วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

“อ้อม” ปัดด่าแม่เด็กในคลิป “ไพร่-สถุน” เผยอีกฝ่ายเมคลูกเตะแมลงสาบ-โทร.บีบให้หลุดโฆษณา ขู่ไม่หยุดเจอฟ้องแน่

“อ้อม” รับมีปากเสียงทะเลาะแม่เด็กที่มาเตะโดนขา “อาท” ปัดด่าหยาบอีกฝ่ายว่าไพร่-สถุน เสียใจคู่กรณีร่อนจดหมายถึงสื่อเมคเรื่องลูกตั้งใจเตะแมลงสาบ ทั้งยังพยายามโทร.หาเจ้าของสินค้าให้ปลดตนออกพรีเซ็นเตอร์ ลั่นให้อภัยไม่ถือสา แต่ถ้าไม่หยุดเจอฟ้องแน่ ส่วนมือดีปล่อยคลิปทางโรงหนังกำลังดำเนินการเรื่องคดีความ


อยู่ดีๆ ก็มีงานเข้า สำหรับนางเอกสาว “อ้อม พิยดา” กับสามี “อาท ศรา จุฑารัตนกุล” ที่ถูกมือดีปล่อยคลิปเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าโรงภาพยนตร์ดัง ซึ่งภาพทั้งหมดที่ปรากฏไม่มีเสียง แต่เป็นภาพเหตุการณ์ที่ทั้งคู่ยืนเถียงกับแม่ของเด็กชายคนหนึ่ง หลังเกิดเหตุเด็กเอาเท้าไปเตะโดน “อาท” จากนั้นทางแม่เด็กก็ได้ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชน โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ลูกชายของตนตั้งใจเตะแมลงสาบ ไม่ได้ตั้งใจเตะ “อาท” และได้กล่าวขอโทษเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังอ้างอีกว่า สามีของนางเอกสาวได้ใช้ถ้อยคำที่หยาบคายด่าตนว่า “ไพร่....สถุน หัดสั่งสอนลูกซะบ้าง”

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (22 ต.ค.) “อ้อม พิยดา” ก็ได้เปิดใจแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่สตูดิโอมนตรี ย่านลาดพร้าว 101 โดยเจ้าตัวได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อย่างที่เห็นในภาพแล้ว ก็เอาเป็นว่าเรื่องเกิดขึ้นมีน้องผู้ชายคนนึงเดินมาโดนพี่อาท โดยอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม พี่อาทก็ตกใจแล้วสบถว่า เฮ้ย..อะไรล่ะ เสร็จคุณแม่เขาก็ไม่ได้หันมาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และน้องเองก็คงจะตกใจในเสียงของเรา เขาก็วิ่งไปหาคุณแม่เขา คุณแม่ก็คงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น และด้วยความรักลูกก็เลยหันมาบอกเราว่า เด็กขอโทษแล้วจะเอาอะไรอีก แล้วเรื่องก็เลยเกินเลยเถิดกันไประหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับน้องคนนั้นเลย เป็นเรื่องปากเสียงกันระหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่”

“แต่คิดว่าชนวนเหตุมันน่าจะเริ่มมาจากที่บอกว่า เขาหันมาเห็นอ้อม แล้วเขาก็พูดว่า นี่มันเป็นดารานี่ ฉันดูละครของคุณอยู่นะ เราสองคนก็งงว่า เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นดาราหรือไม่เป็นดารา มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาพูดตรงนั้น และมันเกี่ยวอะไร พี่อาทก็เลยบอกว่า มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นดารา มันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงนี้ ไม่ใช่อาชีพของเรา อาชีพคืออาชีพ การกระทำก็คือการกระทำ ซึ่งเสียงที่เราพูดคุยกันก็คงจะไม่ปกติกันทั้งคู่ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องเป็นขนาดนี้”

“สำหรับพนักงานที่อยู่ตรงนั้น อ้อมก็รู้สึกเห็นใจเขานะคะ สงสารเพราะไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไร และตอนนี้ทางนั้นเขาก็กำลังมีปัญหากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถ้ามีอะไรพวกเขาก็ยินดีที่จะให้การได้หมดทุกคนว่า เรื่องจริงมันเป็นอย่างไร ถามว่า หลังจากแยกย้ายจบกันด้วยดีไหม ก็เอาเป็นว่าทุกคนเห็นหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น อ้อมคิดว่าเราควรจะจบเรื่องนี้ อ้อมกับพี่อาทได้มีการคุยกันแล้ว และคิดว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องการมีปากเสียงระหว่างผู้ใหญ่ ไม่เกี่ยวกับเด็กเลย และอยากให้จบอยากให้รู้จักการให้อภัยกันมากกว่า”

ยันไม่มีการด่าอีกฝ่ายว่า “ไพร่” หรือ “สถุน” พร้อมปัดพ่อของเด็กมาขอโทษแล้ว

“และอีกอย่างนึงอ้อมเสียใจมาก (เสียงลากยาว) ที่ถูกกล่าวอ้างว่าพูดคำว่าสถุน ยืนยันว่า ไม่มีหลุดออกจากปากอ้อม และพี่อาท อย่างแน่นอน เพราะไม่ได้เป็นคนพูดจาหยาบคายโดยปกติไม่มีการเพิ่ม ยิ่งพี่อาทไม่มีการพูดเด็ดขาด ไม่มีการว่าเด็ก ไม่มีการกล่าวโทษเด็ก แต่ยอมรับว่ามีปากเสียงกันระหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ แต่ไม่มีการพูดจาหยาบคาย”

“ส่วนเรื่องพ่อเด็กมาขอโทษ อันนั้นเป็นอีกเรื่องนึงที่ได้บอกไป เวลาที่เราเล่าให้เพื่อนฟัง เราก็เล่าให้ฟังหมด แต่ว่ามันก็มีกล้องวงจรปิดอีกตัวนึง ที่เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบนี้ เรื่องราวเกิดขึ้นต่างๆ ต่อไปในกล้องวงจรปิด ซึ่งเขาก็ได้เก็บเอาไว้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็เกี่ยวกับคุณพ่อน้องเขาด้วย ถ้าเขาดูเขาก็คงจะทราบ แต่คุณพ่อของน้องเขาไม่ได้ขอโทษอะไร”

รับเจ้าของสินค้าที่ตนเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่โทร.หา แต่ไม่อยากโทษอีกฝ่ายโทร.บีบให้ปลดตนออกโฆษณา ทั้งยังเสียใจที่คู่กรณีร่อนจดหมายหาสื่อเมคเรื่องลูกเตะแมลงสาบ

“อ้อมไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องนี้นะ เพราะอ้อมเป็นคนที่ไม่ว่าจะโกรธใคร ทุกอย่างมันจบได้อยู่ที่เรา ถ้าเรารู้จักจบรู้จักให้อภัย ไม่ว่าเรื่องจะเกิดขึ้นดีหรือไม่ดี ถ้ารู้จักให้อภัยมันก็จบค่ะ แต่ถามว่ามีโกรธมีโมโหไหม ก็คงต้องบอกว่าคนเรามีอารมณ์ก็ต้องมีโกรธโมโห หรือรู้สึกไม่พอใจ แต่พอเรากลับมานั่งคิดทบทวน เราก็ต้องให้อภัย ก็คงจะจบตั้งแต่ตอนนั้น แล้วอีกอย่างนึงเสียงก็ไม่มี แต่เราก็มีพยานเห็นหน้าใคร แต่ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็เข้าใจ ทุกคนเข้าใจหมดเลย”

“สำหรับสินค้าที่อ้อมเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นก็มีโทรศัพท์มา แต่อ้อมไม่อยากไปว่าเขาว่าเขาเป็นคนทำ อ้อมเลยไม่อยากพูด แต่ถ้ามีข่าวมาก็มีค่ะ มีทางสินค้าโทรมาหาอ้อม ก็ทั้งโอเลย์และแบรนด์ เขาก็ได้เห็นคลิปแล้ว ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เป็นไร พวกเราให้กำลังใจอ้อม มันก็แค่เสียงเดียวคงไม่ทำอะไรได้หรอก เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็มีคนเห็นอยู่แล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ก็ติดตามต่อไปนะคะว่า เรื่องราวจะเป็นยังไง ถ้ายังมีต่อไปอีก”

“ก็รู้สึกเสียใจนะคะ ที่ทางคุณแม่น้องเขาพยายามที่จะส่งเอกสารไปยังสำนักข่าวต่างๆ อ่านไปมันก็เหรอ คือ มันมีอะไรต่างๆ มากกว่านั้นที่เราเจอประสบเอง แต่อยากจะบอกว่าเด็กเตะแมลงสาบ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ทางเมเจอร์ฯน่าจะพิจารณาด้วยที่มีแมลงสาบ แต่อ้อมเห็นตรงที่ขายป๊อบคอร์นไม่มีแมลงสาบนะ คือ แมลงสาบจะอยู่ตรงนั้นดีไหม ต้องพิจารณากันเอาเอง”

เปรยสามีตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ถือสาและให้อภัยอีกฝ่ายนานแล้ว เพราะเคยบวชและศึกษาธรรมมาก่อน

“คุณสามีตอนแรกก็ตกใจ เขาก็งง เพราะมันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องมันเกิดขึ้นได้ เป็นเพราะอ้อมนี่แหละ เพราะอ้อมเป็นนักแสดง ถ้าเกิดลองว่าอ้อมเป็นนายบีกับนางเอก็จะคงจบ แต่พอดีเป็นเราแค่นั้นเอง ซึ่งพี่อาทก็ให้กำลังใจ และเราก็ปรึกษากันตลอด พี่อาทเป็นคนบอกตลอดเลยว่า เรื่องมันจบได้ด้วยตัวเราเอง พี่อาทก็เข้าใจค่ะ เพราะเขาก็ไปบวชไปศึกษาธรรมมา เขาก็เข้าใจ เขาให้อภัยตั้งนานแล้ว”

“คิดว่าพี่อาทคงไม่ได้ถือสาอะไรหรอกค่ะ พี่อาทก็คงตกใจ พอตกใจและมันก็มีปัญหาต่อไปก็คือ เขามาพูดบอกว่า ฉันดูละครของเธอนะ เธอเป็นดารานี่ มันเลยรู้สึกว่าเกี่ยวอะไรกับที่เราเป็นดารา เราหันมาพยายามที่จะอธิบายให้ฟังว่าเขาไม่เกี่ยว นักแสดงมันเป็นอาชีพ แต่เหตุที่เกิดมันเป็นเหตุอะไรที่เกิดขึ้นตรงนี้ พอพูดก็อ้อ...อยากจะสร้างกระแสให้กับตัวเองใช่ไหม แต่อ้อมคิดว่าอ้อมกับพี่อาทคงไม่ต้องสร้างกระแสอะไรแล้วแหละ จากนั้นมันก็เลยทำให้เกิดอารมณ์อะไรกันขึ้น มันก็เลยเป็นเรื่องกันไประหว่างผู้ใหญ่และผู้ใหญ่ ไม่ได้มีการว่าเด็กเลย อ้อมก็มีหลาน รักหลานตัวเอง ไม่มีทางไปว่าเขาอยู่แล้ว ยิ่งไม่ใช่ลูกหลาน ยิ่งไม่กล้าไปพูดว่าอะไรเขา แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่มันก็อีกเรื่องนึง”

โวผู้ใหญ่ทางเอ็กแซ็กท์ไม่ว่าอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ลั่นถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมจบตนจะฟ้องร้องแน่เพราะมีหลักฐานเป๊ะ ส่วนมือดีปล่อยคลิปทางโรงภาพยนตร์กำลังดำเนินการเอาผิด

“คือเราบอกพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) แล้วนะ เพิ่งบอกพี่บอยไปเอง เพราะไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่อ้อมไปบอกพี่ปริม (ภรรยาของบอย) ไปแล้วนะคะ แล้วพี่ปริมบอกว่าจะบอกพี่บอยให้ พี่บอยก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ถามว่าอ้อมจะเอายังไง อ้อมก็อยากให้อภัย อยากให้จบเพราะมันไม่ได้มีผลดีกับใครเลย ไม่ว่าใครจะถูกจะผิด ก็อยากให้รู้จักคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้วรู้จักให้อภัยกัน มันจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม”

“ปัจจุบันนี้ก็ไม่ทราบว่าจะตามเขาได้ที่ไหน เพราะถ้าเกิดจะตามเขา เราก็ต้องไปแจ้งความว่าใครเป็นคนเอาคลิปนี้ไป แต่ถามว่าเราทราบชื่อไหม ก็ทราบว่าใคร แต่ก็ไม่ได้อยากจะมีปัญหาต่อ ก็อย่างที่บอกถ้าเรื่องมันจบแค่นี้ และไม่ได้ถูกกล่าวว่าอะไรต่างๆ ให้เสียหายไปกว่านี้ ก็จบแค่นี้ แต่ถ้ามันยังไม่หยุด ยังไม่จบแค่นี้ ก็คงจะต้องมีการดำเนินการต่อไป แต่ถ้าอภัยได้มันก็เป็นสิ่งที่ดี ทุกอย่างมันจบได้ด้วยตัวเรา”

“สำหรับเรื่องฟ้องร้อง ณ ปัจจุบันนี้ที่อ้อมถูกกล่าวอ้าง จนทำให้เสียชื่อเสียง เอาเป็นว่าถ้าเรื่องจบแค่นี้ก็ยังไม่คิดจะฟ้องอะไร แต่ถ้าเรื่องนี้ยังไม่จบ และมีการกล่าวอ้างให้อ้อมและพี่อาทเสียชื่อเสียงต่อไป ก็คงจะต้องมีการดำเนินการต่างๆ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นคงต้องมีการปรึกษาผู้ใหญ่อีกที ถ้าทำให้อ้อมเสื่อมเสียชื่อเสียงก็ฟ้องค่ะ แต่ถ้าทุกอย่างจบก็ไม่เอาเรื่องไม่ฟ้องอะไร ถ้าไม่จบหลักฐานเราก็มีเป๊ะๆ ทุกอย่าง”

“ทางฝ่ายโน้นเท่าที่ทราบก็คือว่าเขาไปแจ้งความที่สน.ทองหล่อ เพื่อที่จะเอาใบแจ้งความไปขอหลักฐานมายืนยันคำแจ้งความของเขา แต่ ณ ตอนนี้อ้อมก็ยังไม่ได้รับหมายเรียกใดๆ เพราะคาดว่าตำรวจก็คงไม่ได้รับแจ้งความ เพราะเรื่องมันไม่เป็นเรื่อง ก็คงจบแค่นั้น แต่สำหรับการที่คลิปไปออกที่สาธารณะโดยการโพสต์ของใครก็ตาม เราไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นคนโพสต์ อันนี้คงเป็นเรื่องของทางโรงภาพยนตร์เมเจอร์แล้ว ว่า จะดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมายหรือทางคดีความ เพราะอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า กฎหมายต่างๆ กล้องวงจรปิดไม่สามารถใช้ออกสู่ที่สาธารณะได้ ซึ่งคนที่เอาออกมาทำแบบนี้ก็คงจะต้องถูกดำเนินการ”

ไม่ฝากบอกอะไรอีกฝ่าย แต่อยากให้รู้จักคำว่าอภัย พร้อมบอกเข้าใจกับการพาดหัวข่าว

“อ้อมไม่อยากฝากบอกอะไรเลยนะ ไม่สามารถไปบอกอะไรเขาได้เลย อย่างที่บอกว่าเราอยากรู้จักคำว่าอภัย แต่การที่จะสอนอะไร มันก็เป็นเรื่องของแต่ละครอบครัวไป บอกได้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่สำหรับการพาดหัวข่าวอ้อมคิดว่า ทุกคนก็น่าจะเข้าใจ ตัวอ้อมเองก็เข้าใจนักข่าวทุกคนว่า เวลาจั่วหัวพาดหัวข่าว ถ้ามันไม่แรงก็เหมือนตัวเรา ถ้าเราเห็นข่าวก็อาจจะคิดไปอีกอย่างนึง แต่ถ้าพาดหัวข่าวแรงๆ เราก็เข้าใจนักข่าวที่พาดหัวแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้านเนื้อหาข้างในก็คงจะเห็นว่าไม่มีอะไร ก็มีตาชั่งให้ชั่งดูว่า ฝ่ายไหนถูกฝ่ายไหนผิดก็ดูกันเอาเอง บางทีก็แรงบ้างน้อยบ้าง บางทีก็เออพี่แรงไปไหม ก็มีบ้างค่ะ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น