ลุงแบนมีอาชีพทำนา พอถึงหน้าทำนาแกจะต้องไปนอนอยู่ที่นาจนกว่าจะเสร็จงาน ฤดูเก็บเกี่ยวก็จะไปนอนเฝ้าอีก ที่จริงลุงแบนก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวมีลูกเมียซึ่งในเวลาทำนาก็จะไปช่วยบ้างแต่จะไม่นอนเฝ้าที่กระท่อมท้ายนา
ปลายปี 2528 ครูน้อยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในฐานะที่เป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันในวงเหล้ามาก่อน ลุงแบนก็ไปร่วมงานศพครูน้อยด้วย พอถึงเวลาวางดอกไม้จันทน์ด้วยฤทธิ์เหล้าลุงแบนก็เคาะโลงพร้อมเอ่ยว่า “ครู ถ้าต้องการน้ำพรรค์นั้นก็ไปหาผมเด้อ!”
เย็นวันนั้นลุงแบนต้องไปนอนเฝ้าที่นา ระหว่างเดินทางไปกระท่อมนาได้ยินแต่เสียงตัวเองเดินเตะหินลูกรังและเสียงจักรยานเก่าคันที่แกจูงอยู่ในมือซึ่งขี่ไม่ไหวเพราะฤทธิ์เหล้า ปากก็พูดบ่นไปตามประสาคนเมา พอใกล้จะถึงกระท่อมหูก็ได้ยินเสียงหมาหอนมาจากทิศที่กระท่อมตั้งอยู่ เดินไปอีกสักพักถึงกระท่อม เอาจักรยานพิงเสากระท่อมแล้วก็ขึ้นนอน เสียงหมาหอนยังคงดังมาเป็นระยะ พอล้มตัวลงนอนได้สักพัก เสียงหมาหอนก็ดังใกล้เข้ามาและดังขึ้นเรื่อยๆ ความเงียบบวกกับเสียงหมาหอนอย่างเยือกเย็ยทำให้ลุงแบนนอนไม่หลับ ฉับพลันนั้น นกแสกตัวหนึ่งก็โฉบมาบนหลังคาพร้อมร้อง “แก๊ก...” ลุงแบนสะดุ้งสุดตัวเริ่มใจไม่ดี
ขณะที่หมาและนกแสกส่งเสียงมาเป็นระยะนั้น หูก็พลันได้ยินเสียงคนมาเรียกอยู่ปากทางเข้ากระท่อม “ลุง...ลุง...ลุง” ลุงแบนได้ยินเสียงคนก็ใจชื้น เออ-มีคนมาเป็นเพื่อนไม่โดดเดี่ยวแล้ว แกคว้าไฟฉายออกมาหน้ากระท่อมแต่ส่องดูพบแต่ความว่างเปล่า “ใคร” แกร้องถาม พลันมีเสียงมาจากต้นรังข้างทาง “ผมอยู่นี่ลุง” ลุงแบนสะดุ้งเฮือก แกจำได้ว่าเป็นเสียงครูน้อย ลุงแบนแข็งใจฉายไฟไปที่นั่นแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อภาพที่เห็นอยู่นั้นคือครูน้อยยืนพิงต้นรัง คอเอียงไปทางขวา เลือดและสมองไหลย้อย มีเสียงจากร่างครูน้อยอีกว่า “อยากกินเหล้า” ลุงแบนอุทานได้คำเดียวว่า “ผีหลอก” แล้วออกวิ่งมาที่บ้าน ปากก็ตะโกนเรียกใครต่อใครลั่น แล้ววิ่งขึ้นไปบนบ้านของนายเริญ ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกที่เห็น ปากก็ยังร้องไม่หยุด “มันตามมาแล้ว ช่วยด้วย...ช่วยด้วย” เจ้าของบ้านตกใจตื่นออกมาดูเห็นลุงแบนยืนตัวสั่น ตะโกนลั่นบ้าน “มันมาแล้ว...ผีหลอก...ช่วยด้วย” ตะโกนได้สองสามครั้งลุงแบนก็สิ้นสติ
ตั้งแต่วันนั้นลุงแบนไม่เคยค้างที่กระท่อมแห่งนั้นอีกเลย แกบอก “เข็ดจนตาย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น