปี้ได้ใช้ชีวิตตามประสาผู้หญิงกับ “เจนี่” ลั่นไม่ปิดกั้นตัวเองถ้าใครจะมาจีบ ทั้งยินดีปล่อยหากฝ่ายชายเจอใครที่ดีกว่า
เริ่มหันมามองมุมชีวิตของตัวเอง และยอมรับว่าความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักนั้นเปลี่ยนไป สำหรับดาราสาว “แอน อลิชา ไล่สัตรูไกล” กับแฟนหนุ่ม “ภูริ หิรัญพฤกษ์” ที่ตอนนี้ก็ผ่านมาได้ร่วม 2 เดือนแล้ว แต่ดูเหมือนการพยายามปรับจูนความสัมพันธ์ ที่ต่างคนต่างลองแยกเพื่อไปใช้ชีวิตของตัวเอง จะไม่มีการพัฒนากลับมาเลิฟๆ กันตามเดิม โดยเฉพาะฝ่ายชายถึงขั้นเอ่ยปากเลยว่า หากจะกลับมาคบแอนอีกครั้ง จะต้องเริ่มต้นนับจากศูนย์ใหม่ เพราะยังไม่พร้อมแต่งงาน
ฟากสาว “แอน” ก็ยอมรับว่าการปรับจูนเข้าหากันในครั้งนี้กับแฟนหนุ่ม ยังคงต้องใช้เวลา เพราะอีกฝ่ายยังไม่ปรับตัวเองให้เห็นชัดเจน อีกทั้งพักนี้ไม่ค่อยมีเวลาพบเจอกัน
“ความสัมพันธ์ก็ยังต้องใช้เวลาค่ะ ลองดูว่ามันเป็นยังไงต่อ เรายังให้คำตอบใครไม่ได้ เพราะเราเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง คือเราก็พยายามปรับ พยายามกลับมาคุยกันทำให้มันเวิร์ค ก็ยังคุยกันอยู่ค่ะ แต่ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอเพราะว่าเขางานยุ่งมาก ทำงานเยอะ จริงๆ หลังจากที่ปรับกันมามันก็น่าจะดีขึ้นแหละ แต่เพราะว่ายังไม่ได้ปรับอะไรกันเยอะ มันเลยต้องใช้เวลา ไม่ได้รีบเพราะเราก็ไม่อยากไปเร่ง”
“จริงๆ ก็อย่างที่เขาพูดว่าต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เลย เพราะมันต้องลบของเก่าทิ้งก่อน แล้วก็ลองดูใหม่ว่ามันเป็นยังไง ก็ไม่ได้พยายามที่จะต้องทำอะไรนะ เพียงแต่ลองดูว่าจะเดินต่อไปแค่นั้นเอง แต่จริงๆ ตั้งแต่ลองปรับมาเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่มันชัดเจนเลยนะ(หัวเราะ) เพราะเขาทำงานเยอะด้วย แล้วช่วงที่ห่างก็เหมือนต่างคนก็ต่างมีชีวิตส่วนตัว ที่เราต่างก็ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เพราะฉะนั้นมันก็เลยเหมือนมีทางเดินที่เป็นคนละทางกันอยู่ เพียงแต่ว่าเราจะทำยังไงให้มันจูนกลับเข้ามาติดเหมือนเดิมได้”
“แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าปรับความเข้าใจนะ คือพยายามปรับวิถีชีวิตให้มันกลับมาจูนกัน เพราะไม่ได้ผิดใจกัน เพียงแต่บางอย่างมันมองไม่เหมือนกัน ก็พยายามปรับเข้ามาให้เจอตรงกลางได้ เราก็มีคุยกันว่าต้องปรับอะไรกันบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่รุนแรงอะไรมาก มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง คือเขาขออะไรเราบางอย่างแต่เราทำไม่ได้ แล้วเราขอเขาเขาก็ยังไม่ยอมก็เท่านั้นเอง มันก็ต้องใช้เวลา”
“เราก็เคยคุยกันไปแล้วว่าปัญหามันคืออะไรบ้าง จริงๆ ที่ผ่านมามันก็ไม่ใช่ว่าปัญหาเยอะนะ เพียงแต่เราต้องปรับว่าควรจะเป็นยังไง ไม่เคยทะเลาะไม่เคยอะไรกัน เพียงแต่แค่ถามเฉยๆ ว่าเรามองอนาคตเหมือนกันหรือเปล่าแค่นั้นเอง เพราะมันเหมือนเราโตขึ้น ก็คุยกันดูว่าจะเอายังไงต่อ ว่าจะคบกันไปวันๆ หรือจะยังไง เพราะเราก็มองกันไปถึงอนาคตนั่นแหละ แต่ถามว่าพร้อมแต่งงานไหม ก็ยังไม่พร้อมนะ(หัวเราะ) ยังทำงานเก็บตังค์อยู่เลย ยังไม่มีตังค์ซื้อบ้าน ยังไม่มีตังค์เที่ยว ยังไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงินเก็บเลย”
บอกช่วงนี้แฮปปี้ที่ได้ใช้ชีวิตเป็นผู้หญิง อยู่กับเพื่อนสาวอย่าง “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” มากขึ้น ลั่นไม่คิดปิดกั้นถ้าฝ่ายชายจะไปเจอใครใหม่ และตัวเองก็ไม่ปิดโอกาสให้ใครเข้ามาเช่นกัน
“แต่ก็ขอบคุณที่หลายคนลุ้นเชียร์ให้กลับมาดีกัน แต่มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะมาคล้อยตามคนรอบข้างไม่ได้ เราก็อยากให้มันดีที่สุด ให้มันไปตามจุดหมายปลายทาง ไม่อยากที่ต้องอยู่ด้วยกันแล้วต้องเลิกกัน เพราะมันเกี่ยวกับคนสองคนจริงๆ คนอื่นมารู้กับเราไม่ได้ ก็อยากให้ให้เวลากับเราด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน ให้มันเป็นความรู้สึกของเราสองคน ก็ขอบคุณทุกคนที่รอลุ้นอันนั้นเข้าใจ แต่มันก็ต้องใช้เวลา”
“ช่วงที่ผ่านมาก็อยู่กับเจนี่ตลอดเลย(หัวเราะ) เกี่ยวขากันตลอด ก็มีคุยกันว่าใครจะทิ้งใครก่อน ตอนนี้ก็แข่งกันว่าใครจะแต่งงานก่อน แต่ก็พยายามเกี่ยวมือกันไว้ว่าเหลือกันอยู่สองคนแล้วนะ แต่ก็ดีที่เรามีสังคมของเรา เรามีเพื่อน มีคนที่คอยดูแลเรา คอยให้คำปรึกษาให้คำแนะนำ เมื่อก่อนอาจจะเป็นภูริ เดี๋ยวนี้ก็มีเพื่อนที่เขาก็ดี ก็ไม่เหงานะ แฮปปี้ลั้นลาไปโน่นไปนี่กัน แต่ก็ยอมรับว่าชีวิตเปลี่ยนไปนิดหน่อยจากที่ไม่มีเขาคอยอยู่ข้างๆ แต่ก็ได้อยู่กับเพื่อนมากขึ้น ได้ทำอะไรที่เป็นผู้หญิง เพราะตอนอยู่กับเขาเราก็จะลุยมาก เพราะต้องทำรายการอะไรด้วย ไอ้ความที่เป็นผู้หญิงมันก็หายไปเยอะเหมือนกัน ออกจะเป็นเด็กห้าวๆ แต่พอตอนนี้ได้อยู่กับสาวๆ ก็เริ่มมีการช้อปปิ้งแต่งตัวมากขึ้น ก็สนุกดี”
“แต่ก็ไม่ได้ยิ่งทำให้เราห่างกันหรอก เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทำให้ทุกอย่างง่าย บางทีก็แอบดูสเตตัสว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน เวลาดูก็จะรู้ตลอด แต่ถามว่าเปิดใจให้คนอื่นบ้างไหม ก็ไม่ได้ปิดนะคะ แต่ก็ไม่ได้ไปตามไขว่คว้า แต่ไม่มีใครเข้ามาเลยนะ เปิดแต่ไม่มี(หัวเราะ) แต่ถ้ามีเข้ามาฝั่งเขาก็โอเคนะ ถ้าเขาสามารถไปเจอคนที่เติมเต็มในสิ่งที่เราให้ไม่ได้ หรือเขาให้เราไม่ได้ เราก็ไม่ได้บังคับว่าห้ามกันหรืออะไร แต่จริงๆ เราเองก็ยังอยากให้กลับมาเหมือนเดิมกันนะ เพราะจริงๆ มันก็ไม่ได้หายไปไหนกันหรอก ก็ยังอยู่แถวๆ นี้แหละ เพียงแต่ว่าไม่ได้ตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังไม่ถึงกับขั้นว่าเลิกกัน เพียงแต่ให้ลองใช้เวลาดูว่า ตัวเองอยากจะทำอะไรแค่นั้นเอง”
เริ่มหันมามองมุมชีวิตของตัวเอง และยอมรับว่าความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักนั้นเปลี่ยนไป สำหรับดาราสาว “แอน อลิชา ไล่สัตรูไกล” กับแฟนหนุ่ม “ภูริ หิรัญพฤกษ์” ที่ตอนนี้ก็ผ่านมาได้ร่วม 2 เดือนแล้ว แต่ดูเหมือนการพยายามปรับจูนความสัมพันธ์ ที่ต่างคนต่างลองแยกเพื่อไปใช้ชีวิตของตัวเอง จะไม่มีการพัฒนากลับมาเลิฟๆ กันตามเดิม โดยเฉพาะฝ่ายชายถึงขั้นเอ่ยปากเลยว่า หากจะกลับมาคบแอนอีกครั้ง จะต้องเริ่มต้นนับจากศูนย์ใหม่ เพราะยังไม่พร้อมแต่งงาน
ฟากสาว “แอน” ก็ยอมรับว่าการปรับจูนเข้าหากันในครั้งนี้กับแฟนหนุ่ม ยังคงต้องใช้เวลา เพราะอีกฝ่ายยังไม่ปรับตัวเองให้เห็นชัดเจน อีกทั้งพักนี้ไม่ค่อยมีเวลาพบเจอกัน
“ความสัมพันธ์ก็ยังต้องใช้เวลาค่ะ ลองดูว่ามันเป็นยังไงต่อ เรายังให้คำตอบใครไม่ได้ เพราะเราเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง คือเราก็พยายามปรับ พยายามกลับมาคุยกันทำให้มันเวิร์ค ก็ยังคุยกันอยู่ค่ะ แต่ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอเพราะว่าเขางานยุ่งมาก ทำงานเยอะ จริงๆ หลังจากที่ปรับกันมามันก็น่าจะดีขึ้นแหละ แต่เพราะว่ายังไม่ได้ปรับอะไรกันเยอะ มันเลยต้องใช้เวลา ไม่ได้รีบเพราะเราก็ไม่อยากไปเร่ง”
“จริงๆ ก็อย่างที่เขาพูดว่าต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เลย เพราะมันต้องลบของเก่าทิ้งก่อน แล้วก็ลองดูใหม่ว่ามันเป็นยังไง ก็ไม่ได้พยายามที่จะต้องทำอะไรนะ เพียงแต่ลองดูว่าจะเดินต่อไปแค่นั้นเอง แต่จริงๆ ตั้งแต่ลองปรับมาเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่มันชัดเจนเลยนะ(หัวเราะ) เพราะเขาทำงานเยอะด้วย แล้วช่วงที่ห่างก็เหมือนต่างคนก็ต่างมีชีวิตส่วนตัว ที่เราต่างก็ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เพราะฉะนั้นมันก็เลยเหมือนมีทางเดินที่เป็นคนละทางกันอยู่ เพียงแต่ว่าเราจะทำยังไงให้มันจูนกลับเข้ามาติดเหมือนเดิมได้”
“แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าปรับความเข้าใจนะ คือพยายามปรับวิถีชีวิตให้มันกลับมาจูนกัน เพราะไม่ได้ผิดใจกัน เพียงแต่บางอย่างมันมองไม่เหมือนกัน ก็พยายามปรับเข้ามาให้เจอตรงกลางได้ เราก็มีคุยกันว่าต้องปรับอะไรกันบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่รุนแรงอะไรมาก มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง คือเขาขออะไรเราบางอย่างแต่เราทำไม่ได้ แล้วเราขอเขาเขาก็ยังไม่ยอมก็เท่านั้นเอง มันก็ต้องใช้เวลา”
“เราก็เคยคุยกันไปแล้วว่าปัญหามันคืออะไรบ้าง จริงๆ ที่ผ่านมามันก็ไม่ใช่ว่าปัญหาเยอะนะ เพียงแต่เราต้องปรับว่าควรจะเป็นยังไง ไม่เคยทะเลาะไม่เคยอะไรกัน เพียงแต่แค่ถามเฉยๆ ว่าเรามองอนาคตเหมือนกันหรือเปล่าแค่นั้นเอง เพราะมันเหมือนเราโตขึ้น ก็คุยกันดูว่าจะเอายังไงต่อ ว่าจะคบกันไปวันๆ หรือจะยังไง เพราะเราก็มองกันไปถึงอนาคตนั่นแหละ แต่ถามว่าพร้อมแต่งงานไหม ก็ยังไม่พร้อมนะ(หัวเราะ) ยังทำงานเก็บตังค์อยู่เลย ยังไม่มีตังค์ซื้อบ้าน ยังไม่มีตังค์เที่ยว ยังไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงินเก็บเลย”
บอกช่วงนี้แฮปปี้ที่ได้ใช้ชีวิตเป็นผู้หญิง อยู่กับเพื่อนสาวอย่าง “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” มากขึ้น ลั่นไม่คิดปิดกั้นถ้าฝ่ายชายจะไปเจอใครใหม่ และตัวเองก็ไม่ปิดโอกาสให้ใครเข้ามาเช่นกัน
“แต่ก็ขอบคุณที่หลายคนลุ้นเชียร์ให้กลับมาดีกัน แต่มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะมาคล้อยตามคนรอบข้างไม่ได้ เราก็อยากให้มันดีที่สุด ให้มันไปตามจุดหมายปลายทาง ไม่อยากที่ต้องอยู่ด้วยกันแล้วต้องเลิกกัน เพราะมันเกี่ยวกับคนสองคนจริงๆ คนอื่นมารู้กับเราไม่ได้ ก็อยากให้ให้เวลากับเราด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน ให้มันเป็นความรู้สึกของเราสองคน ก็ขอบคุณทุกคนที่รอลุ้นอันนั้นเข้าใจ แต่มันก็ต้องใช้เวลา”
“ช่วงที่ผ่านมาก็อยู่กับเจนี่ตลอดเลย(หัวเราะ) เกี่ยวขากันตลอด ก็มีคุยกันว่าใครจะทิ้งใครก่อน ตอนนี้ก็แข่งกันว่าใครจะแต่งงานก่อน แต่ก็พยายามเกี่ยวมือกันไว้ว่าเหลือกันอยู่สองคนแล้วนะ แต่ก็ดีที่เรามีสังคมของเรา เรามีเพื่อน มีคนที่คอยดูแลเรา คอยให้คำปรึกษาให้คำแนะนำ เมื่อก่อนอาจจะเป็นภูริ เดี๋ยวนี้ก็มีเพื่อนที่เขาก็ดี ก็ไม่เหงานะ แฮปปี้ลั้นลาไปโน่นไปนี่กัน แต่ก็ยอมรับว่าชีวิตเปลี่ยนไปนิดหน่อยจากที่ไม่มีเขาคอยอยู่ข้างๆ แต่ก็ได้อยู่กับเพื่อนมากขึ้น ได้ทำอะไรที่เป็นผู้หญิง เพราะตอนอยู่กับเขาเราก็จะลุยมาก เพราะต้องทำรายการอะไรด้วย ไอ้ความที่เป็นผู้หญิงมันก็หายไปเยอะเหมือนกัน ออกจะเป็นเด็กห้าวๆ แต่พอตอนนี้ได้อยู่กับสาวๆ ก็เริ่มมีการช้อปปิ้งแต่งตัวมากขึ้น ก็สนุกดี”
“แต่ก็ไม่ได้ยิ่งทำให้เราห่างกันหรอก เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทำให้ทุกอย่างง่าย บางทีก็แอบดูสเตตัสว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน เวลาดูก็จะรู้ตลอด แต่ถามว่าเปิดใจให้คนอื่นบ้างไหม ก็ไม่ได้ปิดนะคะ แต่ก็ไม่ได้ไปตามไขว่คว้า แต่ไม่มีใครเข้ามาเลยนะ เปิดแต่ไม่มี(หัวเราะ) แต่ถ้ามีเข้ามาฝั่งเขาก็โอเคนะ ถ้าเขาสามารถไปเจอคนที่เติมเต็มในสิ่งที่เราให้ไม่ได้ หรือเขาให้เราไม่ได้ เราก็ไม่ได้บังคับว่าห้ามกันหรืออะไร แต่จริงๆ เราเองก็ยังอยากให้กลับมาเหมือนเดิมกันนะ เพราะจริงๆ มันก็ไม่ได้หายไปไหนกันหรอก ก็ยังอยู่แถวๆ นี้แหละ เพียงแต่ว่าไม่ได้ตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังไม่ถึงกับขั้นว่าเลิกกัน เพียงแต่ให้ลองใช้เวลาดูว่า ตัวเองอยากจะทำอะไรแค่นั้นเอง”
“กะเทยเอมมี่” คลอดพ็อกเก็ตบุ๊ก รับเขียนถึง “อั้ม-โน้ต” แต่เปล่าแฉ
“กะเทยเอมมี่” เผยเขียนพ็อกเก็ตบุ๊กมีเรื่อง “อั้ม-โน้ต” เอี่ยว อ้างเป็นเรื่องขำๆ ไม่คิดแฉอะไร ยันยังเคารพ “อั้ม” ไม่มีเจตนาทำร้าย ให้ทนายตรวจสอบเนื้อหาแล้วกันถูกฟ้องร้อง แย้มแฟชั่นประกอบหนังสือสุดวาบหวิวใส่แค่ชุดชั้นใน
เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการ เพราะมีข่าวพัวพันเป็นมือที่3 ฉกของรักอย่างหนุ่ม “โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” ไปจากอกนางเอกสาวสุดเซ็กซี่ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” จนสาวประเภทสองคนสวยอย่าง “เอมมี่ รัชฎา ครุฑรามาษ” ถูกมองว่าอยากเกาะกระแสดังกล่าวเพื่อสร้างชื่อเสียงในวงการบันเทิง ซึ่งตอนนี้แม้เรื่องราวรัก 3 เส้าเขย่าจอจะจางหายไปแล้ว และเอมมี่ก็เป็นที่รู้จักดังสมใจ ล่าสุดทราบว่าสาวประเภทสองคนสวยเตรียมสานต่อความดัง ด้วยการคลอดพ็อกเก็ตบุ๊กเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ ทุกแง่มุมในชีวิตของตัวเอง รวมถึงกรณี “อั้ม-โน้ต” ด้วย
“จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องของการเขียนเกี่ยวกับตัวเองมากกว่า กับเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต รวมถึงเรื่องทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ได้ หลายๆ เรื่องรวมกัน จะมีเรื่องของคุณโน้ตกับคุณอั้มไหม ก็ต้องบอกว่ามีค่ะ ก็เป็นเรื่องขำๆ ฮาๆ ไม่มีซีเรียสอะไร ไม่ถึงขั้นแฉอะไร”
“กลัวมีปัญหาอะไรกันไหม ก็ไม่ได้เขียนพาดพิงถึงใคร แล้วก็ไม่ได้เอ่ยชื่อหรือทำอะไรเลย ที่เขียนเพื่อที่คนจะได้รู้จักเรามากกว่านี้ว่า เราเป็นยังไง ในเล่มก็จะมีแฟชั่นด้วย พอดีโชคดีมีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนก็เลยอยากลองทำดู กับเรื่องคนมองว่าเราไปเกาะกระแสเขา จริงๆ คนก็มองอย่างนั้นกันอยู่แล้ว กระแสมันก็มาจริงๆ ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องทำให้มันดีที่สุด ในพ็อกเก็ตบุ๊กไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่คนอ่านก็น่าจะรู้ ยังไงต้องลองไปอ่านดูค่ะ จริงๆ ก็มีเพื่อนๆ ที่มาเมาท์กันเองด้วย มีเรื่องเกี่ยวกับการประกวดนางงามด้วย”
ยันไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเนื้อหาพ็อกเก็ตบุ๊กอย่างดีกันถูกฟ้องร้อง แย้มแฟชั่นในหนังสือวาบหวิวใส่เพียงแค่ชุดชั้นใน
“เราไม่ได้ไปว่าเขา มันแค่ขำๆ กันมากกว่า ในการเขียนครั้งนี้ก็มีรุ่นพี่คนนึงค่ะที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้ แล้วก็มีเพื่อนๆ อีก 4-5 คนช่วยๆ กัน ตอนนี้ก็ถ่ายปกไปเรียบร้อยแล้ว เป็นชุดชั้นในแนวเซ็กซี่ๆ คิดว่าน่าจะไม่เกิน 2-3 อาทิตย์นี้ก็น่าจะวางแผงกันแล้ว อยากให้ไปลองอ่านกันเองดีกว่า บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลย อาจจะเป็นแค่เรื่องราวในชีวิตที่มันผ่านมาแล้วก็ได้มาเจอตรงนี้มากกว่า แต่รับรองได้ว่าไม่มีอะไรเสียหายแน่ๆ เพราะมีการสกรีนแล้วหลายรอบมาก ไม่มีเรื่องการฟ้องร้องแน่นอน เราให้ผู้ใหญ่ทางด้านกฎหมายสกรีนช่วยด้วย ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“แต่ในเรื่องของการอยู่ในวงการจะมีปัญหาไหม เพราะพี่เขาก็ตัวแม่ เอมมี่เองก็เคารพพี่เขานะ อยากให้ลองอ่านก่อนมากกว่า มันไม่ได้แรงอย่างที่คิด บางทีอ่านแล้วอาจจะเข้าใจเอมมี่มากขึ้นก็ได้ บางทีมันอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นก็ได้”
เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการ เพราะมีข่าวพัวพันเป็นมือที่3 ฉกของรักอย่างหนุ่ม “โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” ไปจากอกนางเอกสาวสุดเซ็กซี่ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” จนสาวประเภทสองคนสวยอย่าง “เอมมี่ รัชฎา ครุฑรามาษ” ถูกมองว่าอยากเกาะกระแสดังกล่าวเพื่อสร้างชื่อเสียงในวงการบันเทิง ซึ่งตอนนี้แม้เรื่องราวรัก 3 เส้าเขย่าจอจะจางหายไปแล้ว และเอมมี่ก็เป็นที่รู้จักดังสมใจ ล่าสุดทราบว่าสาวประเภทสองคนสวยเตรียมสานต่อความดัง ด้วยการคลอดพ็อกเก็ตบุ๊กเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ ทุกแง่มุมในชีวิตของตัวเอง รวมถึงกรณี “อั้ม-โน้ต” ด้วย
“จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องของการเขียนเกี่ยวกับตัวเองมากกว่า กับเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต รวมถึงเรื่องทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ได้ หลายๆ เรื่องรวมกัน จะมีเรื่องของคุณโน้ตกับคุณอั้มไหม ก็ต้องบอกว่ามีค่ะ ก็เป็นเรื่องขำๆ ฮาๆ ไม่มีซีเรียสอะไร ไม่ถึงขั้นแฉอะไร”
“กลัวมีปัญหาอะไรกันไหม ก็ไม่ได้เขียนพาดพิงถึงใคร แล้วก็ไม่ได้เอ่ยชื่อหรือทำอะไรเลย ที่เขียนเพื่อที่คนจะได้รู้จักเรามากกว่านี้ว่า เราเป็นยังไง ในเล่มก็จะมีแฟชั่นด้วย พอดีโชคดีมีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนก็เลยอยากลองทำดู กับเรื่องคนมองว่าเราไปเกาะกระแสเขา จริงๆ คนก็มองอย่างนั้นกันอยู่แล้ว กระแสมันก็มาจริงๆ ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องทำให้มันดีที่สุด ในพ็อกเก็ตบุ๊กไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่คนอ่านก็น่าจะรู้ ยังไงต้องลองไปอ่านดูค่ะ จริงๆ ก็มีเพื่อนๆ ที่มาเมาท์กันเองด้วย มีเรื่องเกี่ยวกับการประกวดนางงามด้วย”
ยันไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเนื้อหาพ็อกเก็ตบุ๊กอย่างดีกันถูกฟ้องร้อง แย้มแฟชั่นในหนังสือวาบหวิวใส่เพียงแค่ชุดชั้นใน
“เราไม่ได้ไปว่าเขา มันแค่ขำๆ กันมากกว่า ในการเขียนครั้งนี้ก็มีรุ่นพี่คนนึงค่ะที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้ แล้วก็มีเพื่อนๆ อีก 4-5 คนช่วยๆ กัน ตอนนี้ก็ถ่ายปกไปเรียบร้อยแล้ว เป็นชุดชั้นในแนวเซ็กซี่ๆ คิดว่าน่าจะไม่เกิน 2-3 อาทิตย์นี้ก็น่าจะวางแผงกันแล้ว อยากให้ไปลองอ่านกันเองดีกว่า บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลย อาจจะเป็นแค่เรื่องราวในชีวิตที่มันผ่านมาแล้วก็ได้มาเจอตรงนี้มากกว่า แต่รับรองได้ว่าไม่มีอะไรเสียหายแน่ๆ เพราะมีการสกรีนแล้วหลายรอบมาก ไม่มีเรื่องการฟ้องร้องแน่นอน เราให้ผู้ใหญ่ทางด้านกฎหมายสกรีนช่วยด้วย ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“แต่ในเรื่องของการอยู่ในวงการจะมีปัญหาไหม เพราะพี่เขาก็ตัวแม่ เอมมี่เองก็เคารพพี่เขานะ อยากให้ลองอ่านก่อนมากกว่า มันไม่ได้แรงอย่างที่คิด บางทีอ่านแล้วอาจจะเข้าใจเอมมี่มากขึ้นก็ได้ บางทีมันอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นก็ได้”
คนวงการเพลงแห่ไว้อาลัย “เล็ก วงศ์สว่าง” ด้าน “แดง ฉันทนา” โฮ! เสียดายคนดี-หมดที่พึ่งด้านเพลง
คนแวดวงดนตรีแห่ร่วมพิธีรดน้ำศพ “เล็ก วงศ์สว่าง” แน่นวัดมกุฏฯ ลูกสาวเผยพ่อจากไปกะทันหันไม่มีลางบอกเหตุ คิดตั้งมูลนิธิตอบแทนสังคมสานต่อสิ่งที่พ่ออยากทำ วอนคนมาร่วมไว้อาลัยบริจาคเงินทำบุญดีกว่าให้พวงหรีด ด้าน “แดง ฉันทนา” โฮหนัก เผยตั้งใจทำเซอร์ไพร์สวันเกิด แต่อีกฝ่ายมาจากไปเสียก่อน เปรยเสียดายคนดี และทำให้ขาดที่พึ่งด้านเพลง
จากการเสียชีวิตแบบกะทันหันของ “เล็ก วงศ์สว่าง” อดีตนักจัดรายการวิทยุชื่อดังเจ้าของรายการ “I.S.Song Hits” ซึ่งเป็นขวัญใจนักฟังเพลงยุคโก๋หลังวัง ด้วยโรคประจำตัว MDS (ระบบการผลิตเม็ดเลือดบกพร่อง) ในวัย 68 ปี เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (29 ต.ค.) ทางครอบครัวจึงได้จัดพิธีรดน้ำศพ “เล็ก วงศ์สว่าง” ขึ้นที่ศาลา 7 วัดมกุฎกษัตริยรามราชวรวิหาร ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย มีญาติๆ รวมไปถึงคนในวงการเพลงแห่แหนมาร่วมไว้อาลัยกันเป็นครั้งสุดท้ายมากมาย อาทิ จิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว, จีรศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ, จารึก วิริยะกิจ, เล็ก เพรสลีย์, แดง ฉันทนา กิติยพันธ์, เม้า สุดา ชื่นบาน ฯลฯ
ทั้งนี้ “น.ส.ปิยะวรรณ วงศ์สว่าง” ลูกสาวคนที่ 2 ของ “เล็ก วงศ์สว่าง” เผยว่า การจากไปของพ่อเป็นแบบกะทันหัน ไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน และคิดจัดตั้งมูลนิธิตอบแทนสังคมสานต่อในสิ่งที่พ่ออยากจะทำ
“จริงๆ มันกะทันหันมาก ไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน แล้วเราก็คิดว่าอยากให้คุณพ่ออยู่กับเรา ซึ่งในสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ มันน่าจะเป็นบุญเป็นกุศลมากกว่าการที่เราได้ ก็คือสานต่อในสิ่งที่คุณพ่ออยากจะทำในเรื่องของการทำดนตรี แต่เรายังไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวอะไร เพราะเนื่องจากว่ากะทันหัน แต่เราก็ได้คุยกันในครอบครัวว่า ถ้าเราได้ทำมูลนิธิหนึ่งเพื่อตอบแทนสังคมมันน่าจะดีกว่า และเชื่อคุณพ่อก็ยังคงอยู่กับเราตลอดไป อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเราทำให้หมด”
“คือถ้าใครมางานอย่าให้พวงหรีด ให้เป็นเงินบริจาคดีกว่า แต่เราก็ไม่ได้ขัดศรัทธา ถ้าอยากให้พวงหรีดก็ให้มาเถอะ เพียงแต่ขอแค่ไปลงนามแล้วกัน เพราะว่าอีกร้อยวันที่จะเก็บเอาไว้ เราก็อยากเก็บหนังสืออันนั้นไว้ ให้จำได้มีชื่อคนๆ นั้นอยู่ในหนังสือเท่านั้นเอง ก็อยากให้คนที่มางาน ขอให้เข้ามาเขียนใส่ว่า เขารู้จักกับคุณพ่อยังไง ประทับใจยังไง เราจะได้นำข้อความเหล่านั้นมารวบรวมเป็นหนังสือ เพราะครบร้อยวันเราจะทำหนังสือเป็นที่ระลึกศพค่ะ”
ด้าน “แดง ฉันทนา กิติยพันธ์” ถึงกับปล่อยโฮช็อกกับการเสียชีวิตแบบกะทันหันของ “เล็ก วงศ์สว่าง”
“เรารู้จักกับพี่เล็กมานานมาก คนในวงการที่รู้จักคือพี่เล็ก วงศ์สว่าง พี่เล็กไม่ได้มาสอนเรื่องดนตรีอะไร แต่จะคอยแนะนำทุกอย่างว่า เพลงไหนกำลังมาหรืออะไร พี่เล็กสร้างผลงานในการแกะเพลงฝรั่ง ส่วนเพลงไทยตอนนี้พี่เขาก็ได้ทำไว้ด้วย เพลงอะไรก็แล้วแต่สามารถทำได้หมด ถ้าไม่มีเขาเราก็จะไม่รู้ เราจะตันเรื่องเพลงต่างชาติ แต่ต่อไปนี้ก็ถึงคราวที่ลูกๆ หลานๆ จะทำให้พี่เล็กบ้างค่ะ”
“คือเพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าทางโทรทัศน์ พอรู้ว่าเสียแล้วก็ช็อกค่ะ เพราะตั้งใจว่าจะทำงานชิ้นหนึ่งเป็นเซอร์ไพรส์วันเกิดให้พี่เขา ก็เตรียมไว้กับลูกของเขา แต่ปรากฏว่าพี่เขาไปก่อน ซึ่งหลังจากนี้เราก็ไม่คิดทิ้งสิ่งที่เราจะทำ เราจะทำต่อ เพราะคิดว่าการที่มาเสียคนดีๆ คนที่ให้ความรู้เรื่องเพลง ทุกครั้งที่เรามีงานที่จะต้องใช้เพลง พี่เล็กจะช่วยตลอด จะส่งเพลงมาให้เตรียมให้ทุกอย่าง ตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วค่ะ ก็อยากจะบอกให้พี่เล็กได้ฟังว่า แดงรักพี่เหลือเกิน และก็คิดว่าไม่รู้ต่อไปนี้จะไปพึ่งใครแล้วเวลาติดขัดเรื่องเพลง ก็ไม่รู้จะโทรไปขอใครแล้วค่ะ ก็ขอให้พี่เล็กไปสูสุขคติ นอนหลับให้สบายนะพี่ พี่เหนื่อยมามากแล้ว”
สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมจะจัดขึ้นเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-5 พ.ย. เว้นวันที่ 2 พ.ย. เนื่องจากมีกฐินพระราชทาน จากนั้นทางญาติจะเก็บศพ “เล็ก วงศ์สว่าง” ไว้เป็นเวลา 100 วัน ก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจต่อไป
จากการเสียชีวิตแบบกะทันหันของ “เล็ก วงศ์สว่าง” อดีตนักจัดรายการวิทยุชื่อดังเจ้าของรายการ “I.S.Song Hits” ซึ่งเป็นขวัญใจนักฟังเพลงยุคโก๋หลังวัง ด้วยโรคประจำตัว MDS (ระบบการผลิตเม็ดเลือดบกพร่อง) ในวัย 68 ปี เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (29 ต.ค.) ทางครอบครัวจึงได้จัดพิธีรดน้ำศพ “เล็ก วงศ์สว่าง” ขึ้นที่ศาลา 7 วัดมกุฎกษัตริยรามราชวรวิหาร ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย มีญาติๆ รวมไปถึงคนในวงการเพลงแห่แหนมาร่วมไว้อาลัยกันเป็นครั้งสุดท้ายมากมาย อาทิ จิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว, จีรศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ, จารึก วิริยะกิจ, เล็ก เพรสลีย์, แดง ฉันทนา กิติยพันธ์, เม้า สุดา ชื่นบาน ฯลฯ
ทั้งนี้ “น.ส.ปิยะวรรณ วงศ์สว่าง” ลูกสาวคนที่ 2 ของ “เล็ก วงศ์สว่าง” เผยว่า การจากไปของพ่อเป็นแบบกะทันหัน ไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน และคิดจัดตั้งมูลนิธิตอบแทนสังคมสานต่อในสิ่งที่พ่ออยากจะทำ
“จริงๆ มันกะทันหันมาก ไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน แล้วเราก็คิดว่าอยากให้คุณพ่ออยู่กับเรา ซึ่งในสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ มันน่าจะเป็นบุญเป็นกุศลมากกว่าการที่เราได้ ก็คือสานต่อในสิ่งที่คุณพ่ออยากจะทำในเรื่องของการทำดนตรี แต่เรายังไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวอะไร เพราะเนื่องจากว่ากะทันหัน แต่เราก็ได้คุยกันในครอบครัวว่า ถ้าเราได้ทำมูลนิธิหนึ่งเพื่อตอบแทนสังคมมันน่าจะดีกว่า และเชื่อคุณพ่อก็ยังคงอยู่กับเราตลอดไป อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเราทำให้หมด”
“คือถ้าใครมางานอย่าให้พวงหรีด ให้เป็นเงินบริจาคดีกว่า แต่เราก็ไม่ได้ขัดศรัทธา ถ้าอยากให้พวงหรีดก็ให้มาเถอะ เพียงแต่ขอแค่ไปลงนามแล้วกัน เพราะว่าอีกร้อยวันที่จะเก็บเอาไว้ เราก็อยากเก็บหนังสืออันนั้นไว้ ให้จำได้มีชื่อคนๆ นั้นอยู่ในหนังสือเท่านั้นเอง ก็อยากให้คนที่มางาน ขอให้เข้ามาเขียนใส่ว่า เขารู้จักกับคุณพ่อยังไง ประทับใจยังไง เราจะได้นำข้อความเหล่านั้นมารวบรวมเป็นหนังสือ เพราะครบร้อยวันเราจะทำหนังสือเป็นที่ระลึกศพค่ะ”
ด้าน “แดง ฉันทนา กิติยพันธ์” ถึงกับปล่อยโฮช็อกกับการเสียชีวิตแบบกะทันหันของ “เล็ก วงศ์สว่าง”
“เรารู้จักกับพี่เล็กมานานมาก คนในวงการที่รู้จักคือพี่เล็ก วงศ์สว่าง พี่เล็กไม่ได้มาสอนเรื่องดนตรีอะไร แต่จะคอยแนะนำทุกอย่างว่า เพลงไหนกำลังมาหรืออะไร พี่เล็กสร้างผลงานในการแกะเพลงฝรั่ง ส่วนเพลงไทยตอนนี้พี่เขาก็ได้ทำไว้ด้วย เพลงอะไรก็แล้วแต่สามารถทำได้หมด ถ้าไม่มีเขาเราก็จะไม่รู้ เราจะตันเรื่องเพลงต่างชาติ แต่ต่อไปนี้ก็ถึงคราวที่ลูกๆ หลานๆ จะทำให้พี่เล็กบ้างค่ะ”
“คือเพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าทางโทรทัศน์ พอรู้ว่าเสียแล้วก็ช็อกค่ะ เพราะตั้งใจว่าจะทำงานชิ้นหนึ่งเป็นเซอร์ไพรส์วันเกิดให้พี่เขา ก็เตรียมไว้กับลูกของเขา แต่ปรากฏว่าพี่เขาไปก่อน ซึ่งหลังจากนี้เราก็ไม่คิดทิ้งสิ่งที่เราจะทำ เราจะทำต่อ เพราะคิดว่าการที่มาเสียคนดีๆ คนที่ให้ความรู้เรื่องเพลง ทุกครั้งที่เรามีงานที่จะต้องใช้เพลง พี่เล็กจะช่วยตลอด จะส่งเพลงมาให้เตรียมให้ทุกอย่าง ตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วค่ะ ก็อยากจะบอกให้พี่เล็กได้ฟังว่า แดงรักพี่เหลือเกิน และก็คิดว่าไม่รู้ต่อไปนี้จะไปพึ่งใครแล้วเวลาติดขัดเรื่องเพลง ก็ไม่รู้จะโทรไปขอใครแล้วค่ะ ก็ขอให้พี่เล็กไปสูสุขคติ นอนหลับให้สบายนะพี่ พี่เหนื่อยมามากแล้ว”
สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมจะจัดขึ้นเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-5 พ.ย. เว้นวันที่ 2 พ.ย. เนื่องจากมีกฐินพระราชทาน จากนั้นทางญาติจะเก็บศพ “เล็ก วงศ์สว่าง” ไว้เป็นเวลา 100 วัน ก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจต่อไป
“กอล์ฟ” อุบฤกษ์แต่งแฟนยันปีหน้าชัวร์ ปัดชิงปาดหน้า “หนุ่ม กรรชัย”
“กอล์ฟ เบญจพล” ย้ำชัดแต่ง “ปุ้ย” แฟนสาวแน่ปีหน้า อุบฤกษ์วิวาห์แต่คอนเฟิร์มบอกสื่อล่วงหน้า เน้นคอนเซ็ปต์งานเป็นปาร์ตี้สนุกสนาน ลั่นไม่คิดมีทายาททันที ปฏิเสธแต่งงานตัดหน้า “หนุ่ม กรรชัย” บอกอีกฝ่ายยังรอความชัวร์ เลยไม่จูง “เมย์” แต่งสักที
คบหาแฟนสาวนอกวงการนามว่า “ปุ้ย” มาร่วม 5 ปี สำหรับนักร้องและนักแสดงอารมณ์ดี “กอล์ฟ เบญจพล เชยอรุณ” ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยแย้มให้ฟังแล้วว่า มีแพลนจูงแฟนสาวแต่งงานในปีหน้า ล่าสุดเมื่อมีโอกาสเจอกอล์ฟอีกครั้งในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “บี มาย เกสต์ เดอะ คอมเมอดี้ คอนเสิร์ต” ณ เบียร์สิงห์ ปาร์ค ย่านอโศก จึงสอบถามเรื่องความคืบหน้างานวิวาห์ ที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวเล่นคอนเสิร์ตเสร็จปุ๊บจะประกาศฤกษ์วิวาห์แฟนสาวทันที
“มีข่าวหลังจากจบคอนเสิร์ตแล้วผมจะประกาศแต่งงาน (หัวเราะ) ประกาศอะไรกันบ่อยๆ ก็อย่างที่บอกไปแหละครับดูไว้ปีหน้า แต่ยังไงคงจะบอกล่วงหน้า 7 วัน คือก็มีแพลนไว้บ้างแล้ว บอกล่วงหน้า 7 วันสนุกดีออก (หัวเราะ) ฤกษ์แต่งไปดูมาแล้ว แต่ไม่บอกละกันว่าเมื่อไหร่ ยังไงปีหน้าก็คงพร้อมแน่ ”
“ตอนไปขอผมก็ไปคุยกับทางพ่อแม่เขาแล้วครับ ตอนแรกว่าจะไปขอยามแต่ยามไม่ให้ เลยต้องขอพ่อแม่(หัวเราะ) เราไม่ได้ขอเจ้าสาวเลยนะถือว่ารวบรัดไป (หัวเราะ) คิดว่ามกราคมน่าจะเร็วไปนะ นี่บอกใบ้แล้วนะ ถ้าจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ก็ดีนะจดทะเบียนวันวาเลนไทน์พอดี”
“ส่วนสินสอดก็ปกติครับ คือสนิทกันแล้วเรื่องนั้นเลยไม่สำคัญ ความเข้าใจกันมันสำคัญกว่า แต่เรื่องสถานที่ก็ยังดูอยู่ครับ ยังคุยอยู่ว่าที่ไหนจะช่วยให้ราคาต่ำๆ หน่อย(หัวเราะ) ส่วนคอนเซ็ปต์งานก็คงออกแนวสนุกสนานปาร์ตี้ เอาเป็นว่าถ้าถึงวันแต่งจะให้สัมภาษณ์ก่อน 15 นาที แล้วให้ทิ้งไมค์ทิ้งกล้องให้หมดเลย ห้ามพกกล้องให้เข้าไปฮากันข้างใน เราไม่อยากให้เป็นทางการมาก มันไม่เข้ากับนิสัย (หัวเราะ) ส่วนคอร์สเจ้าบ่าวยังไม่ได้เข้าครับ แต่ไปเข้าคอร์สเจ้าสาวมาแล้ว(หัวเราะ)”
“ที่เขายอมแต่งกับผมก็ไม่มีอะไรหรอก เพราะผมบอกเขาว่าแต่งเถอะ (หัวเราะ) คบกันมา 5 ปีแล้ว ที่หยุดที่คนนี้ก็เพราะว่าเวลาเราคบแล้ว คนที่จะอยู่กับเราตอนแก่ไปเดินกุมมือแถวชายหาด เรามองภาพตรงนั้นมากกว่า มันต้องเป็นเพื่อนได้ด้วยไม่ใช่แค่เป็นแฟน คนนี้เขาเป็นได้ทุกอย่าง ทำไมเขาถึงยอมหยุดทั้งๆ ที่ผมเหมือนจะเจ้าชู้ อืม...ผมเจ้าชู้ตรงไหนครับ(หัวเราะ) ผมถามจริงๆ คือ ผมว่ามันเป็นเรื่องของการแบ่งรับแบ่งสู้ คนเรามันต้องรับกันได้ เวลาผิดอีกฝ่ายก็ยอมรับแค่นั้นเอง”
“แต่งแล้วจะมีลูกเลยไหม อาจจะยังไม่คิดถึงตรงนั้นครับ ขอแค่สร้างครอบครัวก่อน ตอนนี้ผมยังดูแลคุณแม่อยู่ ถ้ามีตัวเล็กเลยคงไม่ไหว สำหรับที่ที่จะไปฮันนีมูนคิดไว้ 2 ที่ ก็คิดว่าไม่เยาวราชกับสำเพ็ง (หัวเราะ)”
ปัดชิงแต่งงานตัดหน้าเพื่อนซี้อย่าง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” บอกอีกฝ่ายคงยังไม่ชัวร์และรอเวลาที่สมควร
“ปาดหน้าจะแต่งงานก่อนหนุ่มกรรชัย เขาจะโกรธไหม แหม...เมื่อกี้ไม่ถามมัน (หัวเราะ) คือผมว่าหนุ่มเวลาจะทำอะไรเขาต้องชัวร์ก่อน ถ้ายังมีอะไรที่หนุ่มรู้สึกว่ายังลังเลนิดๆ หน่อย ก็จะยังไม่แต่ง ผมว่าถ้า 100 เปอร์เซ็นต์เขาก็คงแต่งแน่ๆ ครับ ผมว่าที่เขาลังเลคงไม่เกี่ยวกับการถอดเขี้ยวเล็บของเขาหรอก เขาคงดูตามความเหมาะสม โดยภาพของหนุ่มใครๆ ก็มองว่าเขาเป็นคาสโนว่า เขาคงต้องการล้างภาพทั้งหมดมากกว่า ณ วันนี้ผมอยู่กองถ่าย ถ่ายละครกับเมย์ เฟื่องอารมย์ เขาก็ส่งแมสเซจโทรมาจิ๊จ๊ะๆ น่าถีบมาก”
คบหาแฟนสาวนอกวงการนามว่า “ปุ้ย” มาร่วม 5 ปี สำหรับนักร้องและนักแสดงอารมณ์ดี “กอล์ฟ เบญจพล เชยอรุณ” ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยแย้มให้ฟังแล้วว่า มีแพลนจูงแฟนสาวแต่งงานในปีหน้า ล่าสุดเมื่อมีโอกาสเจอกอล์ฟอีกครั้งในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “บี มาย เกสต์ เดอะ คอมเมอดี้ คอนเสิร์ต” ณ เบียร์สิงห์ ปาร์ค ย่านอโศก จึงสอบถามเรื่องความคืบหน้างานวิวาห์ ที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวเล่นคอนเสิร์ตเสร็จปุ๊บจะประกาศฤกษ์วิวาห์แฟนสาวทันที
“มีข่าวหลังจากจบคอนเสิร์ตแล้วผมจะประกาศแต่งงาน (หัวเราะ) ประกาศอะไรกันบ่อยๆ ก็อย่างที่บอกไปแหละครับดูไว้ปีหน้า แต่ยังไงคงจะบอกล่วงหน้า 7 วัน คือก็มีแพลนไว้บ้างแล้ว บอกล่วงหน้า 7 วันสนุกดีออก (หัวเราะ) ฤกษ์แต่งไปดูมาแล้ว แต่ไม่บอกละกันว่าเมื่อไหร่ ยังไงปีหน้าก็คงพร้อมแน่ ”
“ตอนไปขอผมก็ไปคุยกับทางพ่อแม่เขาแล้วครับ ตอนแรกว่าจะไปขอยามแต่ยามไม่ให้ เลยต้องขอพ่อแม่(หัวเราะ) เราไม่ได้ขอเจ้าสาวเลยนะถือว่ารวบรัดไป (หัวเราะ) คิดว่ามกราคมน่าจะเร็วไปนะ นี่บอกใบ้แล้วนะ ถ้าจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ก็ดีนะจดทะเบียนวันวาเลนไทน์พอดี”
“ส่วนสินสอดก็ปกติครับ คือสนิทกันแล้วเรื่องนั้นเลยไม่สำคัญ ความเข้าใจกันมันสำคัญกว่า แต่เรื่องสถานที่ก็ยังดูอยู่ครับ ยังคุยอยู่ว่าที่ไหนจะช่วยให้ราคาต่ำๆ หน่อย(หัวเราะ) ส่วนคอนเซ็ปต์งานก็คงออกแนวสนุกสนานปาร์ตี้ เอาเป็นว่าถ้าถึงวันแต่งจะให้สัมภาษณ์ก่อน 15 นาที แล้วให้ทิ้งไมค์ทิ้งกล้องให้หมดเลย ห้ามพกกล้องให้เข้าไปฮากันข้างใน เราไม่อยากให้เป็นทางการมาก มันไม่เข้ากับนิสัย (หัวเราะ) ส่วนคอร์สเจ้าบ่าวยังไม่ได้เข้าครับ แต่ไปเข้าคอร์สเจ้าสาวมาแล้ว(หัวเราะ)”
“ที่เขายอมแต่งกับผมก็ไม่มีอะไรหรอก เพราะผมบอกเขาว่าแต่งเถอะ (หัวเราะ) คบกันมา 5 ปีแล้ว ที่หยุดที่คนนี้ก็เพราะว่าเวลาเราคบแล้ว คนที่จะอยู่กับเราตอนแก่ไปเดินกุมมือแถวชายหาด เรามองภาพตรงนั้นมากกว่า มันต้องเป็นเพื่อนได้ด้วยไม่ใช่แค่เป็นแฟน คนนี้เขาเป็นได้ทุกอย่าง ทำไมเขาถึงยอมหยุดทั้งๆ ที่ผมเหมือนจะเจ้าชู้ อืม...ผมเจ้าชู้ตรงไหนครับ(หัวเราะ) ผมถามจริงๆ คือ ผมว่ามันเป็นเรื่องของการแบ่งรับแบ่งสู้ คนเรามันต้องรับกันได้ เวลาผิดอีกฝ่ายก็ยอมรับแค่นั้นเอง”
“แต่งแล้วจะมีลูกเลยไหม อาจจะยังไม่คิดถึงตรงนั้นครับ ขอแค่สร้างครอบครัวก่อน ตอนนี้ผมยังดูแลคุณแม่อยู่ ถ้ามีตัวเล็กเลยคงไม่ไหว สำหรับที่ที่จะไปฮันนีมูนคิดไว้ 2 ที่ ก็คิดว่าไม่เยาวราชกับสำเพ็ง (หัวเราะ)”
ปัดชิงแต่งงานตัดหน้าเพื่อนซี้อย่าง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” บอกอีกฝ่ายคงยังไม่ชัวร์และรอเวลาที่สมควร
“ปาดหน้าจะแต่งงานก่อนหนุ่มกรรชัย เขาจะโกรธไหม แหม...เมื่อกี้ไม่ถามมัน (หัวเราะ) คือผมว่าหนุ่มเวลาจะทำอะไรเขาต้องชัวร์ก่อน ถ้ายังมีอะไรที่หนุ่มรู้สึกว่ายังลังเลนิดๆ หน่อย ก็จะยังไม่แต่ง ผมว่าถ้า 100 เปอร์เซ็นต์เขาก็คงแต่งแน่ๆ ครับ ผมว่าที่เขาลังเลคงไม่เกี่ยวกับการถอดเขี้ยวเล็บของเขาหรอก เขาคงดูตามความเหมาะสม โดยภาพของหนุ่มใครๆ ก็มองว่าเขาเป็นคาสโนว่า เขาคงต้องการล้างภาพทั้งหมดมากกว่า ณ วันนี้ผมอยู่กองถ่าย ถ่ายละครกับเมย์ เฟื่องอารมย์ เขาก็ส่งแมสเซจโทรมาจิ๊จ๊ะๆ น่าถีบมาก”
“ฟิล์ม” คิวงานแน่นเอี้ยด ยัน 30 พ.ย.บวชแน่ แพลนธุดงค์อยู่ถ้ำที่เชียงราย
“ฟิล์ม” เผยเพิ่งกลับจากเที่ยวเกาหลีกับครอบครัว ทำให้สุขภาพใจพร้อมทำงานเต็มร้อย บอกคิวงานแน่นเอี้ยดก่อนได้ฤกษ์บวช 30 พ.ย.นี้ ที่วัดชุ้ง จ.สระบุรี ก่อนออกธุดงค์ต่อที่จ.เชียงราย ปลื้มแม้จะฉาวแต่ผลงานมิวสิกฯ ยังได้กระแสตอบรับดีจากประชาชน
ผ่านพ้นมรสุมข่าวฉาวลูกใหญ่ที่รุมกระหน่ำไปแล้ว นักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เลยยกครอบครัวและญาติบินไปพักผ่อนทำจิตใจให้สบายที่ประเทศเกาหลี ก่อนกลับมาลุยทำงานหนักตามเดิม ทั้งนี้เจ้าตัวได้เปิดเผยถึงทริปท่องแดนกิมจิในครั้งนี้ว่า ทำให้สุขภาพใจพร้อมทำงานเต็มร้อย และแย้มฤกษ์บวช 30 พ.ย.นี้จะบวชที่วัดใกล้บ้านที่จ.สระบุรี ก่อนออกธุดงค์และจำพรรษาอยู่ถ้ำที่ จ.เชียงราย
“ผมเพิ่งบินกลับมาจากเกาหลีเมื่อวานซืนตอนตี 2 ไปมา 8 วัน นี่กลับมาก็แทบไม่ได้นอนเลย กลับมาก็ทำงานเลย ไปเกาหลีก็ไปพักผ่อนครับ คือจริงๆ มีคิวต้องไปทำงานอยู่แล้ว พอดีว่าทางญาติและครอบครัวไปกันเยอะมาก ถ้าจะขาดผมไปสักคนก็คงจะแปลกๆ ก็เลยต้องไป เรียกว่าได้พักผ่อนไปในตัว ไปอยู่ต่างจังหวัดของที่นั่น ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะครับ ตอนนี้ก็เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว”
“ความจริงตอนนี้ก็มีคิวงานที่แน่นมากแล้วครับ อาจจะเพราะเราหยุดไปนาน อะไรที่มันพลาดไปแล้ว อะไรที่มันเสียโอกาสไปแล้ว ก็ไม่เป็นไรเริ่มใหม่ ผมมีเวลาอีกไม่มากนักในการทำงาน เพราะผมจะต้องบวชแล้วน่าจะเป็นวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้แหละครับ ตอนนี้ก็เลยต้องทำงานอัดสะสมไว้ให้เต็มที่ คงเน้นงานพวกถ่ายแบบ แล้วก็งานเพลง”
“สำหรับวัดที่จะไปบวชคือ วัดชุ้ง จ.สระบุรี เลือกใกล้ๆ บ้านเพราะอยากให้ยายกับอากงได้ออกมาใส่บาตรกัน ผมจะอยู่ที่นั่นสัปดาห์นึง จากนั้นก็ว่าจะไปจำพรรษาที่เชียงราย ไปอยู่ในป่าในถ้ำแบบไม่พบเจอใคร”
ปลื้มแม้จะฉาวแต่ผลงานมิวสิกวิดีโอ “Face 2 Face” ที่ได้นักร้องสาวจากแดนกิมจิ “เจอา จากวง Brown Eyed Girl” มาร่วมฟีเจอริง ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน
“เรื่องกระแสตรงนี้ผมยังไม่ได้เช็กอะไรมาก แต่ก็มีพวกพี่ๆ เล่าให้ฟังว่าวันเดียวยอดคนเข้าไปดูพุ่งไป 5-6 แสนในยูทิวบ์ และตามเว็บต่างๆ ก็ดีใจครับ เพราะเราเต็มที่มาก อยากจะปล่อยมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ดันมาเจอข่าวทำให้ปล่อยไม่ได้ ก็ต้องขอบคุณแฟนๆ ของฟิล์มทุกคน สำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้ผมมาโดยตลอด ตอนนี้ก็กลับมาแล้ว และพร้อมที่จะทำงานเต็มที่แล้ว ยังไงก็เอาใจช่วยด้วยแล้วกัน อยากขอบคุณจริงๆ ถึงแม้จะมีเรื่องต่างๆ ออกมา แต่พอมีผลงานก็ยังได้รับการต้อนรับจากทุกคนที่ดีอยู่ ขอบคุณที่เข้าใจกัน ตอนแรกก็อาจจะมีทรุดๆ ไปบ้าง แต่พอเราปล่อยให้เวลาคอยเป็นเครื่องพิสูจน์ไปเรื่อยๆ เขาก็เริ่มเข้าใจเรามากขึ้นเพราะตัวผมเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูดอะไรอยู่แล้ว”
ผ่านพ้นมรสุมข่าวฉาวลูกใหญ่ที่รุมกระหน่ำไปแล้ว นักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เลยยกครอบครัวและญาติบินไปพักผ่อนทำจิตใจให้สบายที่ประเทศเกาหลี ก่อนกลับมาลุยทำงานหนักตามเดิม ทั้งนี้เจ้าตัวได้เปิดเผยถึงทริปท่องแดนกิมจิในครั้งนี้ว่า ทำให้สุขภาพใจพร้อมทำงานเต็มร้อย และแย้มฤกษ์บวช 30 พ.ย.นี้จะบวชที่วัดใกล้บ้านที่จ.สระบุรี ก่อนออกธุดงค์และจำพรรษาอยู่ถ้ำที่ จ.เชียงราย
“ผมเพิ่งบินกลับมาจากเกาหลีเมื่อวานซืนตอนตี 2 ไปมา 8 วัน นี่กลับมาก็แทบไม่ได้นอนเลย กลับมาก็ทำงานเลย ไปเกาหลีก็ไปพักผ่อนครับ คือจริงๆ มีคิวต้องไปทำงานอยู่แล้ว พอดีว่าทางญาติและครอบครัวไปกันเยอะมาก ถ้าจะขาดผมไปสักคนก็คงจะแปลกๆ ก็เลยต้องไป เรียกว่าได้พักผ่อนไปในตัว ไปอยู่ต่างจังหวัดของที่นั่น ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะครับ ตอนนี้ก็เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว”
“ความจริงตอนนี้ก็มีคิวงานที่แน่นมากแล้วครับ อาจจะเพราะเราหยุดไปนาน อะไรที่มันพลาดไปแล้ว อะไรที่มันเสียโอกาสไปแล้ว ก็ไม่เป็นไรเริ่มใหม่ ผมมีเวลาอีกไม่มากนักในการทำงาน เพราะผมจะต้องบวชแล้วน่าจะเป็นวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้แหละครับ ตอนนี้ก็เลยต้องทำงานอัดสะสมไว้ให้เต็มที่ คงเน้นงานพวกถ่ายแบบ แล้วก็งานเพลง”
“สำหรับวัดที่จะไปบวชคือ วัดชุ้ง จ.สระบุรี เลือกใกล้ๆ บ้านเพราะอยากให้ยายกับอากงได้ออกมาใส่บาตรกัน ผมจะอยู่ที่นั่นสัปดาห์นึง จากนั้นก็ว่าจะไปจำพรรษาที่เชียงราย ไปอยู่ในป่าในถ้ำแบบไม่พบเจอใคร”
ปลื้มแม้จะฉาวแต่ผลงานมิวสิกวิดีโอ “Face 2 Face” ที่ได้นักร้องสาวจากแดนกิมจิ “เจอา จากวง Brown Eyed Girl” มาร่วมฟีเจอริง ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน
“เรื่องกระแสตรงนี้ผมยังไม่ได้เช็กอะไรมาก แต่ก็มีพวกพี่ๆ เล่าให้ฟังว่าวันเดียวยอดคนเข้าไปดูพุ่งไป 5-6 แสนในยูทิวบ์ และตามเว็บต่างๆ ก็ดีใจครับ เพราะเราเต็มที่มาก อยากจะปล่อยมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ดันมาเจอข่าวทำให้ปล่อยไม่ได้ ก็ต้องขอบคุณแฟนๆ ของฟิล์มทุกคน สำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้ผมมาโดยตลอด ตอนนี้ก็กลับมาแล้ว และพร้อมที่จะทำงานเต็มที่แล้ว ยังไงก็เอาใจช่วยด้วยแล้วกัน อยากขอบคุณจริงๆ ถึงแม้จะมีเรื่องต่างๆ ออกมา แต่พอมีผลงานก็ยังได้รับการต้อนรับจากทุกคนที่ดีอยู่ ขอบคุณที่เข้าใจกัน ตอนแรกก็อาจจะมีทรุดๆ ไปบ้าง แต่พอเราปล่อยให้เวลาคอยเป็นเครื่องพิสูจน์ไปเรื่อยๆ เขาก็เริ่มเข้าใจเรามากขึ้นเพราะตัวผมเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูดอะไรอยู่แล้ว”
ตัวอย่างหนังใหม่ The Chronicles of Narnia 3 : อภินิหารตํานานแห่งนาร์เนีย 3 : ผจญภัยโพ้นทะเล
ชื่ออังกฤษ
The Chronicles of Narnia : The Voyage of The Dawn Treader
ชื่อไทย อภินิหารตํานานแห่งนาร์เนีย 3 : ผจญภัยโพ้นทะเล
ประเภทหนัง Action/Fantasy
ผู้กำกับ Michael Apted
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 09 December 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง Ben Barnes, Eddie Izzard (ให้เสียงพากย์), Skandar Keynes, Georgie Henley, Will Poulter, Liam Neeson (ให้เสียงพากย์)
เรื่องย่อ -
The Chronicles of Narnia : The Voyage of The Dawn Treader
ชื่อไทย อภินิหารตํานานแห่งนาร์เนีย 3 : ผจญภัยโพ้นทะเล
ประเภทหนัง Action/Fantasy
ผู้กำกับ Michael Apted
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 09 December 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง Ben Barnes, Eddie Izzard (ให้เสียงพากย์), Skandar Keynes, Georgie Henley, Will Poulter, Liam Neeson (ให้เสียงพากย์)
เรื่องย่อ -
วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553
“ได๋” น้ำตาปริ่มก้มหน้าสารภาพถูก “กอล์ฟ” ทิ้ง!!
“ได๋” น้ำตาคลอถูก “กอล์ฟ” ตีตัวออกห่าง เหตุตนเองฉาวเกินข่าวซดเกาเหลา “พลอย” และไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์ ทำอีกฝ่ายปวดหัวกับการต้องมาตอบคำถาม และมองกำลังถูกหลอกใช้ รับเสียใจไม่กล้าโทรไปปรับความเข้าใจ ปัดยังอาลัยอาวรณ์ “นาวินต้าร์” และมีกิ๊กใหม่เป็นเพื่อน “บีม ศรัณยู”
หลังจากอ้ำๆ อึ้งๆ และพยายามเลี่ยงสื่อตอบคำถามเรื่องความสัมพันธ์กับ “กอล์ฟ ฐิติพันธ์ เกยานนท์” มาหลายครั้ง แต่ในที่สุดพิธีกรหน้าหมวย “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ” ก็ยอมเปิดปากถึงเรื่องนี้จนได้ พร้อมกับอาการจุกอกมีน้ำตาปริ่ม สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีตลอดการให้สัมภาษณ์ โดยได๋ยอมรับว่าเป็นเพราะตนเองมีข่าวฉาวเรื่องเกาเหลา “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” รวมทั้งยังไม่มีความชัดเจนในความสัมพันธ์ จึงทำให้ฝ่ายชายตีตัวออกห่างก่อน
“ใครเลือกที่จะหยุดก่อนกัน อืม..ก็น่าจะเป็นเขาที่ตีตัวออกห่างก่อน มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งที่แล้วก็ไม่ได้คุยกัน เสร็จแล้วก็เคลียร์ว่าเขาเป็นคนรัก ก็โอเคคุยกันอยู่แป๊บนึง หลังจากนั้นก็เข้าใจว่าได๋อาจจะไม่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มเองเลยเป็นแบบนี้ เพราะบางคน...ก็พูดแล้วให้มันเคลียร์เลยละกันจะได้ไม่ต้องพูดอีก และก็คือได๋ไม่(นิ่งก่อนถอนหายใจ) คือพี่เข้าใจใช่ไหมว่า ได๋ทำงานทุกวันปกติ เราเป็นพิธีกรก็ต้องออกจากบ้าน แต่สองเดือนที่ผ่านมามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เมื่อกี้ก็เห็นบอกขอถ่ายรูปเฉยๆ แต่กลายเป็นสัมภาษณ์”
“คือที่เขาเลือกตัดความสัมพันธ์ลง อาจเป็นเพราะเขาไม่สะดวกใจที่จะคุยมากกว่า เพราะเขาไม่รู้ว่ายังไง ข่าวมันก็ออกมาเยอะ ออกจากบ้านมาทุกวันก็ต้องมาตอบคำถาม ช่วงแรกๆ เขาอาจจะมองว่าได๋ไม่ชัดเจน พอได๋บอกว่าโอเคเขาเป็นคนรัก ก็หาว่าเราหลอกใช้ หลอกอยู่ด้วยฆ่าเวลาหรือเปล่า ทำไมถึงยังเป็นข่าวแบบนี้อีก เขาก็ยังต้องตอบคำถามสารพัด เขาเองก็อาจจะปวดหัว”
“ส่วนที่เขาออกมาแถลงข่าววันนี้ได๋ไม่ทราบเรื่องมาก่อน แต่เขาแมสเซจมาบอกแล้ว ถามว่าสำหรับเรามันเคลียร์ไหม คือตั้งแต่มีข่าวเขาก็บอกกับเราว่า อยากให้เคลียร์ตัวเอง เขาคงปวดหัวกับเรามาก คนรอบข้างเขาก็มีคำถามเกิดขึ้นเยอะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้ไหม ไม่รู้เหมือนกัน....เหตุการณ์ที่ผ่านมาอาจทำให้เราเลิกคุยกันได้ มันก็คงประมาณนั้น”
“ที่มีข่าวว่าที่ผ่านมาเราพยายามขอคืนดี มันก็เป็นข่าวอยู่ทุกวันก็ไม่รู้ทำไง เราเองก็ไม่กล้ารบกวนที่จะโทรไปปรับความเข้าใจเขา เพราะเราเองก็ต้องเข้าใจความรู้สึกเขา เขาเองก็คงลำบากใจ เราลำบากใจแคร์คนไหน คนที่เราแคร์ก็คงลำบากใจมากกว่า เราเองรู้สึกเสียใจแน่นอนอยู่แล้ว คนรู้สึกดีกันขนาดนี้ แต่พอมันมีเรื่องขึ้นมาก็ไม่เป็นไรค่อยๆ เคลียร์ไป เราอยู่ตรงนั้นมันก็เป็นข่าว ก็ไม่รู้จะทำยังไง”
ถอนหายใจกับกระแสข่าวครอบครัว “กอล์ฟ”ไม่ปลื้ม เหตุเจ้าตัวฉาวบ่อยทำให้ส่งผลต่อธุรกิจ
“กระแสข่าวที่ว่าทางครอบครัวกอล์ฟไม่ปลื้มเพราะส่งผลทางธุรกิจ เฮ้อ..(ถอนหายใจ)ครั้งแรกที่มันมีเรื่องขึ้นก็ไม่เป็นไร ครั้งนี้มันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด แล้วมันก็ไม่มีอะไรจริงๆ วันนี้ก็มีนักข่าวไปถามเขาว่ารู้หรือเปล่าได๋แอบไปกิ๊กกับเพื่อนบีม (ศรัณยู ประชากริช) ชื่ออะไรก็ไม่รู้ ก็รู้จักเคยเจอกันครั้งเดียว ปฏิเสธเลยค่ะว่าไม่ได้กิ๊กกัน ก็บริสุทธิ์ใจ พอมีข่าวเกิดเรื่องขึ้นมาอีก เขาก็ถามว่าตกลงยังไงอะไรอีก มีข่าวออกมาแบบนี้เราห้ามความคิดคนอื่นเยอะแยะไม่ได้ ตัวเขาเองก็รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ว่าคนรอบข้างเขาก็จะมีคำถาม แต่อยากให้รอดูต่อไป กับข่าวที่ผ่านมาถือว่าเป็นข่าวที่รบกวนจิตใจมากที่สุดตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้”
ปฏิเสธยังอาลัยอาวรณ์คนรักเก่าอย่างนักร้องหนุ่ม “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” อยู่ บอกเรื่องจบไปนานแล้ว พร้อมรับทุกครั้งที่ตอบคำถามจะนึกถึงจิตใจ “กอล์ฟ” ว่ารู้สึกอย่างไร
“คือกระแสข่าวมันออกมาเยอะมากว่ายังอาลัยอาวรณ์ ถามว่ามีปัญหากันเพราะเรื่องอะไร คือจริงๆ เรื่องของได๋กับคนที่ทำให้เป็นข่าวกัน มันจบนานมากแล้วตั้งแต่ความสัมพันธ์เป็นศูนย์ มันจบไปสองปีแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีโอกาสอะไรที่จะพูดได้ บางคนไปว่าเขาว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ….ไม่ใช่ คนที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษก็คงจะเป็นได๋เอง ถ้าจะพูดอย่างนั้น เพราะได๋เป็นคนที่ไม่อยากเป็นข่าวเอง ขอว่าไม่ต้องพูดอะไรมากได้ไหม ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ แล้วบางคนก็ไม่เข้าใจก็คิดไปต่างๆ นานา มันก็เลยแตกแขนงแยกกันไป คนโน้นคิดอย่างนี้ คนนี้คิดอย่างนั้น และพอไปถามเขามันก็เลย.. ก็เข้าใจ พอตื่นมาทุกวันก็ต้องมาตอบคำถามแค่นั้นแหละไม่มีอะไร”
“คือได๋ก็เป็นข่าวอยู่ทุกวัน ทุกครั้งเวลาที่เราจะต้องให้สัมภาษณ์ สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวก็คือแล้วกอล์ฟจะคิดยังไง เพราะยังไงคุณพ่อคุณแม่ได๋ก็เข้าใจอยู่แล้ว ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกันว่า เราไม่ได้ทำอะไรจริงๆ”
“ถามว่ากับเรื่องนี้ได้บทเรียนอะไรบ้างไหม อืม...ไม่ค่ะ ก็ทำตัวปกติเหมือนเดิม ส่วนใครที่จะเข้ามาต้องปรับตัวเข้าหาเราไหม ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรมาก ก็ใช้ชีวิตไปปกติ ส่วนเรื่องปรับความเข้าใจกับเขา ได๋ว่าเดี๋ยวค่อยว่ากันก็แล้วกัน”
หลังจากอ้ำๆ อึ้งๆ และพยายามเลี่ยงสื่อตอบคำถามเรื่องความสัมพันธ์กับ “กอล์ฟ ฐิติพันธ์ เกยานนท์” มาหลายครั้ง แต่ในที่สุดพิธีกรหน้าหมวย “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ” ก็ยอมเปิดปากถึงเรื่องนี้จนได้ พร้อมกับอาการจุกอกมีน้ำตาปริ่ม สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีตลอดการให้สัมภาษณ์ โดยได๋ยอมรับว่าเป็นเพราะตนเองมีข่าวฉาวเรื่องเกาเหลา “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” รวมทั้งยังไม่มีความชัดเจนในความสัมพันธ์ จึงทำให้ฝ่ายชายตีตัวออกห่างก่อน
“คือที่เขาเลือกตัดความสัมพันธ์ลง อาจเป็นเพราะเขาไม่สะดวกใจที่จะคุยมากกว่า เพราะเขาไม่รู้ว่ายังไง ข่าวมันก็ออกมาเยอะ ออกจากบ้านมาทุกวันก็ต้องมาตอบคำถาม ช่วงแรกๆ เขาอาจจะมองว่าได๋ไม่ชัดเจน พอได๋บอกว่าโอเคเขาเป็นคนรัก ก็หาว่าเราหลอกใช้ หลอกอยู่ด้วยฆ่าเวลาหรือเปล่า ทำไมถึงยังเป็นข่าวแบบนี้อีก เขาก็ยังต้องตอบคำถามสารพัด เขาเองก็อาจจะปวดหัว”
“ส่วนที่เขาออกมาแถลงข่าววันนี้ได๋ไม่ทราบเรื่องมาก่อน แต่เขาแมสเซจมาบอกแล้ว ถามว่าสำหรับเรามันเคลียร์ไหม คือตั้งแต่มีข่าวเขาก็บอกกับเราว่า อยากให้เคลียร์ตัวเอง เขาคงปวดหัวกับเรามาก คนรอบข้างเขาก็มีคำถามเกิดขึ้นเยอะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้ไหม ไม่รู้เหมือนกัน....เหตุการณ์ที่ผ่านมาอาจทำให้เราเลิกคุยกันได้ มันก็คงประมาณนั้น”
“ที่มีข่าวว่าที่ผ่านมาเราพยายามขอคืนดี มันก็เป็นข่าวอยู่ทุกวันก็ไม่รู้ทำไง เราเองก็ไม่กล้ารบกวนที่จะโทรไปปรับความเข้าใจเขา เพราะเราเองก็ต้องเข้าใจความรู้สึกเขา เขาเองก็คงลำบากใจ เราลำบากใจแคร์คนไหน คนที่เราแคร์ก็คงลำบากใจมากกว่า เราเองรู้สึกเสียใจแน่นอนอยู่แล้ว คนรู้สึกดีกันขนาดนี้ แต่พอมันมีเรื่องขึ้นมาก็ไม่เป็นไรค่อยๆ เคลียร์ไป เราอยู่ตรงนั้นมันก็เป็นข่าว ก็ไม่รู้จะทำยังไง”
ถอนหายใจกับกระแสข่าวครอบครัว “กอล์ฟ”ไม่ปลื้ม เหตุเจ้าตัวฉาวบ่อยทำให้ส่งผลต่อธุรกิจ
“กระแสข่าวที่ว่าทางครอบครัวกอล์ฟไม่ปลื้มเพราะส่งผลทางธุรกิจ เฮ้อ..(ถอนหายใจ)ครั้งแรกที่มันมีเรื่องขึ้นก็ไม่เป็นไร ครั้งนี้มันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด แล้วมันก็ไม่มีอะไรจริงๆ วันนี้ก็มีนักข่าวไปถามเขาว่ารู้หรือเปล่าได๋แอบไปกิ๊กกับเพื่อนบีม (ศรัณยู ประชากริช) ชื่ออะไรก็ไม่รู้ ก็รู้จักเคยเจอกันครั้งเดียว ปฏิเสธเลยค่ะว่าไม่ได้กิ๊กกัน ก็บริสุทธิ์ใจ พอมีข่าวเกิดเรื่องขึ้นมาอีก เขาก็ถามว่าตกลงยังไงอะไรอีก มีข่าวออกมาแบบนี้เราห้ามความคิดคนอื่นเยอะแยะไม่ได้ ตัวเขาเองก็รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ว่าคนรอบข้างเขาก็จะมีคำถาม แต่อยากให้รอดูต่อไป กับข่าวที่ผ่านมาถือว่าเป็นข่าวที่รบกวนจิตใจมากที่สุดตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้”
ปฏิเสธยังอาลัยอาวรณ์คนรักเก่าอย่างนักร้องหนุ่ม “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” อยู่ บอกเรื่องจบไปนานแล้ว พร้อมรับทุกครั้งที่ตอบคำถามจะนึกถึงจิตใจ “กอล์ฟ” ว่ารู้สึกอย่างไร
“คือกระแสข่าวมันออกมาเยอะมากว่ายังอาลัยอาวรณ์ ถามว่ามีปัญหากันเพราะเรื่องอะไร คือจริงๆ เรื่องของได๋กับคนที่ทำให้เป็นข่าวกัน มันจบนานมากแล้วตั้งแต่ความสัมพันธ์เป็นศูนย์ มันจบไปสองปีแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีโอกาสอะไรที่จะพูดได้ บางคนไปว่าเขาว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ….ไม่ใช่ คนที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษก็คงจะเป็นได๋เอง ถ้าจะพูดอย่างนั้น เพราะได๋เป็นคนที่ไม่อยากเป็นข่าวเอง ขอว่าไม่ต้องพูดอะไรมากได้ไหม ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ แล้วบางคนก็ไม่เข้าใจก็คิดไปต่างๆ นานา มันก็เลยแตกแขนงแยกกันไป คนโน้นคิดอย่างนี้ คนนี้คิดอย่างนั้น และพอไปถามเขามันก็เลย.. ก็เข้าใจ พอตื่นมาทุกวันก็ต้องมาตอบคำถามแค่นั้นแหละไม่มีอะไร”
“คือได๋ก็เป็นข่าวอยู่ทุกวัน ทุกครั้งเวลาที่เราจะต้องให้สัมภาษณ์ สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวก็คือแล้วกอล์ฟจะคิดยังไง เพราะยังไงคุณพ่อคุณแม่ได๋ก็เข้าใจอยู่แล้ว ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกันว่า เราไม่ได้ทำอะไรจริงๆ”
“ถามว่ากับเรื่องนี้ได้บทเรียนอะไรบ้างไหม อืม...ไม่ค่ะ ก็ทำตัวปกติเหมือนเดิม ส่วนใครที่จะเข้ามาต้องปรับตัวเข้าหาเราไหม ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรมาก ก็ใช้ชีวิตไปปกติ ส่วนเรื่องปรับความเข้าใจกับเขา ได๋ว่าเดี๋ยวค่อยว่ากันก็แล้วกัน”
“เอ ศุภชัย” ขอโทษ “โกโก้” ที่พาดพิงในพ็อกเก็ตบุ๊ก บอกถือซะว่าทำบุญร่วมกัน พร้อมปัดเป็นกุนซือให้ “แอนนี่”
“เอ ศุภชัย” ออกตัวขอโทษ “โกโก้” แจงไม่มีเจตนาพาดพิงในพ็อกเก็ตบุ๊ก บอกให้ถือว่าทำบุญร่วมกัน เชื่อคุยกันได้ก่อนอีกฝ่ายจะฟ้องร้อง ลั่นไม่โกรธ “พจน์ อานนท์” หลังถูกเหน็บเป็นกุนซือให้ “แอนนี่” ยันไม่ใช่และไม่เคยหางานให้แม่ลูกอ่อนทำ ทั้งยังปัดฉีกสัญญา “มาริโอ้”และทะเลาะ “มิ้นท์” จนนางเอกสาวหอบผ้าผ่อนหนีออกจากบ้าน
แร๊งส์! ตั้งแต่หนังสือยังไม่ทันจะเปิดตัว เพราะไปเขียนพาดพิงบุคคลอื่นในวงการบันเทิง จนหลายคนร่ำๆ จ่อจะฟ้องร้องนักปั้นดาราชื่อดัง “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” เจ้าของหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กอื้อฉาว “เอ ศุภชัย นักฉกไร้ยางอาย” ที่เพิ่งถือฤกษ์ดีวานนี้ (28 ต.ค.) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสืออย่างเป็นทางการที่ร้านบีทูเอส สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีดาราและเด็กในสังกัดมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย อาทิ “ออย ธนา สุทธิกมล”, “กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย” , “วิน ธาวิน เยาวพลกุล” , “โน๊ต วัชรบูล ลี้สุวรรณ” , “วิว วรรณรส สนธิไชย” ฯลฯ
ทั้งนี้ “เอ ศุภชัย” ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำพ็อกเก็ตบุ๊ก และเขียนพาดพิงถึงบุคคลอื่นว่า ตนได้รับการชักชวนจาก “ต้อย แอคเนอร์” และมีโกสต์ไรท์เตอร์เป็นผู้รวบรวมข้อมูลและเขียนให้ ด้วยความไว้ใจจึงไม่มีการตรวจสอบก่อน ทั้งที่ยังไม่ทราบเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือ
“ที่ทำหนังสือคือมีคนชวนทำพ็อกเก็ตบุ๊กเยอะมาก พอดีพี่ต้อย (ต้อย แอคเนอร์)เป็นคนโทรมาแล้วขอว่า ให้ช่วยทำหนังสือเล่มนี้ให้พี่หน่อย ผมก็บอกว่าไม่มีเรื่องราวอะไรให้เขียน พี่ต้อยก็บอกว่าให้ผมไปคิดเรื่องมา ผมก็บอกว่าอยากทำเรื่องความงาม พี่ต้อยก็หายไปหนึ่งเดือนแล้วก็โทรกลับมาบอกว่า ถ้าพี่ทำเรื่องความงามหนังสือพี่เจ๊งแน่เลย (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นทางเดียวที่ทำได้เลยคือต้องทำเรื่องของตัวเอง มันมีทั้งเรื่องตลกขบขัน เรื่องต่างๆ ก็เลยโอเค แต่ว่าจะให้ผมเขียนเองไม่ได้นะ เพราะเราเขียนไม่เป็น พี่ต้อยก็บอกว่าเดี๋ยวนี้หนังสือเขาทำแบบระบบเมืองนอก ก็จะมีโกสต์ไรท์เตอร์ซึ่งพี่เขาจะเสิร์ชหาข่าวในอินเทอร์เนตทุกอย่าง แล้วก็จัดการหมดเลย”
“แล้วเขาจะมาถามผมว่าข่าวที่เกิดขึ้นเป็นจริงไหม หรือเรื่องที่กล่าวเสริมไป ก็จะมีเรื่องประสบการณ์ของเราที่กว่าจะมาถึงวันนี้ โดยทางสำนักพิมพ์จะต้องให้วางแผงช่วงไหน ตอนนั้นมันเป็นช่วงที่ผมป่วยอยู่เชียงใหม่พอดี พี่เขาอยากส่งต้นฉบับให้เราดูมาก เราก็บอกเขาไปว่า เราไว้ใจพี่ต้อย-พี่ติ๋ม (พรรทิภา สกุลชัย หรือติ๋ม ทีวีพูล) อยู่แล้ว เลยบอกว่าตามสบายยังไงซะหนังสือมันต้องออก เราก็ไม่สบายด้วยก็ให้พี่เขาจัดการยังไงก็ได้ ก็แล้วแต่ทางพี่ต้อย ทางต้นสังกัด”
“ผมก็ไม่ได้อ่านหนังสือเองมาก่อน ก็มีคนมาอ่านให้ฟังครับ แต่ก็ไม่ได้อ่านทุกตัวอักษร เพราะเราเป็นคนสมาธิสั้นอยู่แล้วเลยไม่ค่อยได้อ่านอะไรละเอียด บางทีสัญญานักแสดงยังอ่านไม่หมดเลย แค่เห็นตัวเลขก็เซ็นแหลกเลย (หัวเราะ)”
ออกตัวขอโทษ “โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์” นักปั้นคู่อริเก่า ที่ถูกตนพาดพิงถึงในพ็อกเก็ตบุ๊กและเตรียมจะฟ้องร้อง บอกให้คิดเสียว่าได้ทำบุญร่วมกัน
“ถ้ามีการพาดพิงถึงบุคคลอื่นๆ ผมในฐานะเจ้าของหนังสือถึงตัวเองจะไม่ได้เป็นคนเขียน ก็ต้องขอโทษคนที่เราพาดพิง ถือว่าขอโทษ ณ ตรงนี้แล้วกัน ถือว่าช่วยกันทำบุญ พี่เอก็ไม่ได้คิดว่าทำพ็อกเก็ตบุ๊กขึ้นมาเพื่อทำให้ตัวเองรวยขึ้นมามากกว่านี้ เงินที่ได้มาอยากให้คิดเสียว่า คนที่มีชื่ออยู่ในหนังสือเล่มนี้คือคนที่ร่วมกันทำบุญด้วยกัน”
“ที่โกโก้ไม่พอใจแล้วจะฟ้อง คือเรื่องนี้ก็ได้ทราบข่าวมาผมรู้สึกว่า ถ้าเราเป็นเขาก็คงไม่พอใจเหมือนกัน เพราะเรื่องมันจบไปนานแล้ว ทำไมต้องเอามาขุดลงในหนังสือ แต่อย่างที่บอกไปว่าหนังสือเขาเอาข่าวที่ผ่านมามาเขียนลง เราก็ไม่ทราบกระบวนการทำงานว่าต้องไปขออนุญาตยังไงหรือเปล่า หรือเป็นหน้าที่ของโกสต์ไรท์เตอร์ ผมก็ต้องกราบขอโทษแทนคนทำงานตรงนี้ด้วย ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้ใครเสียชื่อ เพียงแค่อยากให้หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วได้อรรถรส แล้วก็ได้ทำบุญด้วยกัน”
“กลัวโดนฟ้องไหม เรื่องฟ้องร้องทุกคนก็กลัวเหมือนกันหมด ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรก็พูดคุยกันได้ คิดว่าเราทำดีแล้ว ถ้าเขาติดต่อมาพี่ต้อยก็จะเป็นคนจัดการ ดำเนินการหมดเลย เพราะผมเองก็เป็นแค่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของหนังสือ แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อมาเลยนะ ก็ต้องออกตัวว่าขอโทษเขาไว้ก่อน ขอโทษแทนทุกๆ คนถ้าเกิดอะไรขึ้นมันก็คงเกิดจากความไม่ตั้งใจ บางครั้งตัวผมเองก็เป็นแค่คนบอกข้อมูลในบางเรื่อง ก็คิดว่าคงมีการขออนุญาตอะไรกันแล้ว บางอย่างมันจูนกันได้ปรับเข้าหากันได้ ทุกอย่างมันต้องหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่จะทะเลาะหรือจะฟ้องร้องกัน ผมก็เข้าใจว่าต่างคนต่างทำงาน ถ้ามีอะไรที่พูดคุยกันได้ ปรับความเข้าใจกันได้ ก็อยากจะให้เข้าใจครับ”
“ทีแรกไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นปัญหาขนาดนี้ เพราะทางหนังสือเป็นคนทำ แต่ก็ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องช่วยกันแก้ไข เงินที่ได้จากการขายทั้งหมดก็บริจาคให้การกุศลหมดเลย มันจะได้สบายใจครับ ตัวเลขมันไม่รู้เท่าไหร่ ไม่ได้คิดว่าการทำหนังสือจะทำให้ผมรวยขึ้นมา แต่มันสบายใจที่ว่าเราไม่ได้เงินจากการทำหนังสือเลย จะได้บริสุทธิ์ใจ และสบายใจ”
ส่วนเรื่องที่ “พจน์ อานนท์” ใช้คำพูดรุนแรงในการปกป้อง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” โดยซัดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง “แอนนี่ บรู๊ค” เจ้าตัวยันไม่คิดโกรธ พร้อมยินดีหันหน้าคุยกับอีกฝ่าย
“สำหรับกรณีพี่พจน์ ผมว่าตอนนี้ในสถานะอารมณ์ของคนเรา บางทีมันเกิดจากความร้อน ทุกคนก็รักลูกตัวเอง ผมก็เข้าใจทุกอย่าง มันไม่ได้พูดคุยกัน มันก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ถ้าเราได้ปรับและพูดคุยซึ่งกันและกัน ผมคิดว่าปัญหามันก็ไม่เกิดขึ้น พี่พจน์ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดหรือมีสิทธิ์ที่จะพูด แต่คงต้องรอให้ทุกอย่างเย็นลง รอให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น”
“ถ้าจะมีการคุยกันก็ยินดีนะครับ เพราะพี่พจน์ก็เป็นคนที่ผมรู้จัก บางทีเราอาจมีอารมณ์ แต่ถ้าเราร้อนตอบมันก็อาจเป็นผลที่ไม่ดี แต่ก็ไม่โกรธนะ ไม่เลย ถ้าโกรธเดี๋ยวมันก็พังเหมือนเขื่อน เหมือนกับว่าถ้าน้ำเชี่ยวเอาเรือไปขวาง เรือก็แตก เราต้องใจเย็นเวลาจะช่วยแก้ไขทุกอย่างได้เอง”
เผยยังติดต่อกับดาราหนุ่ม “จุ๊น กิติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข” ที่ประกาศลาออกจากช่อง 3 แล้วหายหน้าหลบข่าวฉาวกรณีถูกต้องสงสัยเป็นพ่อของลูก “แอนนี่ บรู๊ค” พร้อมปัดเป็นกุนซือและหางานให้ “แอนนี่” ทำ
“ตอนนี้ก็คุยกับจุ๊นบ้าง เพราะหลังจากที่แถลงผมก็ไปอยู่เกาหลีตลอดเลย ก็ถามเขาบ้างว่ามีกระแสอะไรบ้างไหม น้องเขาก็บอกว่าสบายดี ตอนนี้ก็อยู่กับครอบครัวที่เมืองไทย สำหรับที่มีกระแสข่าวว่าวันนี้จะมีจุ๊นกับแอนนี่มา อ๋อ...ไม่มีครับ ไม่ได้มาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว”
“กับข่าวว่าที่ว่าผมเป็นกุนซือให้แอนนี่ อันนี้ขอยืนยันว่าไม่จริงครับ (หัวเราะ) เพราะเวลาที่ผมต้องดูแลเด็กในสังกัดเกือบร้อยคน ก็ไม่มีอยู่แล้ว คงไม่มีเวลามาเป็นกุนซือให้กับทางน้องเขา ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่ามาแตะเด็กผม คือน้องจุ๊น ถ้านอกเหนือจากเรื่องจุ๊นแล้ว ผมจะไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นเลย ให้เป็นเรื่องของพวกเขากันเอง หรืออย่างข่าวว่าผมช่วยหางานดูแลคิวให้แอนนี่ เรื่องนี้ก็ไม่จริงครับ ข่าวลือที่เกิดขึ้นบางเรื่องเขียนเป็นเรื่องราวใหญ่โต บางคนก็คิดได้ แต่ผมว่ามันเป็นบาป ถ้าสมมติว่ามีงานติดต่อมาทางผมให้น้องเขา ผมก็ยินดีนะครับ เพราะถือว่าอย่างน้อยก็ให้แม่เขาไปซื้อผ้าอ้อมให้ลูก ผมก็ยินดี แต่ตอนนี้ไม่มีครับ”
“ที่ผ่านมาก็ไม่มีใครติดต่อแอนนี่มาทางผมนะ แต่เท่าที่ทราบติดต่อมาทางเต๋า (อดีตนักข่าวทีวีพูล) เต๋าก็คุยมาทางเฮเลน (กะเทยจอมแฉดารา) แล้วเฮเลนก็ติดต่อมาทางแอนนี่ เท่าที่ผมทราบก็มีแค่นี้ แต่ผ่านมาทางผมไม่มีเลย แล้วหลังจากที่เกิดเรื่องก็พาคุณพ่อคุณแม่น้องอั้ม(พัชราภา ไชยเชื้อ)ไปเกาหลี ไปเที่ยวหลายวันแล้วก็เพิ่งกลับมาได้ 3วันเอง”
“แล้วที่บอกว่าที่จริงแล้วจุ๊นรู้จักกับแอนนี่ไม่ใช่แค่ผิวเผิน สำหรับเรื่องนี้ผมก็รู้แค่เท่าที่จุ๊นบอก นอกเหนือจากนี้ไม่ทราบครับ มันก็เหมือนกับที่จุ๊นแถลงไป วันนึงผมไปขอร้องกับคุณพ่อเขาว่า อยากให้จุ๊นเข้าวงการ เข้าไปกราบเข้าไปขอร้องท่าน แล้ววันหนึ่งวันที่ลูกท่านมีปัญหา คนที่จะยืนเคียงข้างเขาสักคนก็ไม่มี แล้วผมจะทิ้งเขาได้ไง ผมไม่คิดที่อยากจะยืนอยู่ใกล้คนที่รับรางวัลเซ็กซี่สตาร์ของเมืองไทย ดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายดีเด่นอย่างเดียว วันหนึ่งที่คุณโดนเชิญลงออกจากเวที หรือวันที่คุณมีปัญหา ผมก็จะยืนอยู่เคียงข้างคุณ ในวันที่เขาแถลงข่าวเราก็ขอยืนเคียงข้าง ไม่ใช่แค่จุ๊นคนเดียว คนอื่นผมก็จะเป็นแบบนี้ อย่างน้อยผมก็ถือว่าผมเป็นครอบครัวของเขา”
ยันกรณี “จุ๊น” หักหน้า "สมรักษ์ ณรงค์วิชัย" ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการช่อง 3 ไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กในสังกัดคนอื่น
“ถามว่ามีผลกระทบกับช่อง 3ไหม มันก็มีครับเป็นเรื่องของรายได้ แต่ก็ที่น้องเขาทำแบบนั้น เพราะว่าอยากให้ช่อง 3 สะอาดบริสุทธิ์ เขาไม่อยากทำให้ช่องมีมลทิน เขาเลยตัดสินใจพูดออกมา กับเรื่องข้อมูลที่พูดไม่ตรงกันกับผู้ใหญ่ มันก็ไม่ได้มีผลอะไรมาก เพราะผมไม่ได้พูด จุ๊นเป็นคนพูด ผมกับพี่สมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย)หรือทางผู้ใหญ่ทางช่อง 3 เรารักกัน ทุกคนก็ทำงานด้วยกัน หน้าที่ของเราก็ทำงานให้ดีที่สุด ถามว่าเรื่องจุ๊นส่งผลกระทบต่อดาราคนอื่นๆ ที่จะเข้าช่อง 3 ไหม ก็ไม่มีครับ ไม่มีเลย เมื่อวานผมเพิ่งไปหาพี่สมรักษ์ ก็ไปพูดคุยกันก็ยกหูโทรคุยกันตลอด”
ลั่นไม่เคยฉีกสัญญากับพระเอกหนุ่มสุดฮอต “มาริโอ้ เมาเร่อ” เพราะไม่มีการเซ็นตั้งแต่แรก ทั้งยังยอมรับชอบใช้คำพูดรุนแรงกับเด็กในสังกัด
“ส่วนข่าวที่ว่าผมกับมาริโอ้ฉีกสัญญากัน ไม่เลยครับ ผมกับมาริโอ้ไม่เคยเซ็นสัญญากันเลย ยังยืนยันตามเดิมว่า ยังดูแลกันเหมือนญาติ ไม่เคยมีสัญญาอะไรกัน”
“แล้วเรื่องที่ว่าผมใช้คำรุนแรงกับเด็กในสังกัด คือมันก็ต้องมีบ้างยอมรับ และพูดตรงๆ เลยว่าบางครั้งก็มีคำพูดที่ดุและก็แรง เหมือนเราดูแลลูก บางครั้งถ้ามันทำผิด ถ้าทำผิดครั้ง 1-3 ก็ให้อภัย แต่ครั้งที่ 4 ก็คงต้องตักเตือน ตักเตือนไม่ได้ก็ต้องตี เอากันแบบแมนๆ เลย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ท้าต่อยกันเลย เราไม่ได้คิดอย่างอื่นไปนอกจากว่าให้เขาได้ดี เป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องนอนตื่นสาย เรื่องเกเร ไม่ไปเรียนหนังสือ อย่างค่าเทอมผมก็เป็นคนจ่ายหมดนะ บางคนก็ไม่ได้มีเงิน ส่งเรียนมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ไปเรียน มันก็ต้องมีการตีการตักเตือน พ่อแม่เขาก็ต้องรับรู้ ไม่ใช่เรารับรู้อยู่ฝ่ายเดียว แต่นี่เขาจะเป็นแบบน้องๆ ที่กำลังฝึกหัดให้เป็นนักแสดง”
“ส่วนเรื่องที่ว่ามีคนใกล้ชิดตัวผมเป็นคนปล่อยข่าว ความจริงมันก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ปล่อยข่าวแบบนี้ได้ก็ต้องใกล้ชิดได้ ลูกน้องที่อยู่กับผมทุกวันนี้ มันยังพูดถึงผมลับหลังเลย ยังนินทาเรา แต่ก็ช่างมันเถอะมันพูดถึงก็ยังดีกว่ามันไม่พูดถึง เขาว่าคนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนมาว่าเรา แต่เราก็ต้องทำตัวเองให้ดีที่สุดหนักแน่น”
ปัดทะเลาะเด็กในสังกัดอย่าง “มิ้นท์ ณัฐวรา วงศ์วาสนา” ที่แอบกิ๊กกินกันเองกับ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” ทำให้นางเอกหน้าใหม่ต้องหอบผ้าผ่อนหนีออกจากบ้าน
“ส่วนกรณีน้องมิ้นท์หอบผ้าออกจากบ้าน คือผมมีน้องสาวชื่อแอลเปิดร้านขายยา แอลอยู่คนเดียว ผมก็เลยบอกมิ้นท์ว่าถ้าอย่างนั้นให้ไปอยู่เป็นเพื่อนน้องแอล แอลก็อายุ 30 กว่าแล้ว ก็น่าจะดูแลมิ้นท์ได้ แล้วก็มีแม่บ้านอีกหนึ่งคน น้องมิ้นท์ก็ไปๆ มาๆ กับบ้านผม เพราะบ้านใกล้กัน เรื่องทะเลาะกันไม่มีครับ ตอนที่ป่วยที่เชียงใหม่น้องเขาก็ไปเฝ้าอยู่เหมือนกัน”
“ถามว่าเกี่ยวกับเรื่องกิ๊กกับหมากหรือเปล่า อันนี้ไม่เกี่ยวครับ มิ้นท์กับหมากบอกผมว่าเป็นเพื่อนกัน ผมก็เคยเรียกเขามาถาม ก็เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนกันจริง เราก็เลยช่างเขาเถอะ แต่ไฟกับน้ำมันบางทีมันใกล้กันบ้างก็อาจจะมี แต่เราพยายามทำยังไงที่จะทำให้เขามองเห็นว่า ถ้าเขากิ๊กกันจริงๆ คุณคบกันเป็นแฟน แล้ววันหนึ่งต้องเลิกแต่ยังต้องเล่นละครด้วยกัน แล้วก็มองหน้ากันไม่ติด มันก็จะมีปัญหาตามมา คือผมเห็นมาหมดแล้วก็สอนให้เขาได้รับรู้ แต่เขาจะทำตามหรือไม่ก็อีกเรื่อง”
“มีออกกฎห้ามเด็กรักกันไหม ก็มีนะ เพราะผมก็พูดว่าไม่อยากให้เด็กในสังกัดรักกันเอง เพราะกลัวปัญหาเกิดขึ้น แต่ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ บางทีผมอาจจะห้าม แต่ถ้าเขาจะแอบคบกันมันก็เป็นเรื่องของเขา แต่ผมถือว่าไม่รู้ ถ้ารู้ผมก็แรงใส่เหมือนกัน(หัวเราะ)”
แร๊งส์! ตั้งแต่หนังสือยังไม่ทันจะเปิดตัว เพราะไปเขียนพาดพิงบุคคลอื่นในวงการบันเทิง จนหลายคนร่ำๆ จ่อจะฟ้องร้องนักปั้นดาราชื่อดัง “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” เจ้าของหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กอื้อฉาว “เอ ศุภชัย นักฉกไร้ยางอาย” ที่เพิ่งถือฤกษ์ดีวานนี้ (28 ต.ค.) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสืออย่างเป็นทางการที่ร้านบีทูเอส สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีดาราและเด็กในสังกัดมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย อาทิ “ออย ธนา สุทธิกมล”, “กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย” , “วิน ธาวิน เยาวพลกุล” , “โน๊ต วัชรบูล ลี้สุวรรณ” , “วิว วรรณรส สนธิไชย” ฯลฯ
ทั้งนี้ “เอ ศุภชัย” ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำพ็อกเก็ตบุ๊ก และเขียนพาดพิงถึงบุคคลอื่นว่า ตนได้รับการชักชวนจาก “ต้อย แอคเนอร์” และมีโกสต์ไรท์เตอร์เป็นผู้รวบรวมข้อมูลและเขียนให้ ด้วยความไว้ใจจึงไม่มีการตรวจสอบก่อน ทั้งที่ยังไม่ทราบเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือ
“ที่ทำหนังสือคือมีคนชวนทำพ็อกเก็ตบุ๊กเยอะมาก พอดีพี่ต้อย (ต้อย แอคเนอร์)เป็นคนโทรมาแล้วขอว่า ให้ช่วยทำหนังสือเล่มนี้ให้พี่หน่อย ผมก็บอกว่าไม่มีเรื่องราวอะไรให้เขียน พี่ต้อยก็บอกว่าให้ผมไปคิดเรื่องมา ผมก็บอกว่าอยากทำเรื่องความงาม พี่ต้อยก็หายไปหนึ่งเดือนแล้วก็โทรกลับมาบอกว่า ถ้าพี่ทำเรื่องความงามหนังสือพี่เจ๊งแน่เลย (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นทางเดียวที่ทำได้เลยคือต้องทำเรื่องของตัวเอง มันมีทั้งเรื่องตลกขบขัน เรื่องต่างๆ ก็เลยโอเค แต่ว่าจะให้ผมเขียนเองไม่ได้นะ เพราะเราเขียนไม่เป็น พี่ต้อยก็บอกว่าเดี๋ยวนี้หนังสือเขาทำแบบระบบเมืองนอก ก็จะมีโกสต์ไรท์เตอร์ซึ่งพี่เขาจะเสิร์ชหาข่าวในอินเทอร์เนตทุกอย่าง แล้วก็จัดการหมดเลย”
“ผมก็ไม่ได้อ่านหนังสือเองมาก่อน ก็มีคนมาอ่านให้ฟังครับ แต่ก็ไม่ได้อ่านทุกตัวอักษร เพราะเราเป็นคนสมาธิสั้นอยู่แล้วเลยไม่ค่อยได้อ่านอะไรละเอียด บางทีสัญญานักแสดงยังอ่านไม่หมดเลย แค่เห็นตัวเลขก็เซ็นแหลกเลย (หัวเราะ)”
ออกตัวขอโทษ “โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์” นักปั้นคู่อริเก่า ที่ถูกตนพาดพิงถึงในพ็อกเก็ตบุ๊กและเตรียมจะฟ้องร้อง บอกให้คิดเสียว่าได้ทำบุญร่วมกัน
“ถ้ามีการพาดพิงถึงบุคคลอื่นๆ ผมในฐานะเจ้าของหนังสือถึงตัวเองจะไม่ได้เป็นคนเขียน ก็ต้องขอโทษคนที่เราพาดพิง ถือว่าขอโทษ ณ ตรงนี้แล้วกัน ถือว่าช่วยกันทำบุญ พี่เอก็ไม่ได้คิดว่าทำพ็อกเก็ตบุ๊กขึ้นมาเพื่อทำให้ตัวเองรวยขึ้นมามากกว่านี้ เงินที่ได้มาอยากให้คิดเสียว่า คนที่มีชื่ออยู่ในหนังสือเล่มนี้คือคนที่ร่วมกันทำบุญด้วยกัน”
“ที่โกโก้ไม่พอใจแล้วจะฟ้อง คือเรื่องนี้ก็ได้ทราบข่าวมาผมรู้สึกว่า ถ้าเราเป็นเขาก็คงไม่พอใจเหมือนกัน เพราะเรื่องมันจบไปนานแล้ว ทำไมต้องเอามาขุดลงในหนังสือ แต่อย่างที่บอกไปว่าหนังสือเขาเอาข่าวที่ผ่านมามาเขียนลง เราก็ไม่ทราบกระบวนการทำงานว่าต้องไปขออนุญาตยังไงหรือเปล่า หรือเป็นหน้าที่ของโกสต์ไรท์เตอร์ ผมก็ต้องกราบขอโทษแทนคนทำงานตรงนี้ด้วย ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้ใครเสียชื่อ เพียงแค่อยากให้หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วได้อรรถรส แล้วก็ได้ทำบุญด้วยกัน”
“กลัวโดนฟ้องไหม เรื่องฟ้องร้องทุกคนก็กลัวเหมือนกันหมด ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรก็พูดคุยกันได้ คิดว่าเราทำดีแล้ว ถ้าเขาติดต่อมาพี่ต้อยก็จะเป็นคนจัดการ ดำเนินการหมดเลย เพราะผมเองก็เป็นแค่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของหนังสือ แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อมาเลยนะ ก็ต้องออกตัวว่าขอโทษเขาไว้ก่อน ขอโทษแทนทุกๆ คนถ้าเกิดอะไรขึ้นมันก็คงเกิดจากความไม่ตั้งใจ บางครั้งตัวผมเองก็เป็นแค่คนบอกข้อมูลในบางเรื่อง ก็คิดว่าคงมีการขออนุญาตอะไรกันแล้ว บางอย่างมันจูนกันได้ปรับเข้าหากันได้ ทุกอย่างมันต้องหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่จะทะเลาะหรือจะฟ้องร้องกัน ผมก็เข้าใจว่าต่างคนต่างทำงาน ถ้ามีอะไรที่พูดคุยกันได้ ปรับความเข้าใจกันได้ ก็อยากจะให้เข้าใจครับ”
“ทีแรกไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นปัญหาขนาดนี้ เพราะทางหนังสือเป็นคนทำ แต่ก็ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องช่วยกันแก้ไข เงินที่ได้จากการขายทั้งหมดก็บริจาคให้การกุศลหมดเลย มันจะได้สบายใจครับ ตัวเลขมันไม่รู้เท่าไหร่ ไม่ได้คิดว่าการทำหนังสือจะทำให้ผมรวยขึ้นมา แต่มันสบายใจที่ว่าเราไม่ได้เงินจากการทำหนังสือเลย จะได้บริสุทธิ์ใจ และสบายใจ”
ส่วนเรื่องที่ “พจน์ อานนท์” ใช้คำพูดรุนแรงในการปกป้อง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” โดยซัดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง “แอนนี่ บรู๊ค” เจ้าตัวยันไม่คิดโกรธ พร้อมยินดีหันหน้าคุยกับอีกฝ่าย
“สำหรับกรณีพี่พจน์ ผมว่าตอนนี้ในสถานะอารมณ์ของคนเรา บางทีมันเกิดจากความร้อน ทุกคนก็รักลูกตัวเอง ผมก็เข้าใจทุกอย่าง มันไม่ได้พูดคุยกัน มันก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ถ้าเราได้ปรับและพูดคุยซึ่งกันและกัน ผมคิดว่าปัญหามันก็ไม่เกิดขึ้น พี่พจน์ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดหรือมีสิทธิ์ที่จะพูด แต่คงต้องรอให้ทุกอย่างเย็นลง รอให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น”
“ถ้าจะมีการคุยกันก็ยินดีนะครับ เพราะพี่พจน์ก็เป็นคนที่ผมรู้จัก บางทีเราอาจมีอารมณ์ แต่ถ้าเราร้อนตอบมันก็อาจเป็นผลที่ไม่ดี แต่ก็ไม่โกรธนะ ไม่เลย ถ้าโกรธเดี๋ยวมันก็พังเหมือนเขื่อน เหมือนกับว่าถ้าน้ำเชี่ยวเอาเรือไปขวาง เรือก็แตก เราต้องใจเย็นเวลาจะช่วยแก้ไขทุกอย่างได้เอง”
เผยยังติดต่อกับดาราหนุ่ม “จุ๊น กิติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข” ที่ประกาศลาออกจากช่อง 3 แล้วหายหน้าหลบข่าวฉาวกรณีถูกต้องสงสัยเป็นพ่อของลูก “แอนนี่ บรู๊ค” พร้อมปัดเป็นกุนซือและหางานให้ “แอนนี่” ทำ
“ตอนนี้ก็คุยกับจุ๊นบ้าง เพราะหลังจากที่แถลงผมก็ไปอยู่เกาหลีตลอดเลย ก็ถามเขาบ้างว่ามีกระแสอะไรบ้างไหม น้องเขาก็บอกว่าสบายดี ตอนนี้ก็อยู่กับครอบครัวที่เมืองไทย สำหรับที่มีกระแสข่าวว่าวันนี้จะมีจุ๊นกับแอนนี่มา อ๋อ...ไม่มีครับ ไม่ได้มาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว”
“กับข่าวว่าที่ว่าผมเป็นกุนซือให้แอนนี่ อันนี้ขอยืนยันว่าไม่จริงครับ (หัวเราะ) เพราะเวลาที่ผมต้องดูแลเด็กในสังกัดเกือบร้อยคน ก็ไม่มีอยู่แล้ว คงไม่มีเวลามาเป็นกุนซือให้กับทางน้องเขา ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่ามาแตะเด็กผม คือน้องจุ๊น ถ้านอกเหนือจากเรื่องจุ๊นแล้ว ผมจะไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นเลย ให้เป็นเรื่องของพวกเขากันเอง หรืออย่างข่าวว่าผมช่วยหางานดูแลคิวให้แอนนี่ เรื่องนี้ก็ไม่จริงครับ ข่าวลือที่เกิดขึ้นบางเรื่องเขียนเป็นเรื่องราวใหญ่โต บางคนก็คิดได้ แต่ผมว่ามันเป็นบาป ถ้าสมมติว่ามีงานติดต่อมาทางผมให้น้องเขา ผมก็ยินดีนะครับ เพราะถือว่าอย่างน้อยก็ให้แม่เขาไปซื้อผ้าอ้อมให้ลูก ผมก็ยินดี แต่ตอนนี้ไม่มีครับ”
“ที่ผ่านมาก็ไม่มีใครติดต่อแอนนี่มาทางผมนะ แต่เท่าที่ทราบติดต่อมาทางเต๋า (อดีตนักข่าวทีวีพูล) เต๋าก็คุยมาทางเฮเลน (กะเทยจอมแฉดารา) แล้วเฮเลนก็ติดต่อมาทางแอนนี่ เท่าที่ผมทราบก็มีแค่นี้ แต่ผ่านมาทางผมไม่มีเลย แล้วหลังจากที่เกิดเรื่องก็พาคุณพ่อคุณแม่น้องอั้ม(พัชราภา ไชยเชื้อ)ไปเกาหลี ไปเที่ยวหลายวันแล้วก็เพิ่งกลับมาได้ 3วันเอง”
“แล้วที่บอกว่าที่จริงแล้วจุ๊นรู้จักกับแอนนี่ไม่ใช่แค่ผิวเผิน สำหรับเรื่องนี้ผมก็รู้แค่เท่าที่จุ๊นบอก นอกเหนือจากนี้ไม่ทราบครับ มันก็เหมือนกับที่จุ๊นแถลงไป วันนึงผมไปขอร้องกับคุณพ่อเขาว่า อยากให้จุ๊นเข้าวงการ เข้าไปกราบเข้าไปขอร้องท่าน แล้ววันหนึ่งวันที่ลูกท่านมีปัญหา คนที่จะยืนเคียงข้างเขาสักคนก็ไม่มี แล้วผมจะทิ้งเขาได้ไง ผมไม่คิดที่อยากจะยืนอยู่ใกล้คนที่รับรางวัลเซ็กซี่สตาร์ของเมืองไทย ดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายดีเด่นอย่างเดียว วันหนึ่งที่คุณโดนเชิญลงออกจากเวที หรือวันที่คุณมีปัญหา ผมก็จะยืนอยู่เคียงข้างคุณ ในวันที่เขาแถลงข่าวเราก็ขอยืนเคียงข้าง ไม่ใช่แค่จุ๊นคนเดียว คนอื่นผมก็จะเป็นแบบนี้ อย่างน้อยผมก็ถือว่าผมเป็นครอบครัวของเขา”
ยันกรณี “จุ๊น” หักหน้า "สมรักษ์ ณรงค์วิชัย" ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการช่อง 3 ไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กในสังกัดคนอื่น
“ถามว่ามีผลกระทบกับช่อง 3ไหม มันก็มีครับเป็นเรื่องของรายได้ แต่ก็ที่น้องเขาทำแบบนั้น เพราะว่าอยากให้ช่อง 3 สะอาดบริสุทธิ์ เขาไม่อยากทำให้ช่องมีมลทิน เขาเลยตัดสินใจพูดออกมา กับเรื่องข้อมูลที่พูดไม่ตรงกันกับผู้ใหญ่ มันก็ไม่ได้มีผลอะไรมาก เพราะผมไม่ได้พูด จุ๊นเป็นคนพูด ผมกับพี่สมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย)หรือทางผู้ใหญ่ทางช่อง 3 เรารักกัน ทุกคนก็ทำงานด้วยกัน หน้าที่ของเราก็ทำงานให้ดีที่สุด ถามว่าเรื่องจุ๊นส่งผลกระทบต่อดาราคนอื่นๆ ที่จะเข้าช่อง 3 ไหม ก็ไม่มีครับ ไม่มีเลย เมื่อวานผมเพิ่งไปหาพี่สมรักษ์ ก็ไปพูดคุยกันก็ยกหูโทรคุยกันตลอด”
ลั่นไม่เคยฉีกสัญญากับพระเอกหนุ่มสุดฮอต “มาริโอ้ เมาเร่อ” เพราะไม่มีการเซ็นตั้งแต่แรก ทั้งยังยอมรับชอบใช้คำพูดรุนแรงกับเด็กในสังกัด
“ส่วนข่าวที่ว่าผมกับมาริโอ้ฉีกสัญญากัน ไม่เลยครับ ผมกับมาริโอ้ไม่เคยเซ็นสัญญากันเลย ยังยืนยันตามเดิมว่า ยังดูแลกันเหมือนญาติ ไม่เคยมีสัญญาอะไรกัน”
“แล้วเรื่องที่ว่าผมใช้คำรุนแรงกับเด็กในสังกัด คือมันก็ต้องมีบ้างยอมรับ และพูดตรงๆ เลยว่าบางครั้งก็มีคำพูดที่ดุและก็แรง เหมือนเราดูแลลูก บางครั้งถ้ามันทำผิด ถ้าทำผิดครั้ง 1-3 ก็ให้อภัย แต่ครั้งที่ 4 ก็คงต้องตักเตือน ตักเตือนไม่ได้ก็ต้องตี เอากันแบบแมนๆ เลย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ท้าต่อยกันเลย เราไม่ได้คิดอย่างอื่นไปนอกจากว่าให้เขาได้ดี เป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องนอนตื่นสาย เรื่องเกเร ไม่ไปเรียนหนังสือ อย่างค่าเทอมผมก็เป็นคนจ่ายหมดนะ บางคนก็ไม่ได้มีเงิน ส่งเรียนมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ไปเรียน มันก็ต้องมีการตีการตักเตือน พ่อแม่เขาก็ต้องรับรู้ ไม่ใช่เรารับรู้อยู่ฝ่ายเดียว แต่นี่เขาจะเป็นแบบน้องๆ ที่กำลังฝึกหัดให้เป็นนักแสดง”
“ส่วนเรื่องที่ว่ามีคนใกล้ชิดตัวผมเป็นคนปล่อยข่าว ความจริงมันก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ปล่อยข่าวแบบนี้ได้ก็ต้องใกล้ชิดได้ ลูกน้องที่อยู่กับผมทุกวันนี้ มันยังพูดถึงผมลับหลังเลย ยังนินทาเรา แต่ก็ช่างมันเถอะมันพูดถึงก็ยังดีกว่ามันไม่พูดถึง เขาว่าคนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนมาว่าเรา แต่เราก็ต้องทำตัวเองให้ดีที่สุดหนักแน่น”
ปัดทะเลาะเด็กในสังกัดอย่าง “มิ้นท์ ณัฐวรา วงศ์วาสนา” ที่แอบกิ๊กกินกันเองกับ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” ทำให้นางเอกหน้าใหม่ต้องหอบผ้าผ่อนหนีออกจากบ้าน
“ส่วนกรณีน้องมิ้นท์หอบผ้าออกจากบ้าน คือผมมีน้องสาวชื่อแอลเปิดร้านขายยา แอลอยู่คนเดียว ผมก็เลยบอกมิ้นท์ว่าถ้าอย่างนั้นให้ไปอยู่เป็นเพื่อนน้องแอล แอลก็อายุ 30 กว่าแล้ว ก็น่าจะดูแลมิ้นท์ได้ แล้วก็มีแม่บ้านอีกหนึ่งคน น้องมิ้นท์ก็ไปๆ มาๆ กับบ้านผม เพราะบ้านใกล้กัน เรื่องทะเลาะกันไม่มีครับ ตอนที่ป่วยที่เชียงใหม่น้องเขาก็ไปเฝ้าอยู่เหมือนกัน”
“ถามว่าเกี่ยวกับเรื่องกิ๊กกับหมากหรือเปล่า อันนี้ไม่เกี่ยวครับ มิ้นท์กับหมากบอกผมว่าเป็นเพื่อนกัน ผมก็เคยเรียกเขามาถาม ก็เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนกันจริง เราก็เลยช่างเขาเถอะ แต่ไฟกับน้ำมันบางทีมันใกล้กันบ้างก็อาจจะมี แต่เราพยายามทำยังไงที่จะทำให้เขามองเห็นว่า ถ้าเขากิ๊กกันจริงๆ คุณคบกันเป็นแฟน แล้ววันหนึ่งต้องเลิกแต่ยังต้องเล่นละครด้วยกัน แล้วก็มองหน้ากันไม่ติด มันก็จะมีปัญหาตามมา คือผมเห็นมาหมดแล้วก็สอนให้เขาได้รับรู้ แต่เขาจะทำตามหรือไม่ก็อีกเรื่อง”
“มีออกกฎห้ามเด็กรักกันไหม ก็มีนะ เพราะผมก็พูดว่าไม่อยากให้เด็กในสังกัดรักกันเอง เพราะกลัวปัญหาเกิดขึ้น แต่ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ บางทีผมอาจจะห้าม แต่ถ้าเขาจะแอบคบกันมันก็เป็นเรื่องของเขา แต่ผมถือว่าไม่รู้ ถ้ารู้ผมก็แรงใส่เหมือนกัน(หัวเราะ)”
เรื่องย่อละครบริษัทสร้างสุข
เรื่องย่อละครบริษัทสร้างสุข ละครบริษัทสร้างสุข ละครช่อง9
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุขละครบริษัทสร้างสุข บทโทรทัศน์โดย : sea studio
ละครบริษัทสร้างสุข กำกับการแสดงโดย : กรัณย์ คุ้มอนุวงศ์
ละครบริษัทสร้างสุข รูปแบบ : ซีรี่ย์จบในตอน แนวคอมเมดี้
ละครบริษัทสร้างสุข ออกอากาศ : ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 - 21.30 น. ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี
เรื่องย่อละครบริษัทสร้างสุข
นโยบายบริษัทสร้างสุข ความสุขของคุณคือความสุขของเรา แทน (เจ เจตริน) และ พิม(นิโคล เทริโอ) คู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมา 6 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คนคือ น้องนาเดีย (น้องลิซซี่) เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ผู้น่ารักพอ ๆ กับน่าหมั่นไส้ เนื่องจากนาเดียรู้ตัวว่าเรทติ้งดี จึงเอาแต่ใจพอประมาณ
จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่ถูกอิมพอร์ตตรงจากอเมริกามาสั่นสะเทือนเศรษฐกิจไทย กระหน่ำซ้ำด้วยการเล่นกีฬาสีในประเทศ ทำให้ปัญหาที่สาหัสอยู่แล้วกลายเป็นสาหัสมาก แทนถูกให้ออกจากงาน กลายเป็นคนตกงานโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องมาจากการปรับโครงสร้างองค์กร ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในบริษัท
ส่วนพิมแม่บ้านมืออาชีพ ที่ฝันอยากเป็นนักเขียน แต่ความที่พิมไม่ค่อยมีเวลาให้กับการเขียนมากนัก เธอจึงเป็นได้แค่นักฝันหรือเป็นได้แค่นักอยากเขียนมาตลอด แต่ความฝันยังไม่จางหาย ถึงไม่ได้ตีพิมพ์หนังออกมาเป็นเล่มก็เขียนลงเว็บบล็อกแทน
ตะวัน (ตี๋ วิวิศน์) น้องชายคนเดียวของแทน ที่เพิ่งเรียนจบได้ยุยงให้แทนตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง เป็นเจ้านายของตัวเอง โดยตะวันอาสาลงแรงช่วยอย่างเต็มที่ (จริง ๆ คือตะวันหางานไม่ได้ ตะวันรู้ดีว่าพี่ชายมีความคิดสร้างสรรค์มาก มากขนาดที่หลายคนบอกว่าเพี้ยน สำหรับเขาแล้ว พี่ชายไม่ได้เพี้ยน แต่บ้า จึงสนับสนุนพี่ชายให้ทำธุรกิจที่แตกต่าง ด้วยการหันมาออกแบบสร้างความสุขให้กับคนในสังคม
ความคิดเปิดบริษัทดังกล่าวได้รับการเห็นดีเห็นงามจากแทนและพิมอย่างง่ายดาย แทนจึงเปิด บริษัท สร้างสุข ไม่จำกัด ขึ้น เขาหวังว่าบริษัทแห่งนี้จะสามารถสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นในสังคม แม้จะเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ของคนไม่กี่คน พิมวาดหวังไว้ว่าคนไม่กี่คนที่ได้รับความสุขไปนั้นจะสามารถไปสร้างความสุขให้กับคนรอบข้างต่อกันไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ติดตามชม ละครบริษัทสร้างสุข ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30-21.30 น. ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
บริษัทสร้างสุข
ละครบริษัทสร้างสุข กำกับการแสดงโดย : กรัณย์ คุ้มอนุวงศ์
ละครบริษัทสร้างสุข รูปแบบ : ซีรี่ย์จบในตอน แนวคอมเมดี้
ละครบริษัทสร้างสุข ออกอากาศ : ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 - 21.30 น. ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี
เรื่องย่อละครบริษัทสร้างสุข
นโยบายบริษัทสร้างสุข ความสุขของคุณคือความสุขของเรา แทน (เจ เจตริน) และ พิม(นิโคล เทริโอ) คู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมา 6 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คนคือ น้องนาเดีย (น้องลิซซี่) เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ผู้น่ารักพอ ๆ กับน่าหมั่นไส้ เนื่องจากนาเดียรู้ตัวว่าเรทติ้งดี จึงเอาแต่ใจพอประมาณ
จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่ถูกอิมพอร์ตตรงจากอเมริกามาสั่นสะเทือนเศรษฐกิจไทย กระหน่ำซ้ำด้วยการเล่นกีฬาสีในประเทศ ทำให้ปัญหาที่สาหัสอยู่แล้วกลายเป็นสาหัสมาก แทนถูกให้ออกจากงาน กลายเป็นคนตกงานโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องมาจากการปรับโครงสร้างองค์กร ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในบริษัท
ส่วนพิมแม่บ้านมืออาชีพ ที่ฝันอยากเป็นนักเขียน แต่ความที่พิมไม่ค่อยมีเวลาให้กับการเขียนมากนัก เธอจึงเป็นได้แค่นักฝันหรือเป็นได้แค่นักอยากเขียนมาตลอด แต่ความฝันยังไม่จางหาย ถึงไม่ได้ตีพิมพ์หนังออกมาเป็นเล่มก็เขียนลงเว็บบล็อกแทน
ตะวัน (ตี๋ วิวิศน์) น้องชายคนเดียวของแทน ที่เพิ่งเรียนจบได้ยุยงให้แทนตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง เป็นเจ้านายของตัวเอง โดยตะวันอาสาลงแรงช่วยอย่างเต็มที่ (จริง ๆ คือตะวันหางานไม่ได้ ตะวันรู้ดีว่าพี่ชายมีความคิดสร้างสรรค์มาก มากขนาดที่หลายคนบอกว่าเพี้ยน สำหรับเขาแล้ว พี่ชายไม่ได้เพี้ยน แต่บ้า จึงสนับสนุนพี่ชายให้ทำธุรกิจที่แตกต่าง ด้วยการหันมาออกแบบสร้างความสุขให้กับคนในสังคม
ความคิดเปิดบริษัทดังกล่าวได้รับการเห็นดีเห็นงามจากแทนและพิมอย่างง่ายดาย แทนจึงเปิด บริษัท สร้างสุข ไม่จำกัด ขึ้น เขาหวังว่าบริษัทแห่งนี้จะสามารถสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นในสังคม แม้จะเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ของคนไม่กี่คน พิมวาดหวังไว้ว่าคนไม่กี่คนที่ได้รับความสุขไปนั้นจะสามารถไปสร้างความสุขให้กับคนรอบข้างต่อกันไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ติดตามชม ละครบริษัทสร้างสุข ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30-21.30 น. ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี
เรื่องย่อละครสลัดโสดคอมปานี
เรื่องย่อละครสลัดโสดคอมปานี ละครช่อง9
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี บทประพันธ์โดย : ธันเดอร์ ทีม
สลัดโสดคอมปานี บทโทรทัศน์โดย : ธันเดอร์ ทีม
สลัดโสดคอมปานี กำกับการแสดงโดย : ชัชวาลย์ ศาสวัตกลูน
สลัดโสดคอมปานี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 – 15.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
เรื่องย่อละครสลัดโสดคอมปานี
ไม่ใช่กามเทพ ไม่ใช่ลุงหนวด ไม่ใช่เจ๊หงส์คนข้างบ้าน แต่เราคือ สลัดโสด คอมปานี ...ไม่ว่าคุณจะเป็นชายหรือหญิง นางหรือหนุ่มในฝันของคุณจะหล่อ สวย เลิศเลอ เพอร์เฟ็คเพียงใด จะแปลกพิสดารลั่นโลกแค่ไหนขอเพียงแค่คุณโสดและต้องการ...เราจัดให้!
โลกกำหนดให้ทุกชีวิตมีคู่ แต่ในยุคที่สังคมวุ่นวาย ผู้คนสาละวนกับการทำงาน สร้างอนาคต จนหลายคนละเลย ลืมสนใจเรื่องคู่ กว่าจะรู้ตัว เพื่อน ๆ ก็มีแฟนแต่งงานกันไปหมด เหลือแค่ตัวเองที่ยังกอดคานเหนียวแน่นอยู่ ถ้าคุณเป็นเช่นนั้น เราขอแนะนำ สลัดโสด คอมปานี บริษัทจัดหาคู่รูปแบบใหม่ แนวคิดใหม่ ที่พร้อมให้บริการ เลือกเฟ้น คัดสรรและจัดหาคู่ให้ตามแต่ใจคุณปรารถนา
ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับหนุ่มหล่อซึ่งเป็นทั้งเจ้าของไอเดียและเป็นหัวเรือใหญ่ ตำแหน่งโปรโมเตอร์ (ดูแลและจับคู่ให้กับลูกค้าทุกคน) หนึ่งเดียวในบริษัท สลัดโสด คอมปานี เขาชื่อ ปืน (ภัทรพล ศิลปาจารย)์ หนุ่มโสด หล่อ จอมกระล่อน เจ้าคารม ผู้ริเริ่มและก่อตั้งบริษัทฯ โดยมี สมชาย (ค่อม ชวนชื่น) เพื่อนรุ่นพี่คนสนิทที่เชื่อมือและไว้ใจในความสามารถของปืนเป็นหุ้นส่วน แม้จะแปลกใหม่ในสังคม หลายคนมองว่าเป็นธุรกิจเพี้ยน ๆ แต่ด้วยความตั้งใจและเชื่อในสิ่งที่ทำ ปืนจึงพร้อมจะทุ่มเท เรียนถูกเรียนผิด ฟูมฟัก ประคับประคองจนบริษัทเติบโตอย่างมีแนวทางของตัวเอง และประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงามในวันนี้
จนกระทั่งได้พบกับลูกค้าสาวคนล่าสุดชื่อ ปาย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล หรือ กรีน AF5) ปายเป็นสาวม้งต้องการหาคู่เพื่อมีหลานให้พ่อ แต่เธอดันอุตริสนใจในตัวปืน อยากได้ปืนเป็นคู่ เธอตามตื้อวุ่นวายกับปืนจนวุ่นวายกันไปทั้งบริษัท สุดท้ายความจริงเปิดเผย ที่แท้ปายคือสาวสวยนักเรียนนอก น้องสาวแท้ ๆ ของสมชายที่ปลอมตัวมา เพื่อเรียนรู้ระบบงานในบริษัทฯ นั่นเอง...ด้วยธุรกิจนับสิบที่ร่วมหุ้น ทำให้สมชายไม่มีเวลาพอมาดูแลกิจการ จึงส่ง มินาตราซึ่งเป็นน้องสาวสุดที่รักของเขาเพิ่งเรียนจบปริญญาโทฯ สาขาจิตวิทยาจากเมืองนอกมาหมาด ๆ เข้ามาเป็นสายสืบ ทำงานในสลัดโสด คอมปานี ในตำแหน่งโปรโมเตอร์ แต่ปายต้องการศึกษารูปแบบของบริษัท และเรียนรู้ระบบการทำงานของปืนก่อน สมชายจึงวางแผนให้ปายปลอมตัวเข้ามาเป็นลูกค้าจอมป่วนของปืนนั่นเอง
งานนี้ทำให้ปืนตั้งป้อมวางตัวเป็นคู่ปรับกับปายตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากปืนซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในสลัดโสด คอมปานี ปายยังต้องทำความรู้จักกับพนักงานในบริษัทฯ อีกมากมาย ทั้งเลขาเหมียว (เมย์ เฟื่องอารมย์) สุดเซ็กซี่,ไลล่า (มอริส เค) สไตลิสต์มาดแมนแต่ใจหญิง, จ๊อด (แจ๊ค เชิญยิ้ม), ยักษ์ (เอ๋ เชิญยิ้ม) สองครีเอทีฟสติเฟื่องที่สร้างแต่เรื่องฮาตลอดวัน ยังไม่รวมตาหวาน (สาลิณี ดอกกระโดน) แม่บ้านตัวป่วน แต่ละคนล้วนแล้วแต่ซี๊ดซ๊าด ถึงใจแทบทั้งนั้น...
เท่านั้นยังไม่พอ ข้าง ๆ บริษัทฯ ยังมี แพท คาเฟ่ ร้านกาแฟขาประจำ ซึ่งเป็นที่พักใจของเหล่าพนักงานทุกคน เจ้าของร้านเป็นหนุ่มหล่อมาดนุ่มอบอุ่นชื่อ แพท (ณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์ หรือ ปาล์ม จากเวที สตาร์ เซิร์ท) เพื่อนสนิทของปืนตั้งแต่สมัยเรียน แพทถูกชะตากับปายตั้งแต่แรกพบ ในแพท คาเฟ่ ยังมีอีก 2 ชีวิตที่อยู่ประจำร้านฯ นั่นคือ ถัง (บอล เชิญยิ้ม) พนักงานเสิร์ฟจอมโวยวาย กับ ฟุ้ง (จีรนันท์ ปรีดากุล) เด็กเสิร์ฟสาวที่มีความฝันว่าจะเป็นไอดอลศิลปินเกาหลี ปายเริ่มต้นงานโปรโมเตอร์ในสลัดโสด คอมปานี ได้เจอะเจอกับลูกค้าชายหญิงร้อยพ่อพันแม่ ทั้งหนุ่มสาวจนถึงแก่เฒ่าชรากับความต้องการมีคู่ในรูปแบบต่าง ๆ มีตั้งแต่ฮาแตก สนุกสนาน ตื่นเต้น ระทึกใจ จนถึงขั้นรันทด ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนชีวิตจริงของผู้คนหลากหลายในสังคมยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
นอกจากตัวงานที่ต้องรับผิดชอบ ปายยังต้องวุ่นวายปวดขมับกับเพื่อน ๆ พนักงานแต่ละคนที่สร้างปัญหากันได้ไม่หยุดไม่หย่อน มิหนำซ้ำยังมีปืนคอยป่วนอีกตะหาก กับคนทั่วไป ปืนคือสุภาพบุรุษในฝัน แต่กับปาย เขากลับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อยากลองดี อยากเอาชนะ บ่อยครั้งที่เขาใช้ความเป็นซีเนียร์หาเรื่องกลั่นแกล้งปาย (แบบขำ ๆ) แต่ถึงปายจะเป็นรอง อ่อนประสบการณ์กว่า แต่ความแสบของเธอไม่เคยเป็นรองใคร เธอรับมือและเอาคืนปืนได้อย่างถึงพริกถึงขิง ผิดกับแพท ซึ่งนับวันก็ยิ่งถูกชะตากับปาย ซึ่งปายเองก็ถูกชะตากับแพทเป็นอย่างดี แต่ปายไม่เคยรับรู้เลยว่าแพทรู้สึกกับเธอมากกว่าเพื่อน แพทรักปาย แต่ปิดบัง ไม่กล้าเปิดเผยให้ใครรู้...แต่ปืนรู้!!!
จากที่ต้องร่วมงานกับปาย และจากการที่วางตัวเป็นคู่ปรับกับปายมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ คือ นอกจากการได้ช่วยเหลือร่วมมือกันในเรื่องงานแล้ว ต่างคนยังต่างได้รู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายมากขึ้นไปด้วย ขณะที่ปายยังไม่มีท่าทีใด ๆ แต่ปืนซะอีก ถึงปากจะแข็ง ฟอร์มจะจัด แต่ลึก ๆ ปืนเองก็ได้รู้ตัวในที่สุดว่า ที่เขาปฏิบัติกับปายไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ เป็นเพราะเขารู้สึกพิเศษกับปาย จนสุดท้ายเขาก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าเขาได้หลงรักปายเข้าไปแล้วนั่นเอง จนเมื่อมารู้ แพทเพื่อนซี้แอบรักปาย รักสามเส้าจึงเกิดขึ้น ณ บัดดล
แค่สามยังน้อยไป จะให้ถึงใจต้องมีสี่ เพราะน้องนุชสุดท้องของบริษัทฯอย่างจิ๊บจิ๊บ (สโรชา ตันจรารักษ์) เกิดหลงรักแพท...รักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ เธอใช้ความเป็นน้องเข้าหาแพทแบบน้องสาวกับพี่ชาย โดยไม่มีใครรู้เลยว่าเธอรู้สึกกับแพทเกินพี่ชาย ทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยสีสันและปัญหา กับความรักสี่เส้าของสองหนุ่มกับสองสาวที่ก่อตัวขึ้นในรูปแบบที่ต่างกัน ปืนรักปายด้วยการแสร้งหาเรื่องเอาชนะ แพทรักปายด้วยการเป็นเพื่อนที่ดีและอบอุ่น น้องนุชรักแพทด้วยการทำตัวเป็นน้องสาวที่น่ารัก ส่วนปายจะเลือกใคร หรือจะไม่เลือกใครเลย...นอกจากตัวเธอแล้ว ไม่มีใครรู้....
...นั่นคือที่มาของ สลัดโสด คอมปานี เรื่องราวสนุกสนานของเหล่าคนทำงานหลากสีสัน กับความรักหลายรูปแบบ ที่สอดผสานกันได้อย่างกลมกล่อม อบอวล ซาบซึ้ง ฮาป่วน วุ่นวาย และโกลาหลแบบไม่รู้จบ !!!! คอยติดตามชมละครเรื่อง สลัดโสด คอมปานี ได้ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 – 15.00 น.
รายชื่อนักแสดงในละคร สลัดโสดคอมปานี
ภัทรพล ศิลปาจารย์ รับบท ปืน ในละคร สลัดโสดคอมปานี
อัษฏาพร สิริวัฒน์ธนกุล (กรีน เอเอฟ 5) รับบท ปาย ในละคร สลัดโสดคอมปานี
ณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์ รับบท แพท ในละคร สลัดโสดคอมปานี
สโรชา ตันจรารักษ์ รับบท จิ๊บจิ๊บ ในละคร สลัดโสดคอมปานี
เมย์ เฟื่องอารมย์ รับบท เหมียว ในละคร สลัดโสดคอมปานี
ค่อม ชวนชื่น รับบท สมชาย ในละคร สลัดโสดคอมปานี
มอริส เค รับบท ไลล่า ในละคร สลัดโสดคอมปานี
บอล เชิญยิ้ม รับบท ถัง ในละคร สลัดโสดคอมปานี
เอ๋ เชิญยิ้ม รับบท ยักษ์ ในละคร สลัดโสดคอมปานี
แจ๊ค เชิญยิ้ม รับบท จ๊อด ในละคร สลัดโสดคอมปานี
สาลิณี ดอกกระโดน รับบท ตาหวาน ในละคร สลัดโสดคอมปานี
จีรนันท์ ปรีดากุล รับบท ฟุ้ง ในละคร สลัดโสดคอมปานี
ร่วมด้วยนักแสดงสมทบอีกคับคั่งในละคร สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี
สลัดโสดคอมปานี บทโทรทัศน์โดย : ธันเดอร์ ทีม
สลัดโสดคอมปานี กำกับการแสดงโดย : ชัชวาลย์ ศาสวัตกลูน
สลัดโสดคอมปานี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 – 15.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
เรื่องย่อละครสลัดโสดคอมปานี
ไม่ใช่กามเทพ ไม่ใช่ลุงหนวด ไม่ใช่เจ๊หงส์คนข้างบ้าน แต่เราคือ สลัดโสด คอมปานี ...ไม่ว่าคุณจะเป็นชายหรือหญิง นางหรือหนุ่มในฝันของคุณจะหล่อ สวย เลิศเลอ เพอร์เฟ็คเพียงใด จะแปลกพิสดารลั่นโลกแค่ไหนขอเพียงแค่คุณโสดและต้องการ...เราจัดให้!
โลกกำหนดให้ทุกชีวิตมีคู่ แต่ในยุคที่สังคมวุ่นวาย ผู้คนสาละวนกับการทำงาน สร้างอนาคต จนหลายคนละเลย ลืมสนใจเรื่องคู่ กว่าจะรู้ตัว เพื่อน ๆ ก็มีแฟนแต่งงานกันไปหมด เหลือแค่ตัวเองที่ยังกอดคานเหนียวแน่นอยู่ ถ้าคุณเป็นเช่นนั้น เราขอแนะนำ สลัดโสด คอมปานี บริษัทจัดหาคู่รูปแบบใหม่ แนวคิดใหม่ ที่พร้อมให้บริการ เลือกเฟ้น คัดสรรและจัดหาคู่ให้ตามแต่ใจคุณปรารถนา
ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับหนุ่มหล่อซึ่งเป็นทั้งเจ้าของไอเดียและเป็นหัวเรือใหญ่ ตำแหน่งโปรโมเตอร์ (ดูแลและจับคู่ให้กับลูกค้าทุกคน) หนึ่งเดียวในบริษัท สลัดโสด คอมปานี เขาชื่อ ปืน (ภัทรพล ศิลปาจารย)์ หนุ่มโสด หล่อ จอมกระล่อน เจ้าคารม ผู้ริเริ่มและก่อตั้งบริษัทฯ โดยมี สมชาย (ค่อม ชวนชื่น) เพื่อนรุ่นพี่คนสนิทที่เชื่อมือและไว้ใจในความสามารถของปืนเป็นหุ้นส่วน แม้จะแปลกใหม่ในสังคม หลายคนมองว่าเป็นธุรกิจเพี้ยน ๆ แต่ด้วยความตั้งใจและเชื่อในสิ่งที่ทำ ปืนจึงพร้อมจะทุ่มเท เรียนถูกเรียนผิด ฟูมฟัก ประคับประคองจนบริษัทเติบโตอย่างมีแนวทางของตัวเอง และประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงามในวันนี้
จนกระทั่งได้พบกับลูกค้าสาวคนล่าสุดชื่อ ปาย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล หรือ กรีน AF5) ปายเป็นสาวม้งต้องการหาคู่เพื่อมีหลานให้พ่อ แต่เธอดันอุตริสนใจในตัวปืน อยากได้ปืนเป็นคู่ เธอตามตื้อวุ่นวายกับปืนจนวุ่นวายกันไปทั้งบริษัท สุดท้ายความจริงเปิดเผย ที่แท้ปายคือสาวสวยนักเรียนนอก น้องสาวแท้ ๆ ของสมชายที่ปลอมตัวมา เพื่อเรียนรู้ระบบงานในบริษัทฯ นั่นเอง...ด้วยธุรกิจนับสิบที่ร่วมหุ้น ทำให้สมชายไม่มีเวลาพอมาดูแลกิจการ จึงส่ง มินาตราซึ่งเป็นน้องสาวสุดที่รักของเขาเพิ่งเรียนจบปริญญาโทฯ สาขาจิตวิทยาจากเมืองนอกมาหมาด ๆ เข้ามาเป็นสายสืบ ทำงานในสลัดโสด คอมปานี ในตำแหน่งโปรโมเตอร์ แต่ปายต้องการศึกษารูปแบบของบริษัท และเรียนรู้ระบบการทำงานของปืนก่อน สมชายจึงวางแผนให้ปายปลอมตัวเข้ามาเป็นลูกค้าจอมป่วนของปืนนั่นเอง
งานนี้ทำให้ปืนตั้งป้อมวางตัวเป็นคู่ปรับกับปายตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากปืนซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในสลัดโสด คอมปานี ปายยังต้องทำความรู้จักกับพนักงานในบริษัทฯ อีกมากมาย ทั้งเลขาเหมียว (เมย์ เฟื่องอารมย์) สุดเซ็กซี่,ไลล่า (มอริส เค) สไตลิสต์มาดแมนแต่ใจหญิง, จ๊อด (แจ๊ค เชิญยิ้ม), ยักษ์ (เอ๋ เชิญยิ้ม) สองครีเอทีฟสติเฟื่องที่สร้างแต่เรื่องฮาตลอดวัน ยังไม่รวมตาหวาน (สาลิณี ดอกกระโดน) แม่บ้านตัวป่วน แต่ละคนล้วนแล้วแต่ซี๊ดซ๊าด ถึงใจแทบทั้งนั้น...
เท่านั้นยังไม่พอ ข้าง ๆ บริษัทฯ ยังมี แพท คาเฟ่ ร้านกาแฟขาประจำ ซึ่งเป็นที่พักใจของเหล่าพนักงานทุกคน เจ้าของร้านเป็นหนุ่มหล่อมาดนุ่มอบอุ่นชื่อ แพท (ณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์ หรือ ปาล์ม จากเวที สตาร์ เซิร์ท) เพื่อนสนิทของปืนตั้งแต่สมัยเรียน แพทถูกชะตากับปายตั้งแต่แรกพบ ในแพท คาเฟ่ ยังมีอีก 2 ชีวิตที่อยู่ประจำร้านฯ นั่นคือ ถัง (บอล เชิญยิ้ม) พนักงานเสิร์ฟจอมโวยวาย กับ ฟุ้ง (จีรนันท์ ปรีดากุล) เด็กเสิร์ฟสาวที่มีความฝันว่าจะเป็นไอดอลศิลปินเกาหลี ปายเริ่มต้นงานโปรโมเตอร์ในสลัดโสด คอมปานี ได้เจอะเจอกับลูกค้าชายหญิงร้อยพ่อพันแม่ ทั้งหนุ่มสาวจนถึงแก่เฒ่าชรากับความต้องการมีคู่ในรูปแบบต่าง ๆ มีตั้งแต่ฮาแตก สนุกสนาน ตื่นเต้น ระทึกใจ จนถึงขั้นรันทด ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนชีวิตจริงของผู้คนหลากหลายในสังคมยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
นอกจากตัวงานที่ต้องรับผิดชอบ ปายยังต้องวุ่นวายปวดขมับกับเพื่อน ๆ พนักงานแต่ละคนที่สร้างปัญหากันได้ไม่หยุดไม่หย่อน มิหนำซ้ำยังมีปืนคอยป่วนอีกตะหาก กับคนทั่วไป ปืนคือสุภาพบุรุษในฝัน แต่กับปาย เขากลับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อยากลองดี อยากเอาชนะ บ่อยครั้งที่เขาใช้ความเป็นซีเนียร์หาเรื่องกลั่นแกล้งปาย (แบบขำ ๆ) แต่ถึงปายจะเป็นรอง อ่อนประสบการณ์กว่า แต่ความแสบของเธอไม่เคยเป็นรองใคร เธอรับมือและเอาคืนปืนได้อย่างถึงพริกถึงขิง ผิดกับแพท ซึ่งนับวันก็ยิ่งถูกชะตากับปาย ซึ่งปายเองก็ถูกชะตากับแพทเป็นอย่างดี แต่ปายไม่เคยรับรู้เลยว่าแพทรู้สึกกับเธอมากกว่าเพื่อน แพทรักปาย แต่ปิดบัง ไม่กล้าเปิดเผยให้ใครรู้...แต่ปืนรู้!!!
จากที่ต้องร่วมงานกับปาย และจากการที่วางตัวเป็นคู่ปรับกับปายมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ คือ นอกจากการได้ช่วยเหลือร่วมมือกันในเรื่องงานแล้ว ต่างคนยังต่างได้รู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายมากขึ้นไปด้วย ขณะที่ปายยังไม่มีท่าทีใด ๆ แต่ปืนซะอีก ถึงปากจะแข็ง ฟอร์มจะจัด แต่ลึก ๆ ปืนเองก็ได้รู้ตัวในที่สุดว่า ที่เขาปฏิบัติกับปายไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ เป็นเพราะเขารู้สึกพิเศษกับปาย จนสุดท้ายเขาก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าเขาได้หลงรักปายเข้าไปแล้วนั่นเอง จนเมื่อมารู้ แพทเพื่อนซี้แอบรักปาย รักสามเส้าจึงเกิดขึ้น ณ บัดดล
แค่สามยังน้อยไป จะให้ถึงใจต้องมีสี่ เพราะน้องนุชสุดท้องของบริษัทฯอย่างจิ๊บจิ๊บ (สโรชา ตันจรารักษ์) เกิดหลงรักแพท...รักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ เธอใช้ความเป็นน้องเข้าหาแพทแบบน้องสาวกับพี่ชาย โดยไม่มีใครรู้เลยว่าเธอรู้สึกกับแพทเกินพี่ชาย ทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยสีสันและปัญหา กับความรักสี่เส้าของสองหนุ่มกับสองสาวที่ก่อตัวขึ้นในรูปแบบที่ต่างกัน ปืนรักปายด้วยการแสร้งหาเรื่องเอาชนะ แพทรักปายด้วยการเป็นเพื่อนที่ดีและอบอุ่น น้องนุชรักแพทด้วยการทำตัวเป็นน้องสาวที่น่ารัก ส่วนปายจะเลือกใคร หรือจะไม่เลือกใครเลย...นอกจากตัวเธอแล้ว ไม่มีใครรู้....
...นั่นคือที่มาของ สลัดโสด คอมปานี เรื่องราวสนุกสนานของเหล่าคนทำงานหลากสีสัน กับความรักหลายรูปแบบ ที่สอดผสานกันได้อย่างกลมกล่อม อบอวล ซาบซึ้ง ฮาป่วน วุ่นวาย และโกลาหลแบบไม่รู้จบ !!!! คอยติดตามชมละครเรื่อง สลัดโสด คอมปานี ได้ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 – 15.00 น.
รายชื่อนักแสดงในละคร สลัดโสดคอมปานี
ภัทรพล ศิลปาจารย์ รับบท ปืน ในละคร สลัดโสดคอมปานี
อัษฏาพร สิริวัฒน์ธนกุล (กรีน เอเอฟ 5) รับบท ปาย ในละคร สลัดโสดคอมปานี
ณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์ รับบท แพท ในละคร สลัดโสดคอมปานี
สโรชา ตันจรารักษ์ รับบท จิ๊บจิ๊บ ในละคร สลัดโสดคอมปานี
เมย์ เฟื่องอารมย์ รับบท เหมียว ในละคร สลัดโสดคอมปานี
ค่อม ชวนชื่น รับบท สมชาย ในละคร สลัดโสดคอมปานี
มอริส เค รับบท ไลล่า ในละคร สลัดโสดคอมปานี
บอล เชิญยิ้ม รับบท ถัง ในละคร สลัดโสดคอมปานี
เอ๋ เชิญยิ้ม รับบท ยักษ์ ในละคร สลัดโสดคอมปานี
แจ๊ค เชิญยิ้ม รับบท จ๊อด ในละคร สลัดโสดคอมปานี
สาลิณี ดอกกระโดน รับบท ตาหวาน ในละคร สลัดโสดคอมปานี
จีรนันท์ ปรีดากุล รับบท ฟุ้ง ในละคร สลัดโสดคอมปานี
ร่วมด้วยนักแสดงสมทบอีกคับคั่งในละคร สลัดโสดคอมปานี
เรื่องย่อละครวุ่นนักรักข้างตลาด
เรื่องย่อละครวุ่นนักรักข้างตลาด ละครช่อง9
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด แนวละคร : โรแมนติกคอมเมดี้
วุ่นนักรักข้างตลาด สร้างจากบทประพันธ์เรื่อง วุ่นนักรักเฉพาะกิจ
วุ่นนักรักข้างตลาด บทโทรทัศน์โดย : Sea Studio
วุ่นนักรักข้างตลาด กำกับการแสดงโดย : ทิวา เมยไธสง
วุ่นนักรักข้างตลาด ดำเนินงานสร้างโดย : บริษัท ไอเดีย เพาเวอร์ จำกัด
วุ่นนักรักข้างตลาด ออกอากาศทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00 – 15.00 น.
เรื่องราวของหนุ่มสาวผู้มีความฝัน และพร้อมจะฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อสร้างฝันให้เป็นจริงบนพื้นฐานแห่ง วิถี "พอเพียง" ภายใต้เรื่องราววุ่น ๆ ของ "ความรัก"
เรื่องย่อละครวุ่นนักรักข้างตลาด
นิพัท (อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม) ลูกชายของ คุณนายดุจดาว (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) เจ้าของตลาดที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเค็ม เป็นที่หมายปองของสาว ๆ เพราะนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อนาคตไกล นิพัทหมั้นกับ มณีริสา(มนัญญา ลิ้มเสถียร) ลูกสาวเสี่ยเล้ง (จิรศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ) นักธุรกิจห้างสรรพสินค้า ตามความต้องการของคุณนายดุจดาว ซึ่งมณีริสาเองก็มีใจให้นิพัท เธอเรียนบริหารธุรกิจปีสุดท้าย โดยมี สรกฤต (วิวิศน์ บวรกีรติขจร) เป็นเพื่อนสนิท แพรวา หรือแพร (ศุภรดา เต็มปรีชา) สาวน้อยนักฝัน ที่มักคิดเสมอว่าชีวิตคงจะเหมือนในละครหรือนิยาย และเฝ้ารอว่าจะมีชายในฝันผู้สูงศักดิ์มาพบรักกับสาวน้อยลูกแม่ค้าอย่างเธอ
แพรอยู่กับ แม่แก้ว หรือ แก้วตา (สุปราณี เจริญผล) ขายอาหารตามสั่งและข้าวต้มโต้รุ่ง โดยมี สรกฤต หนุ่มตี๋ข้างบ้านลูกชาย แปะยิ้ม (วิสรรค์ ฉัตรรังสิกุล) เจ้าของเขียงหมูในตลาด คอยดูแลสารพัด สรกฤตมีใจให้แพร โดยที่แพรไม่รู้ตัว คิดเพียงว่าสรกฤตเป็นพี่ชายที่แสนดี
แพรได้เจอกับนิพัท และคิดว่านิพัทเป็นผู้ชายในฝันของเธอ นิพัทเองก็มีใจให้กับแพรไม่น้อย แต่ก็เกรงใจผู้เป็นแม่ และมณีริสา ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ดี เพียบพร้อม คอยเอาอกเอาใจดูแลสารพัดอย่าง จนบางครั้งเขาก็รู้สึกละอายใจ เพราะลึก ๆ แล้วนิพัทยังไม่ได้คิดอะไรกับมณีริสา สรกฤตรู้ว่าแพรปลื้มนิพัทก็เสียใจ แต่ยังทำตัวให้เป็นพี่ชายที่แสนดีต่อไป เพราะรู้ตัวดีว่าไม่มีอะไรจะไปสู้นิพัทได้เลย
กวิน (สุขพัฒน์ โลห์วัชรินทร์) เพื่อนในกลุ่มแอบหลงรักมณีริสา และให้สรกฤตช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่มณีริสาบอกว่าเธอมีคู่หมายแล้ว เมื่อรู้เรื่องมณีริสากับนิพัท สรกฤตเริ่มเป็นห่วงแพรวา
คุณนายดุจดาวจะยกเลิกตลาดสด เพื่อร่วมหุ้นทำห้างสรรพสินค้ากับเสี่ยเล้ง ชาวตลาดรู้ข่าวจึงประท้วงคุณนายดุจดาวขนานใหญ่ ถึงขนาดบุกจะถล่มบ้านคุณนาย จนนิพัทต้องมาคลี่คลายสถานการณ์และคุยกับแม่และเสี่ยเล้งจนยกเลิกโครงการสร้างห้างสรรพสินค้า จากเหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้มณีริสาปลื้มนิพัทมากขึ้น
นิพัทนัดเที่ยวกับแพรวาพร้อมกับสารภาพรักกับเธอ แพรเล่าให้สรกฤตฟัง สรกฤตไม่พอใจที่นิพัทจับปลาสองมือ เพราะคนนึงก็คนรักคนนึงก็เพื่อนสนิท จึงมาต่อว่านิพัท ทั้งคู่เลยทะเลาะกัน
คุณนายดุจดาวจัดงานเลี้ยงวันเกิด ครบรอบ 50 ปี เธอเปิดตัวมณีริสาอย่างเป็นทางการในฐานะว่าที่สะใภ้ แต่นิพัทก็ยังวนเวียนกับแพรและอธิบายว่าเมื่อถึงเวลาเขาจะบอกกับแม่ของเขาเองขอให้แพรอดทน
สรกฤตตัดสินใจเดินตามฝันของตัวเอง ด้วยการทำฟาร์มหมูอนามัยที่ต่างจังหวัด ทำให้สรกฤตกับแพรเริ่มห่างกันมากขึ้น เมื่อสรกฤตไม่อยู่แพรเองก็รู้สึกเหงา ว้าเหว่ และกลายเป็นคนเงียบขรึม จนแม่แก้วเป็นห่วงและเตือนสติลูกสาวว่าชีวิตคนเราไม่ได้เหมือนในละคร อยากให้แพรมองโลกตามความเป็นจริงแล้วจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ต้องการใคร
กิจการของสรกฤต เป็นไปด้วยดี จึงรับป๊ามาอยู่ด้วย ยิ่งทำให้แพรวาและสรกฤตห่างกันมากขึ้น แต่ความห่างกับทำให้แพรวาชัดเจนในความรู้สึกมากขึ้น เมื่อเรียนจบเธอรีบตามไปของานสรกฤตที่ฟาร์ม แต่สรกฤตกลับไล่ให้ไปทำงานที่กรุงเทพ เพราะกลัวว่ายิ่งแพรวาอยู่ใกล้เขาก็จะยิ่งตัดใจไม่ได้ แพรวาน้อยใจมาก คิดว่าสรกฤตมีใจให้ อุษณีย์ (เอลิกา พลอยอัมพร) และกลัวอุษณีย์เข้าใจผิดจึงไม่ให้แพรวาทำงานด้วย
สรกฤตฝากให้แพรวาทำงานกับมณีริสา นิพัทและแพรวามีโอกาสปรับความเข้าใจกันว่าต่างคนต่างเห็นว่าอีกคนเป็นพี่น้อง ไม่ได้คิดไปมากกว่านั้น แต่มณีริสาได้ยินไม่หมดและเข้าใจเรื่องว่าทั้งคู่บอกรักกัน มณีริสาโกรธนิพัท จึงเริ่มทำตัวสนิทสนมกับกวิน ทำให้นิพัท เริ่มเข้าใจความรู้สึกที่เขามีต่อมณีริสาชัดเจน ก็เมื่อวันที่เขากำลังจะเสียเธอไป
ชาวตลาดรวมทั้งแก้วตากับแพรไปเยี่ยมแปะยิ้มซึ่งไม่สบายที่ฟาร์ม แพรเห็นความสัมพันธ์ของสรกฤตกับอุษณีย์ ก็เริ่มสับสนและน้อยใจมากขึ้น นิพัทเริ่มรู้ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมณีริสา จึงตามง้อเธอ แต่ก็มีกวินที่คอยขัดขวางตลอด ความรักของทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด ออกอากาศทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00 – 15.00 น. วุ่นนักรักข้างตลาด เริ่มตอนแรกวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2553
รายชื่อนักแสดงนำในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม (แบงค์ Black Vanilla) รับบทเป็น นิพัท ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
มนัญญา ลิ้มเสถียร (เบลล์ Girly Berry) รับบทเป็น มณีริสา ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
วิวิศน์ บวรกีรติขจร (ตี๋ AF4) รับบทเป็น สรกฤต หรือ กิจ ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
ศุภรดา เต็มปรีชา (พะแพง AF4) รับบทเป็น แพรวา หรือ แพร ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
เอลิกา พลอยอัมพร (บลู) รับบทเป็น อุษณีย์ หรือ อ้อย ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
สุขพัฒน์ โลห์วัชรินทร์ (ปุ้ย) รับบทเป็น กวิน ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ (จิ๊ก) รับบทเป็น คุณนายดุจดาว ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
สุปราณี เจริญผล (ไก่) รับบทเป็น แก้วตา ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
จิรศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ รับบทเป็น เสี่ยเล้ง ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
วิสรรค์ ฉัตรรังสิกุล (เคน) รับบทเป็น แปะยิ้ม ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด
วุ่นนักรักข้างตลาด สร้างจากบทประพันธ์เรื่อง วุ่นนักรักเฉพาะกิจ
วุ่นนักรักข้างตลาด บทโทรทัศน์โดย : Sea Studio
วุ่นนักรักข้างตลาด กำกับการแสดงโดย : ทิวา เมยไธสง
วุ่นนักรักข้างตลาด ดำเนินงานสร้างโดย : บริษัท ไอเดีย เพาเวอร์ จำกัด
วุ่นนักรักข้างตลาด ออกอากาศทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00 – 15.00 น.
เรื่องราวของหนุ่มสาวผู้มีความฝัน และพร้อมจะฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อสร้างฝันให้เป็นจริงบนพื้นฐานแห่ง วิถี "พอเพียง" ภายใต้เรื่องราววุ่น ๆ ของ "ความรัก"
เรื่องย่อละครวุ่นนักรักข้างตลาด
นิพัท (อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม) ลูกชายของ คุณนายดุจดาว (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) เจ้าของตลาดที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเค็ม เป็นที่หมายปองของสาว ๆ เพราะนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อนาคตไกล นิพัทหมั้นกับ มณีริสา(มนัญญา ลิ้มเสถียร) ลูกสาวเสี่ยเล้ง (จิรศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ) นักธุรกิจห้างสรรพสินค้า ตามความต้องการของคุณนายดุจดาว ซึ่งมณีริสาเองก็มีใจให้นิพัท เธอเรียนบริหารธุรกิจปีสุดท้าย โดยมี สรกฤต (วิวิศน์ บวรกีรติขจร) เป็นเพื่อนสนิท แพรวา หรือแพร (ศุภรดา เต็มปรีชา) สาวน้อยนักฝัน ที่มักคิดเสมอว่าชีวิตคงจะเหมือนในละครหรือนิยาย และเฝ้ารอว่าจะมีชายในฝันผู้สูงศักดิ์มาพบรักกับสาวน้อยลูกแม่ค้าอย่างเธอ
แพรอยู่กับ แม่แก้ว หรือ แก้วตา (สุปราณี เจริญผล) ขายอาหารตามสั่งและข้าวต้มโต้รุ่ง โดยมี สรกฤต หนุ่มตี๋ข้างบ้านลูกชาย แปะยิ้ม (วิสรรค์ ฉัตรรังสิกุล) เจ้าของเขียงหมูในตลาด คอยดูแลสารพัด สรกฤตมีใจให้แพร โดยที่แพรไม่รู้ตัว คิดเพียงว่าสรกฤตเป็นพี่ชายที่แสนดี
แพรได้เจอกับนิพัท และคิดว่านิพัทเป็นผู้ชายในฝันของเธอ นิพัทเองก็มีใจให้กับแพรไม่น้อย แต่ก็เกรงใจผู้เป็นแม่ และมณีริสา ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ดี เพียบพร้อม คอยเอาอกเอาใจดูแลสารพัดอย่าง จนบางครั้งเขาก็รู้สึกละอายใจ เพราะลึก ๆ แล้วนิพัทยังไม่ได้คิดอะไรกับมณีริสา สรกฤตรู้ว่าแพรปลื้มนิพัทก็เสียใจ แต่ยังทำตัวให้เป็นพี่ชายที่แสนดีต่อไป เพราะรู้ตัวดีว่าไม่มีอะไรจะไปสู้นิพัทได้เลย
กวิน (สุขพัฒน์ โลห์วัชรินทร์) เพื่อนในกลุ่มแอบหลงรักมณีริสา และให้สรกฤตช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่มณีริสาบอกว่าเธอมีคู่หมายแล้ว เมื่อรู้เรื่องมณีริสากับนิพัท สรกฤตเริ่มเป็นห่วงแพรวา
คุณนายดุจดาวจะยกเลิกตลาดสด เพื่อร่วมหุ้นทำห้างสรรพสินค้ากับเสี่ยเล้ง ชาวตลาดรู้ข่าวจึงประท้วงคุณนายดุจดาวขนานใหญ่ ถึงขนาดบุกจะถล่มบ้านคุณนาย จนนิพัทต้องมาคลี่คลายสถานการณ์และคุยกับแม่และเสี่ยเล้งจนยกเลิกโครงการสร้างห้างสรรพสินค้า จากเหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้มณีริสาปลื้มนิพัทมากขึ้น
นิพัทนัดเที่ยวกับแพรวาพร้อมกับสารภาพรักกับเธอ แพรเล่าให้สรกฤตฟัง สรกฤตไม่พอใจที่นิพัทจับปลาสองมือ เพราะคนนึงก็คนรักคนนึงก็เพื่อนสนิท จึงมาต่อว่านิพัท ทั้งคู่เลยทะเลาะกัน
คุณนายดุจดาวจัดงานเลี้ยงวันเกิด ครบรอบ 50 ปี เธอเปิดตัวมณีริสาอย่างเป็นทางการในฐานะว่าที่สะใภ้ แต่นิพัทก็ยังวนเวียนกับแพรและอธิบายว่าเมื่อถึงเวลาเขาจะบอกกับแม่ของเขาเองขอให้แพรอดทน
สรกฤตตัดสินใจเดินตามฝันของตัวเอง ด้วยการทำฟาร์มหมูอนามัยที่ต่างจังหวัด ทำให้สรกฤตกับแพรเริ่มห่างกันมากขึ้น เมื่อสรกฤตไม่อยู่แพรเองก็รู้สึกเหงา ว้าเหว่ และกลายเป็นคนเงียบขรึม จนแม่แก้วเป็นห่วงและเตือนสติลูกสาวว่าชีวิตคนเราไม่ได้เหมือนในละคร อยากให้แพรมองโลกตามความเป็นจริงแล้วจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ต้องการใคร
กิจการของสรกฤต เป็นไปด้วยดี จึงรับป๊ามาอยู่ด้วย ยิ่งทำให้แพรวาและสรกฤตห่างกันมากขึ้น แต่ความห่างกับทำให้แพรวาชัดเจนในความรู้สึกมากขึ้น เมื่อเรียนจบเธอรีบตามไปของานสรกฤตที่ฟาร์ม แต่สรกฤตกลับไล่ให้ไปทำงานที่กรุงเทพ เพราะกลัวว่ายิ่งแพรวาอยู่ใกล้เขาก็จะยิ่งตัดใจไม่ได้ แพรวาน้อยใจมาก คิดว่าสรกฤตมีใจให้ อุษณีย์ (เอลิกา พลอยอัมพร) และกลัวอุษณีย์เข้าใจผิดจึงไม่ให้แพรวาทำงานด้วย
สรกฤตฝากให้แพรวาทำงานกับมณีริสา นิพัทและแพรวามีโอกาสปรับความเข้าใจกันว่าต่างคนต่างเห็นว่าอีกคนเป็นพี่น้อง ไม่ได้คิดไปมากกว่านั้น แต่มณีริสาได้ยินไม่หมดและเข้าใจเรื่องว่าทั้งคู่บอกรักกัน มณีริสาโกรธนิพัท จึงเริ่มทำตัวสนิทสนมกับกวิน ทำให้นิพัท เริ่มเข้าใจความรู้สึกที่เขามีต่อมณีริสาชัดเจน ก็เมื่อวันที่เขากำลังจะเสียเธอไป
ชาวตลาดรวมทั้งแก้วตากับแพรไปเยี่ยมแปะยิ้มซึ่งไม่สบายที่ฟาร์ม แพรเห็นความสัมพันธ์ของสรกฤตกับอุษณีย์ ก็เริ่มสับสนและน้อยใจมากขึ้น นิพัทเริ่มรู้ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมณีริสา จึงตามง้อเธอ แต่ก็มีกวินที่คอยขัดขวางตลอด ความรักของทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด ออกอากาศทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00 – 15.00 น. วุ่นนักรักข้างตลาด เริ่มตอนแรกวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2553
รายชื่อนักแสดงนำในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม (แบงค์ Black Vanilla) รับบทเป็น นิพัท ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
มนัญญา ลิ้มเสถียร (เบลล์ Girly Berry) รับบทเป็น มณีริสา ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
วิวิศน์ บวรกีรติขจร (ตี๋ AF4) รับบทเป็น สรกฤต หรือ กิจ ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
ศุภรดา เต็มปรีชา (พะแพง AF4) รับบทเป็น แพรวา หรือ แพร ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
เอลิกา พลอยอัมพร (บลู) รับบทเป็น อุษณีย์ หรือ อ้อย ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
สุขพัฒน์ โลห์วัชรินทร์ (ปุ้ย) รับบทเป็น กวิน ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ (จิ๊ก) รับบทเป็น คุณนายดุจดาว ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
สุปราณี เจริญผล (ไก่) รับบทเป็น แก้วตา ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
จิรศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ รับบทเป็น เสี่ยเล้ง ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
วิสรรค์ ฉัตรรังสิกุล (เคน) รับบทเป็น แปะยิ้ม ในละคร วุ่นนักรักข้างตลาด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)