มีนาคม 1995 ชาวบ้านที่ตำบลโอโรโดบิส และโมโรบิส แถบภูเชาตอนในของเกาะปอร์โตริโกต้องเผชิญกับสิ่งน่ากลัวที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาพบว่าแพะแกะของพวกตนนอนตายระเกะระกะเหมือนดั่งว่ามีใครทำร้ายพวกมัน ทีแรกก็ไม่ได้สนใจ คิดกันว่ามันอาจจะเป็นหมาป่าหรือหมาจิ้งจอก แต่พอสำรวจเจอเข้ากับรอยเจาะ 2 รูที่เปื้อนไปด้วยรอยเลือดเกรอะกรังขนาดเท่ากับหลอดกาแฟบนตัวสัตว์ทุกตัวที่นอนตาย ที่สำคัญที่สัตว์ที่ตายเหล่านี้สภาพศพตัวซีดเผือดและมีกลิ่นกำมะถันติดอยู่ แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีรอยเลือดอยู่ที่พื้นดินสักหยด แสดงว่าทุกตัวต้องถูกดูดเลือดจนหมดออกร่างไปจนหมด
ต่อมาเริ่มพบซากของสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นแพะ สุนัข ตายในลักษณะเดียวกันนี้มากขึ้น
ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมใจผู้คน ต่างร่ำลือกันต่างๆ นานา ว่าเป็นปีศาจบ้าง แวมไพร์บ้าง แต่ไม่มีใครอธิบายเหตุการณ์นี้ว่ามันเป็นอะไรหรือมันเกิดขึ้นเพราะอะไรจนกระทั้งอีกหกเดือนต่อมา...
มีชาวบ้านคนหนึ่งเห็นตัวมันในกลางดึกคืนหนึ่ง เขาเล่าว่ามันกำลังเกาะอยู่บนตัวแพะในความมืดและส่วนที่เค้าคาดว่าเป็นส่วนหัวของมันติดอยู่กับลำคอแพะของเขา ด้วยความตกใจเค้าจึงส่งเสียงดังเพื่อไล่มันไป มันหันมามองเค้าแว่บนึงแล้วก็กระโจนเข้าไปยังทางหลังบ้านแล้วก็หายไปในความมืด ต่อมาตอนเช้าก็ได้มีการชันสูตรซากแพะตัวนั้นไม่มีเลือดเหลืออยู่เลย...... "มันค่อนข้างมืด แล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจในรายละเอียดของมันเท่าไหร่ แต่ว่าเห็นเพียงใบหน้าและดวงตากลมโตเท่าไข่ไก่ที่เป็นสีแดง กับเขี้ยวทั้งสองอันที่มุมปาก"
ในเดือนกันยายนปี 1995 มาเดลีน โตเลนติโน(Miasel Negron) แม่บ้านที่อาศัยอยู่ในคาโนบานาส ทางตะวันออกของกรุงซานฮวน เมืองหลวงของเกาะและคนอื่นหลายคนได้โอกาสเห็นตัวต้นเหตุมันกำลังดูดเลือดแพะพอดี........เธอกับชาวบ้านคนอื่นก็ไล่มันไป มันหันมามองเธอแว่บนึงแล้วก็กระโจนเข้าไปยังทางหลังบ้านแล้วก็หายไปในความมืด ต่อมาตอนเช้าก็ได้มีการชันสูตรซากแพะตัวนั้นไม่มีเลือดเหลืออยู่เลย เธอให้การกับตำรวจว่า "มันสูงประมาณ 3 - 4 ฟุต มีหนังคล้าย ไดโนเสาร์ ดวงตาสีแดงโตของมันฉายประกายจ้าในความมืด เขี้ยวยาวและงอโค้งไปด้านหลัง กำลังทำร้ายพวกแพะอยู่
จากนั้นคำว่า ชูปราคาบรา El Chupacabra จึงปรากฏขึ้นมา พวกเขาเรียกชื่อมันแบบตรงๆ โดยเป็นคำในภาษาสเปนแปลว่า ตัวดูดเลือดแพะ ("Goat Sucker")....แต่มิได้หมายความว่าเหยื่อของมันจะเป็นแพะเท่านั้น สัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ไม่ว่า เป็ด ไก่ ห่าน หมา แมว กระต่าย หรือวัวก็ยังโดนมันดูดเลือดด้วย ซึ่งยิ่งทำให้ชื่อของชูปราคาบราเป็นที่หวาดกลัวสำหรับเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์หรือชาวบ้านแถบเปอร์โตริโกในบัดดล..
ดือนพฤศจิกายน 1995 จอร์จ มาร์ติน นักจานผีวิทยาชื่อดังของเกาะได้เผยแพร่ข่าวนี้ให้ชาวโลกได้รับทราบทางอินเตอร์เน็ต ชูปาคาบราก็เลยดังไปทั่วโลก คราวนี้ใครต่อใครก็ให้ข่าวเรื่องชูปาคาบรากันยกใหญ่
ต่อมาเริ่มพบซากของสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นแพะ สุนัข ตายในลักษณะเดียวกันนี้มากขึ้น
ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมใจผู้คน ต่างร่ำลือกันต่างๆ นานา ว่าเป็นปีศาจบ้าง แวมไพร์บ้าง แต่ไม่มีใครอธิบายเหตุการณ์นี้ว่ามันเป็นอะไรหรือมันเกิดขึ้นเพราะอะไรจนกระทั้งอีกหกเดือนต่อมา...
มีชาวบ้านคนหนึ่งเห็นตัวมันในกลางดึกคืนหนึ่ง เขาเล่าว่ามันกำลังเกาะอยู่บนตัวแพะในความมืดและส่วนที่เค้าคาดว่าเป็นส่วนหัวของมันติดอยู่กับลำคอแพะของเขา ด้วยความตกใจเค้าจึงส่งเสียงดังเพื่อไล่มันไป มันหันมามองเค้าแว่บนึงแล้วก็กระโจนเข้าไปยังทางหลังบ้านแล้วก็หายไปในความมืด ต่อมาตอนเช้าก็ได้มีการชันสูตรซากแพะตัวนั้นไม่มีเลือดเหลืออยู่เลย...... "มันค่อนข้างมืด แล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจในรายละเอียดของมันเท่าไหร่ แต่ว่าเห็นเพียงใบหน้าและดวงตากลมโตเท่าไข่ไก่ที่เป็นสีแดง กับเขี้ยวทั้งสองอันที่มุมปาก"
ในเดือนกันยายนปี 1995 มาเดลีน โตเลนติโน(Miasel Negron) แม่บ้านที่อาศัยอยู่ในคาโนบานาส ทางตะวันออกของกรุงซานฮวน เมืองหลวงของเกาะและคนอื่นหลายคนได้โอกาสเห็นตัวต้นเหตุมันกำลังดูดเลือดแพะพอดี........เธอกับชาวบ้านคนอื่นก็ไล่มันไป มันหันมามองเธอแว่บนึงแล้วก็กระโจนเข้าไปยังทางหลังบ้านแล้วก็หายไปในความมืด ต่อมาตอนเช้าก็ได้มีการชันสูตรซากแพะตัวนั้นไม่มีเลือดเหลืออยู่เลย เธอให้การกับตำรวจว่า "มันสูงประมาณ 3 - 4 ฟุต มีหนังคล้าย ไดโนเสาร์ ดวงตาสีแดงโตของมันฉายประกายจ้าในความมืด เขี้ยวยาวและงอโค้งไปด้านหลัง กำลังทำร้ายพวกแพะอยู่
จากนั้นคำว่า ชูปราคาบรา El Chupacabra จึงปรากฏขึ้นมา พวกเขาเรียกชื่อมันแบบตรงๆ โดยเป็นคำในภาษาสเปนแปลว่า ตัวดูดเลือดแพะ ("Goat Sucker")....แต่มิได้หมายความว่าเหยื่อของมันจะเป็นแพะเท่านั้น สัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ไม่ว่า เป็ด ไก่ ห่าน หมา แมว กระต่าย หรือวัวก็ยังโดนมันดูดเลือดด้วย ซึ่งยิ่งทำให้ชื่อของชูปราคาบราเป็นที่หวาดกลัวสำหรับเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์หรือชาวบ้านแถบเปอร์โตริโกในบัดดล..
ดือนพฤศจิกายน 1995 จอร์จ มาร์ติน นักจานผีวิทยาชื่อดังของเกาะได้เผยแพร่ข่าวนี้ให้ชาวโลกได้รับทราบทางอินเตอร์เน็ต ชูปาคาบราก็เลยดังไปทั่วโลก คราวนี้ใครต่อใครก็ให้ข่าวเรื่องชูปาคาบรากันยกใหญ่
Luis Guadalupe หนึ่งในผู้ที่พบกล่าวว่า "มันน่าเกลียดมาก และดูเหมือนว่ามันจะบินได้ด้วยซ้ำ และลิ้นมันยาวยังกับลิ้นงู"
Angel Pulido หนึ่งในผู้พบเห็นกล่าวว่า "มันเหมือนค้างคาวตัวใหญ่ที่ดูเหมือนแม่มด"
พวกนักการเมืองท้องถิ่นเริ่มออกมาเรียกร้องรัฐบาลให้สอบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ Jose Soto นายกเทศมนตรีของเมือง เริ่มส่งคณะไปค้นหา มีผู้ร่วมถึง 200 คนตระเวนหาตามไร่ต่างๆ ในตอนกลางคืน เนื่องจากคาดว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้อาจจะหลับในตอนกลางวันแต่ออกหากินเวลากลางคืน แต่ก็เหลว เพราะหุบเขาในเปอโตริโกนั้นซับซ้อนและมีความยาวมาก
ข่าวคราวเรื่องชูปาคาบราออกเล่นวานเหยื่อยังคงมีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จนกระทั้งต้นปี 1996 จึงเริ่มค่อยๆ ชาลงไป อาจเป็นเพราะปีนี้อากาศหนาวผิดปกติ หลายคนจึงคิดว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้อาจจะจำศิสหนีหนาวอยู่ในถ้ำที่ไหนสักแห่งบนเทือกเขาเอลยุงเกนั้นก็ได้
สงบได้ไม่กี่วัน ชูปาคาบราก็กลับมาอาละวาดอีก ต้นเดือนมีนาคม 1996 เมื่อฮารูตูโร โรดริเกว ชาวนาในหมู่บ้าน แจ้งว่าไก่ชนที่เขาเลี้ยงไว้ ทั้งตัวผู้แลตัวเมียร่วม 30 ตัว ถูกชูปาคาบราฆ่า ตามตัวและคอหอยของซากไก่มีบาดแผลเป็นรูเล็กๆ และไม่มีรอยเลือดที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบดูก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นชูปาคาบรา เพียงแต่บอกว่ามันอาจเกิดจากหมาป่าหรือค้างคาวกัดก็เป็นได้
วันที่ 9 มีนาคม เด็กชายโอรีโอ เมนเดซ กำลังสาละวนขุดหลุมเพื่อฝังไก่เขาที่ตายอยู่สนามหลังบ้านนั้น พลันเหลือบไปเห็นตัวอะไรบางอย่างที่รูปร่างแปลกประหลาด สูงราวสี่ฟุต เดินสองขา นัยน์ตาแดง มีเขี้ยวใหญ่ มือมีอุ้งเล็บ ตัวสีเทา เด็กคนนั้นเล่าให้ตำรวจฟังว่า “เจ้าสัตว์หูแหลมตัวนั้นยื่นนิ่งพอสมควรเลยครับ แต่มันไม่ทำร้ายผม และมันก็วิ่งหายไป”
ความตายของสัตว์เลี้ยงยังดำเนินต่อไปจนถึงแถบบาร์ริโอ ซูมีเดโร โดยเฉพาะตำบลลา เวกาคาปิญา และ ลา อาราญา พวกสัตว์เลี้ยงหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เป็ด ไก่ ห่าน แพะ แกะ หรือแม้แต่วัวก็ล้มตายโดยถูกดูดเลือดจนหมดทุกตัว มีอยู่ที่หนึ่งประตูสังกะสีขนาด 4.8x4.2 ถูกกระชากจนหลุดจากบานพับแสดงว่าเจ้าสัตว์จะต้องมีกำลังมหาศาล
ฮูลิโอ โลเปซ ยืนยันว่าชูปาคาบรามีพละกำลังมหาศาล “รูปร่างของกรงกระต่ายของลูกสาวผมออกจากเหลือเชื่อ ท่อเหล็กและลวดตาข่ายถูกฉีกขาด มันเอากระต่ายไปฆ่า และควักหัวใจไส้พุงออกมา พวกหมา ลิงทโมน หรืองู ไม่มีทำเรื่องแบบนี้หรอกครับ”
เรื่องของชูปาคาบราเรื่องแพร่กระจาย และมีข่าวลื่อมากมายเกี่ยวกับตัวมัน บางคนคิดว่าชูปาคาบราเป็นผีดูดเลือดด้วยซ้ำ จะต้องใช้กระสุนเงินฆ่ามันเท่านั้น บางก็ว่าต้องใช้แสงเลเซอร์ฆ่า
เหตุชูปาคาบราอาละวาดฆ่าสัตว์เลี้ยงไม่ได้มีแต่เฉพาะปอร์โตริโกเท่านั้น มันยังลามไปถึงอเมริกา และเม็กซิโกด้านมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1996 มีรายงานการตายของสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก ที่รัฐซิโนโลอา ฮาลิสโค และเวราครูซ โดยเฉพาะรัฐเวราครูซได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะเพราะรัฐนี้เป็นรัฐที่เลี้ยงแพะมากที่สุด โดยมีรายงานสัตว์เลี้ยงถูกดูดเลือดจนตายที่เมืองตลาลิสโคยัน ลาส ตรานคาส และนาซีคาส
เหตุการณ์ในเม็กซิโกเริ่มเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อมีรายงานว่ามีคนถูกซุปาคาบราทำร้าย ส่วนใหญ่ผู้ถูกทำร้ายจะปรากฏบาดแผลเป็นรูเล็กๆ สองรูตามร่างกาย หรือรอยเล็บ และมีรายงานชูปาคาบราโดนคนยิงแต่ไม่สามารถทำอันตรายแก่ตัวมันได้แล้วมันก็หนีไปในความมืด
ในปานามา (Panama) ก็มีรายงานลักษณะเดียวกันนี้เช่นกันและคราวนี้หญิงสาวคนหนึ่ง Elizabeth Saaverdra ก็โดนทำร้ายจากเจ้าสิ่งนี้เช่นกัน บางครั้งก็พบว่าอวัยวะของซากสัตว์นั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีรอยฉีกขาด เหมือนตัดเอาไปด้วยแสงเลเซอร์ ไม่เท่าเฉพาะแต่เพียงเท่านี้ ในบราซิล (Brazil) ก็มีการบันทึกของชูปาคาบราอีกเหมือนกันโดยคราวนี้ไม่ใช่รายงานสัตว์ที่โดยทำร้ายแต่เป็นรายงานการตายของเจ้า ชูปาคาบรานี้ โดยถูกนักตกปลายิงได้ที่ทะเลสาบ และหนึ่งในนั้นได้ตัดส่วนหัวของมันเก็บไว้และได้นำมาออกในรายการทีวีในเวลาต่อมา แต่ก็มีข่าวว่ามีคนจับตัว ชูปาคาบราเป็นๆ ไว้ได้แต่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ เพียงแต่ยอมให้นักสำรวจของอเมริกาตรวจดูได้
มันคืออะไร?
จากคำบอกเล่าของพยานผู้รู้เห็น จากซากสัตว์ที่โดยทำร้าย และจากซากของชูปาคาบรา พบว่าชูปราคาบรานั้นมีรูปร่างหลายแบบ แตกต่างกัน บ้างก็เหมือนมนุษย์ต่างดาว เหมือนหนูตัวใหญ่ บ้างก็เหมือนลิง บางตัวก็มีปีก บางตัวมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน บางก็มีเสียงเห่าหอน...ทำให้ผู้ออกความเห็นมากมาย บ้างก็ว่า....
เป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่
มีเรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่ง คือ ที่ป่าเอลยุงเกเมื่อหลายปีมาแล้ว รัฐบาลสหรัฐเคยมาสร้างสถานีวิจัยทางทหารลับๆ ไว้แห่งหนึ่ง ครั้งเมื่อปี 1989 เกิดพายุเฮอร์ริเคนพัดกระหน่ำ เป็นไปได้ที่อาจมีสัตว์อะไรสักอย่างหลุดหนีออกมา เป็นต้นว่า ลิงกลายพันธุ์ที่ทดลองทางพันธุ์วิศวกรรม แต่เพราะพายุทำให้มันหนีและไปเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ในป่า
สัตว์ร้ายในท้องถิ่น
ใช่ว่าทุกคนจะลงความเห็นว่าสัตว์เลี้ยงของตนตายเพราะชูปาคาบรา หญิงสาวคนหนึ่งให้การว่ากระต่ายเธอถูกหมากัดต่างหากละ หรือไม่ก็มีลิงทโมนหลุดจากที่ไหนสักแห่ง บางที่เพราะสื่อมวลชนสร้างข่าวให้ใหญ่โตเกินเหตุมากกว่า
นักสัตว์วิทยาบางคนลงความเห็นว่ามันอาจเป็นฝีมือของหมาป่าไกโยต์ที่อพยพหนีจากพื้นที่แห้งแล้งทางตอนเหนือของประเทศ หรือไม่ก็ค้างคาวดูดเลือดชนิดใหม่ที่อพยพจากทางเหนือ
ไดโนเสาร์หรือสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์
ความจริงเรื่องของชูปาคาบราไม่ใช้เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะมันปรากฏในหนังสือโบราณเกี่ยวกับไสยเวทย์เล่าว่า มันออกมาอาละวาดเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 หรือ 12 ภาพเขียนหนังสือเล่มนั้นเหมือนตัวกากอยส์มาก
อย่าลืมสิว่าหุบเขาในเปอโตริโกนั้นซับซ้อนและมีความยาวมาก จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ว่าน่ะมีสัตว์ประหลาดแปลกๆ ซ่อนตัวอยู่ไม่ให้ใครเห็นก็ได้ บางที่อาจมีอุโมงค์ลับอยู่ใต้ทะเลที่เชื่อมเกาะเปอร์ริโกกับเทือกเขาปีเรนิสของสเปน และผืนแผ่นดินอเมริกาใต้ ทำให้ชูปาคาบราออกมาเดินเล่นดูดเลือดสัตว์ได้สะดวก
มันอาจเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เหลือรอดจากยุคดึกดำบรรพ์ก็เป็นได้
เอเลี่ยน สิ่งที่มากับจานบินต่างดาว
มีผู้พบเห็นฝูง ชูปราคับบรา ในป่าหลังบ้าน ในการสำรวจป่า มีการพบร่องรอยบนหญ้า ชาวพื้นเมืองยังบอกอีกว่า ซูปราคับบรา กำลังมุ่งหน้าไปหาแสงไฟประหลาด
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2539 ใน แคมโปริโก จอร์จ มาร์ติน ได้พบตัวอย่างเลือดที่รั่ว ซึ่งชูปราคับบรา ได้ไต่ออกมาก่อนที่จะหนีไป อีกรายงานหนึ่งแจ้งว่า ก่อนเหตุการณ์นี้ตำรวจท้องที่ยิงมันได้ตัวหนึ่ง ทำให้ได้ตัวเลือดที่หยดไปเป็นสาย ผลการตรวจเลือดแสดงให้เห็นว่าลักษณะเลือดของมันคล้ายเลือดมนุษย์ แต่การวิเคราะห์พันธุกรรมแสดงว่าเลือดของมันเข้ากับเลือดมนุษย์ไม่ได้ และไม่มีทางที่จะไปกันได้ด้วย
ซูปราคับบราอาจนี้เป็นเศษเดนของเชื้อสายมนุษย์ต่างดาว ที่ได้ทิ้งไว้ในโลกใบนี้ก่อนที่จานบินระเบิด โดยที่เปอร์โตริโก้ มีคนหลายร้อยคนเห็น UFO มาหลายปี และอยู่ไม่ไกลจากรัฐฟลอริดา ซึ่งปัจจุบันเป็นจุดสนใจของ UFO
มาถึงตอนนี้ ชูปาคาบราได้กลายเป็นเรื่องท็อปฮิตในหมู่ชาวอเมริกันที่พูดภาษาสเปนไปแล้ว ภัตตราคารหลายแห่งทางตอนใต้ของอเมริกาได้ใช้ชื่อชูปาคาบรามาตั้งชื่ออาหาร คณะดนตรีใช้ชื่อวงว่า “ลอส ชูปาคาบรา” ขบวนพาเหรดในวันเปอร์โตริโกที่นิวยอร์คก็แต่งชุด ชูปาคาบรา และเสื้อเชิ้ตพิมพ์ลายรูปชูปาคราบรากำลังดูดเลือดเหยื่อก็กำลังระบาดในสหรัฐและเม็กซิโก
แต่พวกสัตว์วิทยากลับไม่ชอบเรื่องของชูปาคาบรานัก แถมกล่าวโทษพวกสื่อมวลชนอีกว่านี้แหละเจ้าตัวดี ที่โหมกระพือข่าวเสียจนชูปาคาบราเป็นสัตว์ในตำนานไปซะแล้ว
Angel Pulido หนึ่งในผู้พบเห็นกล่าวว่า "มันเหมือนค้างคาวตัวใหญ่ที่ดูเหมือนแม่มด"
พวกนักการเมืองท้องถิ่นเริ่มออกมาเรียกร้องรัฐบาลให้สอบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ Jose Soto นายกเทศมนตรีของเมือง เริ่มส่งคณะไปค้นหา มีผู้ร่วมถึง 200 คนตระเวนหาตามไร่ต่างๆ ในตอนกลางคืน เนื่องจากคาดว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้อาจจะหลับในตอนกลางวันแต่ออกหากินเวลากลางคืน แต่ก็เหลว เพราะหุบเขาในเปอโตริโกนั้นซับซ้อนและมีความยาวมาก
ข่าวคราวเรื่องชูปาคาบราออกเล่นวานเหยื่อยังคงมีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จนกระทั้งต้นปี 1996 จึงเริ่มค่อยๆ ชาลงไป อาจเป็นเพราะปีนี้อากาศหนาวผิดปกติ หลายคนจึงคิดว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้อาจจะจำศิสหนีหนาวอยู่ในถ้ำที่ไหนสักแห่งบนเทือกเขาเอลยุงเกนั้นก็ได้
สงบได้ไม่กี่วัน ชูปาคาบราก็กลับมาอาละวาดอีก ต้นเดือนมีนาคม 1996 เมื่อฮารูตูโร โรดริเกว ชาวนาในหมู่บ้าน แจ้งว่าไก่ชนที่เขาเลี้ยงไว้ ทั้งตัวผู้แลตัวเมียร่วม 30 ตัว ถูกชูปาคาบราฆ่า ตามตัวและคอหอยของซากไก่มีบาดแผลเป็นรูเล็กๆ และไม่มีรอยเลือดที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบดูก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นชูปาคาบรา เพียงแต่บอกว่ามันอาจเกิดจากหมาป่าหรือค้างคาวกัดก็เป็นได้
วันที่ 9 มีนาคม เด็กชายโอรีโอ เมนเดซ กำลังสาละวนขุดหลุมเพื่อฝังไก่เขาที่ตายอยู่สนามหลังบ้านนั้น พลันเหลือบไปเห็นตัวอะไรบางอย่างที่รูปร่างแปลกประหลาด สูงราวสี่ฟุต เดินสองขา นัยน์ตาแดง มีเขี้ยวใหญ่ มือมีอุ้งเล็บ ตัวสีเทา เด็กคนนั้นเล่าให้ตำรวจฟังว่า “เจ้าสัตว์หูแหลมตัวนั้นยื่นนิ่งพอสมควรเลยครับ แต่มันไม่ทำร้ายผม และมันก็วิ่งหายไป”
ความตายของสัตว์เลี้ยงยังดำเนินต่อไปจนถึงแถบบาร์ริโอ ซูมีเดโร โดยเฉพาะตำบลลา เวกาคาปิญา และ ลา อาราญา พวกสัตว์เลี้ยงหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เป็ด ไก่ ห่าน แพะ แกะ หรือแม้แต่วัวก็ล้มตายโดยถูกดูดเลือดจนหมดทุกตัว มีอยู่ที่หนึ่งประตูสังกะสีขนาด 4.8x4.2 ถูกกระชากจนหลุดจากบานพับแสดงว่าเจ้าสัตว์จะต้องมีกำลังมหาศาล
ฮูลิโอ โลเปซ ยืนยันว่าชูปาคาบรามีพละกำลังมหาศาล “รูปร่างของกรงกระต่ายของลูกสาวผมออกจากเหลือเชื่อ ท่อเหล็กและลวดตาข่ายถูกฉีกขาด มันเอากระต่ายไปฆ่า และควักหัวใจไส้พุงออกมา พวกหมา ลิงทโมน หรืองู ไม่มีทำเรื่องแบบนี้หรอกครับ”
เรื่องของชูปาคาบราเรื่องแพร่กระจาย และมีข่าวลื่อมากมายเกี่ยวกับตัวมัน บางคนคิดว่าชูปาคาบราเป็นผีดูดเลือดด้วยซ้ำ จะต้องใช้กระสุนเงินฆ่ามันเท่านั้น บางก็ว่าต้องใช้แสงเลเซอร์ฆ่า
เหตุชูปาคาบราอาละวาดฆ่าสัตว์เลี้ยงไม่ได้มีแต่เฉพาะปอร์โตริโกเท่านั้น มันยังลามไปถึงอเมริกา และเม็กซิโกด้านมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1996 มีรายงานการตายของสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก ที่รัฐซิโนโลอา ฮาลิสโค และเวราครูซ โดยเฉพาะรัฐเวราครูซได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะเพราะรัฐนี้เป็นรัฐที่เลี้ยงแพะมากที่สุด โดยมีรายงานสัตว์เลี้ยงถูกดูดเลือดจนตายที่เมืองตลาลิสโคยัน ลาส ตรานคาส และนาซีคาส
เหตุการณ์ในเม็กซิโกเริ่มเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อมีรายงานว่ามีคนถูกซุปาคาบราทำร้าย ส่วนใหญ่ผู้ถูกทำร้ายจะปรากฏบาดแผลเป็นรูเล็กๆ สองรูตามร่างกาย หรือรอยเล็บ และมีรายงานชูปาคาบราโดนคนยิงแต่ไม่สามารถทำอันตรายแก่ตัวมันได้แล้วมันก็หนีไปในความมืด
ในปานามา (Panama) ก็มีรายงานลักษณะเดียวกันนี้เช่นกันและคราวนี้หญิงสาวคนหนึ่ง Elizabeth Saaverdra ก็โดนทำร้ายจากเจ้าสิ่งนี้เช่นกัน บางครั้งก็พบว่าอวัยวะของซากสัตว์นั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีรอยฉีกขาด เหมือนตัดเอาไปด้วยแสงเลเซอร์ ไม่เท่าเฉพาะแต่เพียงเท่านี้ ในบราซิล (Brazil) ก็มีการบันทึกของชูปาคาบราอีกเหมือนกันโดยคราวนี้ไม่ใช่รายงานสัตว์ที่โดยทำร้ายแต่เป็นรายงานการตายของเจ้า ชูปาคาบรานี้ โดยถูกนักตกปลายิงได้ที่ทะเลสาบ และหนึ่งในนั้นได้ตัดส่วนหัวของมันเก็บไว้และได้นำมาออกในรายการทีวีในเวลาต่อมา แต่ก็มีข่าวว่ามีคนจับตัว ชูปาคาบราเป็นๆ ไว้ได้แต่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ เพียงแต่ยอมให้นักสำรวจของอเมริกาตรวจดูได้
มันคืออะไร?
จากคำบอกเล่าของพยานผู้รู้เห็น จากซากสัตว์ที่โดยทำร้าย และจากซากของชูปาคาบรา พบว่าชูปราคาบรานั้นมีรูปร่างหลายแบบ แตกต่างกัน บ้างก็เหมือนมนุษย์ต่างดาว เหมือนหนูตัวใหญ่ บ้างก็เหมือนลิง บางตัวก็มีปีก บางตัวมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน บางก็มีเสียงเห่าหอน...ทำให้ผู้ออกความเห็นมากมาย บ้างก็ว่า....
เป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่
มีเรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่ง คือ ที่ป่าเอลยุงเกเมื่อหลายปีมาแล้ว รัฐบาลสหรัฐเคยมาสร้างสถานีวิจัยทางทหารลับๆ ไว้แห่งหนึ่ง ครั้งเมื่อปี 1989 เกิดพายุเฮอร์ริเคนพัดกระหน่ำ เป็นไปได้ที่อาจมีสัตว์อะไรสักอย่างหลุดหนีออกมา เป็นต้นว่า ลิงกลายพันธุ์ที่ทดลองทางพันธุ์วิศวกรรม แต่เพราะพายุทำให้มันหนีและไปเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ในป่า
สัตว์ร้ายในท้องถิ่น
ใช่ว่าทุกคนจะลงความเห็นว่าสัตว์เลี้ยงของตนตายเพราะชูปาคาบรา หญิงสาวคนหนึ่งให้การว่ากระต่ายเธอถูกหมากัดต่างหากละ หรือไม่ก็มีลิงทโมนหลุดจากที่ไหนสักแห่ง บางที่เพราะสื่อมวลชนสร้างข่าวให้ใหญ่โตเกินเหตุมากกว่า
นักสัตว์วิทยาบางคนลงความเห็นว่ามันอาจเป็นฝีมือของหมาป่าไกโยต์ที่อพยพหนีจากพื้นที่แห้งแล้งทางตอนเหนือของประเทศ หรือไม่ก็ค้างคาวดูดเลือดชนิดใหม่ที่อพยพจากทางเหนือ
ไดโนเสาร์หรือสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์
ความจริงเรื่องของชูปาคาบราไม่ใช้เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะมันปรากฏในหนังสือโบราณเกี่ยวกับไสยเวทย์เล่าว่า มันออกมาอาละวาดเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 หรือ 12 ภาพเขียนหนังสือเล่มนั้นเหมือนตัวกากอยส์มาก
อย่าลืมสิว่าหุบเขาในเปอโตริโกนั้นซับซ้อนและมีความยาวมาก จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ว่าน่ะมีสัตว์ประหลาดแปลกๆ ซ่อนตัวอยู่ไม่ให้ใครเห็นก็ได้ บางที่อาจมีอุโมงค์ลับอยู่ใต้ทะเลที่เชื่อมเกาะเปอร์ริโกกับเทือกเขาปีเรนิสของสเปน และผืนแผ่นดินอเมริกาใต้ ทำให้ชูปาคาบราออกมาเดินเล่นดูดเลือดสัตว์ได้สะดวก
มันอาจเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เหลือรอดจากยุคดึกดำบรรพ์ก็เป็นได้
(ภาพที่ Robert Clarkson ถ่ายได้เมื่อปี 2004 )
เอเลี่ยน สิ่งที่มากับจานบินต่างดาว
มีผู้พบเห็นฝูง ชูปราคับบรา ในป่าหลังบ้าน ในการสำรวจป่า มีการพบร่องรอยบนหญ้า ชาวพื้นเมืองยังบอกอีกว่า ซูปราคับบรา กำลังมุ่งหน้าไปหาแสงไฟประหลาด
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2539 ใน แคมโปริโก จอร์จ มาร์ติน ได้พบตัวอย่างเลือดที่รั่ว ซึ่งชูปราคับบรา ได้ไต่ออกมาก่อนที่จะหนีไป อีกรายงานหนึ่งแจ้งว่า ก่อนเหตุการณ์นี้ตำรวจท้องที่ยิงมันได้ตัวหนึ่ง ทำให้ได้ตัวเลือดที่หยดไปเป็นสาย ผลการตรวจเลือดแสดงให้เห็นว่าลักษณะเลือดของมันคล้ายเลือดมนุษย์ แต่การวิเคราะห์พันธุกรรมแสดงว่าเลือดของมันเข้ากับเลือดมนุษย์ไม่ได้ และไม่มีทางที่จะไปกันได้ด้วย
ซูปราคับบราอาจนี้เป็นเศษเดนของเชื้อสายมนุษย์ต่างดาว ที่ได้ทิ้งไว้ในโลกใบนี้ก่อนที่จานบินระเบิด โดยที่เปอร์โตริโก้ มีคนหลายร้อยคนเห็น UFO มาหลายปี และอยู่ไม่ไกลจากรัฐฟลอริดา ซึ่งปัจจุบันเป็นจุดสนใจของ UFO
มาถึงตอนนี้ ชูปาคาบราได้กลายเป็นเรื่องท็อปฮิตในหมู่ชาวอเมริกันที่พูดภาษาสเปนไปแล้ว ภัตตราคารหลายแห่งทางตอนใต้ของอเมริกาได้ใช้ชื่อชูปาคาบรามาตั้งชื่ออาหาร คณะดนตรีใช้ชื่อวงว่า “ลอส ชูปาคาบรา” ขบวนพาเหรดในวันเปอร์โตริโกที่นิวยอร์คก็แต่งชุด ชูปาคาบรา และเสื้อเชิ้ตพิมพ์ลายรูปชูปาคราบรากำลังดูดเลือดเหยื่อก็กำลังระบาดในสหรัฐและเม็กซิโก
แต่พวกสัตว์วิทยากลับไม่ชอบเรื่องของชูปาคาบรานัก แถมกล่าวโทษพวกสื่อมวลชนอีกว่านี้แหละเจ้าตัวดี ที่โหมกระพือข่าวเสียจนชูปาคาบราเป็นสัตว์ในตำนานไปซะแล้ว
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น