วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

LinkWheel SEO: ประเภทของ LinkWheel และเทคนิคการทำ LinkWheel


ในบทความ LinkWheel Project for Blogger ผมได้นำเสนอ Concept ของการทำ LinkWheel และรูปแบบของการทำ LinkWheel อย่างง่ายไปแล้ว แต่ในทางปฏิบัติการทำ LinkWheel ยังมีรายละเอียดที่เราควรทราบเพื่อให้ทำ LinkWheel มีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้งานได้คุ้มค่ามากขึ้น บทความนี้ผมจะนำเสนอประเภทของการทำ Linkwheel หลาย ๆ แบบซึ่งเกิดจากประสบการณ์ที่ได้พบเห็นมาสรุปได้ดังนี้


LinkWheel โดยใช้ Networked ส่วนตัว

การทำ Linkwheel ด้วยวิธีนี้ค่อนข้างมีต้นทุนสูง และทำได้ในกรณีที่มี Networked ส่วนตัว เช่นเป็นเจ้าของ Hosting หลาย ๆ แห่ง หรือมีเงินเช่า Web Hosting ที่ต่าง Class C กันในหลาย ๆ แห่ง (ปัจจุบันก็มี Host บางแห่งเสนอ Class C ให้ลูกค้ามากกว่า 1 Class C เป็นการส่งเสริมการขายด้วย) ซึ่งบางแห่งก็เอามาเปิดให้บริการสำหรับการทำ LinkWheel ก็มี

LinkWheel ด้วยวิธีร่วมด้วยช่วยกัน Wheel

กรณีนี้ผมพบเห็นใน ThaiSEOborad หลักการคือการนำ Network ของแต่ละคนมาแชร์กันเป็นกลุ่มเป็นวง โดยในกลุ่มนั้นก็อาจจะมี Class C ซ้ำกันบ้าง แต่ละคนก็จะต้องยอมให้ผู้อื่นเข้ามาใช้งานเพื่อสร้างเป็น LinkWheel การใช้วิธีนี้เป็นวิธีมีประสิทธิภาพมากเพราะเป็นวงใหญ่ แต่มักจะมีปัญหาเรื่องกฎระเบียบ กติกาการใช้ คนใช้งาน ปัญหาเรื่องการใช้งาน และความถาวรในการใช้งานร่วมกัน

Linkwheel Freeblog

วิธีนี้โดยความเห็นส่วนตัวของผมก็ยังเป็นวิธีที่ยังไงผมก็ยังชอบ เพราะเป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายควบคุมได้ ส่งผลต่อ Page rank และ Ranking มาก ทำแล้วคุ้มค่าเพราะบล็อกหนึ่งบล็อก สามารถสร้างได้หลายบทความ (Webpage) และถ้าเรานำบทความที่มีความสัมพันธ์กันในแต่ละบล็อกมาเชื่อมต่อกัน สิ่งที่ได้จะเป็น LinkWheel ระหว่างบทความ(Webpage) 1 วง ซึ่งถ้าเราทำแบบนี้กับหลาย ๆ บทความสลับกันไปมา และไขว้กันบ้างก็จะได้ LinkWheel อีกหลาย 100 วง เนื่องจากเราสามารถเขียนบทความในบล็อกได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องไปสมัครใหม่บ่อย ๆ ทำให้ผู้ให้บริการ Free Blog ไม่เดือดร้อน

Linkwheel Pligg Profile

วิธีนี้เป็นวิธีสร้าง LinkWheel ที่ง่ายที่สุด และเรียกบอทได้มาก เพราะธรรมชาติของ Pligg นั้นจะมีการ Update บ่อย Bot เข้ามาเก็บข้อมูลบ่อยดังนั้นเมื่อพบ Profile ของเราก็จะวิ่งต่อไปยัง Profile ถัดไปและวิ่งมาที่ Money site หรือ Target Site ของเราด้วย แต่วิธีนี้ก็ยังมีข้อเสียคือ ถ้าเราไปสมัครเอาไว้เฉย ๆ Bot จะไม่มาง่าย ๆ ถ้าเราไม่ Vote บทความที่คนอื่น ๆ มา Submit ไว้ หรือนำบทความไป Submit ก็จะทำให้ Bot เข้าถึงพบ Profile เราได้ยาก

ข้อแนะนำสำหรับการทำ LinkWheel สำหรับ Pligg Profile
1. อย่าสมัครเฉย ๆ เพื่อหวังทำ Linkwheel เพราะมันเป็นการเพิ่มภาระให้ฐานข้อมูลของผู้ให้บริการ
2. อย่า SPAM Submit อยู่แห่งเดียว ให้ใช้สิทธิ์เหมือน ๆ กับสมาชิกคนอื่นแล้วคุณจะไม่ถูกต่อว่าและไม่ถูกลบบัญชีจากผู้ให้บริการ
3. บทความที่นำไป Submit ควรเลือกให้ตรงหมวดหมู่ และควรจะมีคุณภาพ
4. เป็นไปได้ไม่ควรไมปยุ่งกับ Web Pligg ของไทยเลยจะดีมาก เพราะ Pligg ต่างประเทศมีมากมาย
5. ข้อมูลการทำ Pligg Profile ที่แนะนำมี 2 กระทู้จาก ThaiSEOboard ลองเข้าไปศึกษาดูครับ (มีข้อสงสัยสอบถามที่นี่ได้)
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,85517.0.html
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,128583.0.html

Linkwheel SMF/PHPboard Profile and Signature

วิธีนี้ดูเหมือนเป็นวิธีที่ง่าย แต่ที่จริงยากกว่าทุกวิธี เริ่มจากเลือก SMF Board ที่สามารถ View Profile ได้โดยไม่ต้อง Login เมื่อสมัครแล้วก็จะต้องศึกษากติกาและเนื้อหาที่ค่อนข้างแตกต่างของแต่ละแห่ง การติด Signature และการโพสหรือตอบกระทู้ก็ต้องทำในลักษณะที่เหมาะสม จึงจะได้ Bot มาเข้า Profile และ Signature ซึ่งถ้าใช้วิธี Spam ก็จะทำให้เจ้าของ Board เดือดร้อน และคุณอาจจะถูกแบนในที่สุด แต่ถ้าจะสมัครทิ้งไว้เฉย ๆ ก็ไม่ได้ผลต่อการทำ LinkWheel เท่าไรนัก จึงเป็นความขัดแย้งและยากลำบากสำหรับวิธีนี้

ถ้าคุณสนใจการทำ Linkwheel SMF Profile and Signature ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,126870.0.html
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,131303.0.html

Linkwheel Statusnet

รูปแบบนี้.ใช้หลักการคล้ายกับการทำ LinkWheel Pligg Profile โดยเปลี่ยนจากการใช้ Pligg Profile เป็นการใช้ Profile ของ StatusNet ซึ่งเป็นรูปแบบ MicroBlog ที่มีการใช้งานคล้ายกับ Twitter รูปแบบของ LinkWheel ชนิดนี้เหมาะสำหรับการทำให้ Blog ใหม่หรือเว็บไซต์ใหม่ ๆ ถูก Index ได้เร็วขึ้น เพราะธรรมชาติของ StatusNet จะมีการ update เช่นเดียวกับ Twitter ซึ่งหลังจากสร้างเป็น LinkWheel เสร็จแล้ว อยากให้เว็บไซต์หรือบล็อกที่เพิ่งสร้างใหม่ใด Index เร็วขึ้นก็ให้เข้าไปทำการ Post Notice (ทำเหมือนใช้งาน Twitter)

ถ้าคุณสนใจลองทำดูก็ศึกษาได้ที่กระทู้ที่ผมได้นำเสนอไว้ที่ ThaiSEOboard
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,133520.0.html

Linkwheel แบบลูกผสม

การทำ LinkWheel ไม่ได้สำเร็จรูปและไม่มีรูปแบบตายตัว ดังนั้นเราควรใช้รูปแบบต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นให้ผสมผสานกัน เพื่อไม่ให้ Google ตรวจพบได้ว่าเราเป็นผู้สร้าง Backlink ให้ตนเอง

เช่น ใช้ Pligg profile+StatusNet +SMF Board Profle and Signature +Freeblog เอามาผสมผสานเป็น LinkWheel ก็ได้ ลองดูตัวอย่างการออกแบบที่ผมออกแบบเองในรูปด้านล่าง

LinkWheel  สอนทำ การสร้าง Linkwheel Blogger

รูปด้านบนเป็นการทำ LinkWheel แบบผสมอย่างง่ายอธิบายได้ดังนี้

1. สีน้ำเงินเป็น FreeBlog ที่จะอยู่ใน PlateForm ใดก็ได้ จำนวน 6 บล็อกเป็นวงหลักของ LinkWheel ชุดนี้

2. เพื่อให้ FreeBlog ตัวหลัก 6 บล็อกมี Bot เข้ามาสม่ำเสมอ และ indexed ได้ง่าย ผมจึงใช้ Pligg และ Microblog เป็นตัว Submit บทความของ Freeblog และ Money Site (ดูสี่เหลี่ยมเล็กสีม่วง)

3. ผมมี 2 Profile ของเว็บบอร์ดที่ใช้งานบ่อย ๆ จึงนำมาสานเข้าเป็นวงกับ Pligg และ Microblog (ดูสี่เหลี่ยมสีม่วง)

4. เพื่อป้องกันการขาดช่วงของ Pligg และ Microblog และ SMF ผมจึงใช้ Free Blog ที่มี PlateForm เป็น WPmu อยู่รอบนอกเพื่อเป็นสะพานบอท (ดูสี่เหลี่ยมสีแดง)

หมายเหตุ นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการทำ LinkWheel แบบผสม ซึ่งไม่ได้แปลว่าดีที่สุด คุณเองก็อาจจะออกแบบเองได้ดีกว่านี้ก็ได้



ข้อแนะนำในการทำ LinkWheel จาก Mr.Hackublog


1. พยายามทำ LinkWheel โดยใช้รูปแบบผสมผสานเพื่อไม่ให้ Google ตรวจพบได้ว่าเราเป็นผู้สร้าง Backlink ให้ตนเอง

2.ในกรณีใช้บล็อกฟรี เช่น WPMU ให้ทำ LinkWheel ระหว่าง Page และบทความด้วย อย่าใช้แค่ Homepage ทำ LinkWheel อย่างเดียว มิฉะนั้นก็จะใช้บล็อกฟรีที่สมัครไว้ไม่คุ้มค่า

3. บล็อกฟรีที่สมัครพยายามทำให้มัน Indexed เร็วที่สุด เพราะถ้า Index แล้วมันจะส่งผลดีต่อ Ranking ของ Money site เร็วขึ้น

4. การยิงไปที่ Money Site ไม่จำเป็นต้องยิงไปที่ Home Page แต่สามารถยิงไปที่หน้าสินค้า หรือ Webpage ที่ต้องการโปรโมทก็ได้

5. การทำ LinkWheel ไม่ใช่การกักขัง Bot ไม่ให้ออกไปไหนแต่มันเป็นการทำให้บอทเข้ามามากขึ้น เร็วขึ้น อยู่นานขึ้น เก็บข้อมูลในเว็บไซต์หรือบล็อกได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น

6. การทำ LinkWheel อย่าเน้นปริมาณ ให้เน้นคุณภาพเป็นหลัก เช่นถ้าคุณมี Pligg profile, StatusNet Account ,SMF Board Profle and Signature และ Freeblog อยู่ในมืออย่างละ 10 ก็ลองออกแบบและเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน ซึ่งอาจจะวาดลงในกระดาษก่อนแล้วค่อยลงมือทำจริง

7. ตอนนี้ถ้าคุณนึกอะไรยังไม่ออกให้ไปสมัคร Freeblog และและใส่บทความแนะนำตัวลงไปสัก 1 บทความก่อนเพื่อให้อายุโดเมนนานขึ้น อย่ารอเวลา พอนึกออกว่าจะใช้งานก็ไปหยิบมาปรับแต่งได้เลย

8. การสมัครบล็อกฟรีแนะนำให้ใช้บล็อกภาษาอังกฤษ และทำบล็อกเป็นภาษาอังกฤษ เหตุผลอ่านต่อข้อ 9

9. การหาบทความลงในบล็อกไม่ใช่เรื่องยากให้คุณค้นหาบทความที่ตรงกับ Keyword ที่คุณต้องการในภาษา กรีก ฝรั่งเศส หรือ อิตาลี เพราะโครงสร้างทั้ง 3 ภาษานี้ค่อนข้างดี แล้ว Translate กลับมาเป็นภาษาอังกฤษและตรวจไวยกรณ์เล็กน้อย จากนั้นก็สร้างบทความทำเป็น LinkWheel ของบทความและยิงจากบทความทั้งหลายไปยัง Webpage หรือ Homepage ที่ต้องการโปรโมท

10. ศึกษาการใช้งาน iMacros เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การทำ LinkWheel ง่ายและสะดวกขึ้น

11. รูปแบบของ LinkWheel นั้นไม่จำเป็นต้องวนเป็นวงกลมต่อ ๆ กันเสมอไป อาจจะมีการไขว้ สลับ วนกลับทิศบางก็ได้ อย่างที่เคยบอกไว้ในบทความก่อนหน้านี้ว่าเมื่อทำ ๆ ไปคุณจะรู้ว่าคุณถนัดแบบไหน แบบไหนทำได้ผลหรือแบบไหนที่ทำแล้วเสียเปล่า ซึ่งเมื่อทราบแล้วก็พลิกแพลงให้เป็น LinkWheel ตามแบบฉบับของคุณเอง

สุดท้ายก็ขอทิ้งท้ายว่าเมื่อสร้าง LinkWheel ขึ้นมา 1 วงแล้วก็ใช้งานให้คุ้มค่า เอาแบบที่พร้อมจะยิงเข้าสู่ทุกWebpage หรือ Homepage ที่ต้องการโปรโมทได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เหนื่อยครั้งเดียวแล้วทำให้คุ้มเผื่อว่าในเวลาที่เราต้องการขายอะไร ต้องการโปรโมทอะไรก็นำ Linkwheel ที่สร้างไว้ไปใช้งานได้ทันที

การทำ Linkwheel ยังมีรายละเอียดในขั้นปฏิบัติและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น่าสนใจอีกมากและในบทความถัดไปจะสรุปการทำ Linkwheel เป็น Roadmap ให้ชัดเจนขึ้น สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น