ปลายเดือนมกราคม พวกเราไปเข้าค่ายลูกเสือที่บริเวณวัดร้างใกล้อ่างเก็บน้ำซับประดู่ อำเภอสีคิ้ว เป็นเวลา 2 คืน 3 วัน แต่ผ่านไปเพียงคืนเดียวเท่านั้น พวกเราก็ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้เก็บของกลับบ้านพวกเราทุกคนต่างงงกัน แล้วก็หายสงสัยหลังจากกลับจากค่ายพักแรม
บริเวณวัดร้างที่เป็นที่ตั้งค่ายพักแรม ชาวบ้านแถวนั้นเล่าลือกันว่าผีดุมาก...ดูขนาดไหนน่ะหรือ....ขนาดที่ว่าก่อนหน้านี้มีพระมาจำพรรษาอยู่แต่ว่าอยู่ได้ไม่นานก็ย้ายไปอยู่วัดอื่นกันหมด ชาวบ้านต้องไปนิมนต์พระจากที่อื่นมาอยู่ แต่กี่รุ่นกี่รุ่นก็อยู่ไม่ได้ เพราะว่าผีดุมาก ท้ายที่สุดจึงกลายเป็นวัดร้าง
เวลากลางคืน บริเวณวัดร้างจะเงียบและวังเวงมาก บรรยากาศน่ากลัว บางทีหมาก็เห่าหอนโดยไม่ทราบสาเหตุคลอดคืน ฟังแล้วโหยหวนมาก ไม่มีใครที่ไม่รู้เรื่องผีที่วัดร้าง พวกอาจารย์ก็รู้แต่ไม่ได้เอาใจใส่และไม่เชื่อเรื่องผีสางด้วย แม้ชาวบ้านจะทักท้วงอย่างไรก็ตาม
กิจกรรมในคืนแรกที่พักแรมเป็นการผจญภัยตามฐานต่างๆ กว่าจะเสร็จและอาบน้ำเข้านอนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน โดยต้องมีคนที่ทำหน้าที่อยู่เวรด้วย เวลาตีสองกว่าหนิงรู้สึกปวดฉี่จึงปลุกหน่อยกับน้อยให้ไปเป็นเพื่อน เมื่อหนิงเข้าห้องน้ำ หน่อยกับน้อยก็ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ สักพักก็มีเสียง วี้ด...วี้ด...วี้ด เป็นเสียงแหลมเล็ก “น้อยได้ยินเสียงอะไรไหม” น้อยพยักหน้ารับ “เสียงลมมั้ง” หน่อยตั้งใจฟังและแน่ใจว่าไม่ใช่เสียงลมเพราะบริเวณนั้นอากาศนิ่งสนิท แต่เสียงวี้ดๆ ยังดังระคายหูอยู่ และเริ่มสังเกตว่าเสียงดังมาจากข้างบน หน่อยจึงใช้ไฟฉายส่องกราดไปบนท้องฟ้าเพื่อหาที่มาของเสียงแล้วก็ได้พบ “เฮ้ย” เงาดำๆ ยาวๆ สูงลิบลิ่วสามหรือสี่เงาก็ไม่แน่นัก บางร่างก็มีหูใหญ่ราวกับหูช้าง ตาพองโต จมูกบาน บางร่างยกมือใหญ่ราวกระด้งโบกไปมาโยกเอนไปมาพร้อมกับเสียงดังวี้ดๆ “กรี๊ด” หน่อยกรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะคว้ามือน้อยวิ่งไปโดยไม่ดูทิศทาง พวกที่อยู่เวรยามรวมทั้งอาจารย์ต่างตกใจที่ได้ยินเสียงร้องกรี๊ด และเห็นหน่อยกับน้อยวิ่งหนีอะไรมาอย่างขวัญเสีย กว่าอาจารย์จะปลอบหน่อยกับน้อยให้หยุดร้องไห้หายหวาดกลัวและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็ใช้เวลานานโข แน่ละอาจารย์ไม่เชื่อแต่ก็นึกขึ้นได้จึงถามขึ้น “แล้วหนิงล่ะ” พวกอาจารย์จึงกรูกันไปที่ห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันจะได้พบหนิงก็ได้พบกับสิ่งที่ทำให้หน่อยกับน้อยหวาดกลัวจนขวัญผวา พวกเขากำลังเผชิญกับเปรตวัดร้าง อาจารย์คนหนึ่งจะด้วยความตกใจหรืออย่างไรไม่ทราบได้จึงยิงปืนขึ้นฟ้าสามนัดซ้อน ร่างที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นจึงหายไป หนิงรีบเปิดประตูห้องน้ำออกมา เธอยังตกใจและหวาดกลัวอยู่ เธอบอกว่าเธอได้ยินเสียงวี้ดๆ อยู่ตลอดเวลาและได้ยินเพื่อนร้องกรี๊ดพร้อมกับเสียงวิ่งหนีไป เธอจึงไม่กล้าออกมาจากห้องน้ำ แม้เมื่อออกมาแล้วก็ยังไม่มีใครยอมเล่าอะไรให้เธอฟัง เพราะเกรงว่าเธอจะตกใจมากกว่าที่เป็นอยู่
เมื่อกลับจากการเข้าค่าย พวกที่ได้เห็นเปรตวัดร้างได้พากันไปให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ เท่านั้นไม่พอต้องทำพิธีบายศรีเรียกขวัญอีต่างหาก
บริเวณวัดร้างที่เป็นที่ตั้งค่ายพักแรม ชาวบ้านแถวนั้นเล่าลือกันว่าผีดุมาก...ดูขนาดไหนน่ะหรือ....ขนาดที่ว่าก่อนหน้านี้มีพระมาจำพรรษาอยู่แต่ว่าอยู่ได้ไม่นานก็ย้ายไปอยู่วัดอื่นกันหมด ชาวบ้านต้องไปนิมนต์พระจากที่อื่นมาอยู่ แต่กี่รุ่นกี่รุ่นก็อยู่ไม่ได้ เพราะว่าผีดุมาก ท้ายที่สุดจึงกลายเป็นวัดร้าง
เวลากลางคืน บริเวณวัดร้างจะเงียบและวังเวงมาก บรรยากาศน่ากลัว บางทีหมาก็เห่าหอนโดยไม่ทราบสาเหตุคลอดคืน ฟังแล้วโหยหวนมาก ไม่มีใครที่ไม่รู้เรื่องผีที่วัดร้าง พวกอาจารย์ก็รู้แต่ไม่ได้เอาใจใส่และไม่เชื่อเรื่องผีสางด้วย แม้ชาวบ้านจะทักท้วงอย่างไรก็ตาม
กิจกรรมในคืนแรกที่พักแรมเป็นการผจญภัยตามฐานต่างๆ กว่าจะเสร็จและอาบน้ำเข้านอนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน โดยต้องมีคนที่ทำหน้าที่อยู่เวรด้วย เวลาตีสองกว่าหนิงรู้สึกปวดฉี่จึงปลุกหน่อยกับน้อยให้ไปเป็นเพื่อน เมื่อหนิงเข้าห้องน้ำ หน่อยกับน้อยก็ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ สักพักก็มีเสียง วี้ด...วี้ด...วี้ด เป็นเสียงแหลมเล็ก “น้อยได้ยินเสียงอะไรไหม” น้อยพยักหน้ารับ “เสียงลมมั้ง” หน่อยตั้งใจฟังและแน่ใจว่าไม่ใช่เสียงลมเพราะบริเวณนั้นอากาศนิ่งสนิท แต่เสียงวี้ดๆ ยังดังระคายหูอยู่ และเริ่มสังเกตว่าเสียงดังมาจากข้างบน หน่อยจึงใช้ไฟฉายส่องกราดไปบนท้องฟ้าเพื่อหาที่มาของเสียงแล้วก็ได้พบ “เฮ้ย” เงาดำๆ ยาวๆ สูงลิบลิ่วสามหรือสี่เงาก็ไม่แน่นัก บางร่างก็มีหูใหญ่ราวกับหูช้าง ตาพองโต จมูกบาน บางร่างยกมือใหญ่ราวกระด้งโบกไปมาโยกเอนไปมาพร้อมกับเสียงดังวี้ดๆ “กรี๊ด” หน่อยกรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะคว้ามือน้อยวิ่งไปโดยไม่ดูทิศทาง พวกที่อยู่เวรยามรวมทั้งอาจารย์ต่างตกใจที่ได้ยินเสียงร้องกรี๊ด และเห็นหน่อยกับน้อยวิ่งหนีอะไรมาอย่างขวัญเสีย กว่าอาจารย์จะปลอบหน่อยกับน้อยให้หยุดร้องไห้หายหวาดกลัวและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็ใช้เวลานานโข แน่ละอาจารย์ไม่เชื่อแต่ก็นึกขึ้นได้จึงถามขึ้น “แล้วหนิงล่ะ” พวกอาจารย์จึงกรูกันไปที่ห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันจะได้พบหนิงก็ได้พบกับสิ่งที่ทำให้หน่อยกับน้อยหวาดกลัวจนขวัญผวา พวกเขากำลังเผชิญกับเปรตวัดร้าง อาจารย์คนหนึ่งจะด้วยความตกใจหรืออย่างไรไม่ทราบได้จึงยิงปืนขึ้นฟ้าสามนัดซ้อน ร่างที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นจึงหายไป หนิงรีบเปิดประตูห้องน้ำออกมา เธอยังตกใจและหวาดกลัวอยู่ เธอบอกว่าเธอได้ยินเสียงวี้ดๆ อยู่ตลอดเวลาและได้ยินเพื่อนร้องกรี๊ดพร้อมกับเสียงวิ่งหนีไป เธอจึงไม่กล้าออกมาจากห้องน้ำ แม้เมื่อออกมาแล้วก็ยังไม่มีใครยอมเล่าอะไรให้เธอฟัง เพราะเกรงว่าเธอจะตกใจมากกว่าที่เป็นอยู่
เมื่อกลับจากการเข้าค่าย พวกที่ได้เห็นเปรตวัดร้างได้พากันไปให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ เท่านั้นไม่พอต้องทำพิธีบายศรีเรียกขวัญอีต่างหาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น