แฟนเก่า “แดน ดนัย” น้ำตานองยันไม่มีเจตนาเอาโซดาไฟสาดใส่ดาราหนุ่ม เผยจะเอามากินฆ่าตัวตาย เพราะรับไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมีหญิงอื่นในห้องนอน เผยเคยอยู่กินฉันท์ผัวเมียนาน 5 ปี แต่ต้องแยกบ้านเพราะครอบครัวฝ่ายชายไม่ปลื้ม ขอโทษทำเดือดร้อนลั่นยังรักและยังอยากตายอยู่
ยอมออกมาแถลงข่าวเปิดใจกับสื่อมวลชน เพราะทนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมไม่ไหว สำหรับ “ก้อย แพรวพันธุ์ สมพงษ์มิตร” วัย 30 ปี สาวมือสาดน้ำกรดใส่ดาราหนุ่ม “แดน ดนัย สมุทรโคจร” ที่ตกเป็นข่าวฮือฮาขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายฉบับเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (26 พ.ย.) ก้อยได้พาพี่ชายคนสนิท “นายสุวิชชา แสงอวน” มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่ร้านตำแหลก ย่านรามอินทรา ซึ่งก้อยที่อยู่ในสภาพบอบช้ำตาบวม ได้เล่าถึงเหตุการณ์พร้อมกับน้ำตานองหน้าตลอดเวลาว่า
“เหตุการณ์วันนั้นที่ตัดสินใจไปบ้านเขา มันเกิดจากที่เราสงสัยว่าทำไมช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แดนถึงไม่รับโทรศัพท์เราเหมือนปกติ สงสัยมากมันผิดปกติ ปกติจะส่งแมสเซจกลับมา โทรกลับมา ถ้าไม่รับก็จะโทรกลับมา แต่เมื่อที่ผ่านมาโทรไปก็ไม่รับ และไม่โทรกลับมาด้วย 1-2 วันเราก็อดทน ดูว่ามันผิดปกติและสงสัย มันผิดคิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ทุกครั้งเราเจอกัน เราก็ถามเขาว่ามีแฟนหรือเปล่า เขาพูดว่าไม่มีใครเลย ไม่มีใครจริงๆ ถามย้ำหลายรอบแล้ว และที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเลย เป็นคนดีมาก”
“เราก็คิดอยู่ประมาณ 1 คืน เป็นคืนก่อนที่จะบุกไปบ้านเขา ก็คิดไว้แล้วว่า มันมีอะไรสักอย่างแน่นอน ถ้าเราเจอสิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่น เราจะฆ่าตัวตาย (ร้องไห้สะอึกสะอื้น) พอวันรุ่งขึ้นเราก็ไปบ้านเขา ที่เขาบอกว่าก้อยบุกรุกทุบกระจกบ้านเขาไม่จริงเลย เหตุการณ์แต่แรกก้อยไปถึงประมาณบ่ายโมง เรามีการ์ด มีสติ๊กเกอร์ มีกุญแจห้องทุกห้องในบ้านนั้น เพราะคบกันนานแล้ว เราก็ไปกดออดแล้วแต่เขาไม่เปิด”
“คือรู้แล้วว่าเขาตื่นแล้วต้องมีอะไรแน่ ด้วยความร้อนใจและสงสัยมาก มันมีหินก้อนหนึ่งแถวนั้นเราก็เอามาทุบกระจกเปิดล็อกแล้วเข้าไป เขาก็ตะโกนเรียกออกมาว่า ก้อยๆๆ เราก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องนอน แต่เขาไม่เปิด เราก็เอากุญแจมาไข ไขเสร็จก็เจอเขาอยู่คนเดียว ก็ถามว่าในห้องน้ำมีใครอยู่ ก็คุยกันดีๆ แล้วผู้หญิงก็เรียกเราเข้าไปคุยในห้องน้ำก็กอดกัน เราก็เข้าใจแล้วว่าเขารักกัน มายังไง”
“เราก็เดินเสียใจอารมณ์ชั่ววูบ (ร้องไห้โฮ) มันก็ไม่ชั่ววูบ มันอยากตาย (สะอึกสะอื้น) คือขวดน้ำที่เอาไปด้วยเราไม่ได้ตั้งใจจะไปสาดเขา เราเตรียมไปเพื่อจะดื่มเอง เหตุการณ์ ณ ตอนนั้นคือคุยกันรู้เรื่องแล้วว่า เราเจอแน่นอนกับตา ที่เราคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนเขา ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนมาจากอเมริกา ก็คือมันเห็นสภาพเขาอยู่ในห้องเดียวกัน แล้วลักษณะการแต่งกายเขาก็ไม่ได้แต่งตัวพร้อม ส่วนผู้หญิงก็อาบน้ำอยู่ มันไม่ใช่ เราก็เลยหยิบขวดขึ้นมาบอกว่าเราหิวน้ำ ก็หยิบขึ้นมาจะดื่ม แต่เขาพูดว่าอย่ามาตายในบ้านเขา เขาก็ยื้อแย่ง ก็เกิดการสู้กัน แล้วมันก็เลยไปโดน เขาก็ปาขวดไปอีกห้องหนึ่ง คือถ้าเขาไม่แย่งไม่งั้นเราก็ตายไปแล้ว หรือถ้าไม่ตายก็กะว่าทำให้เขาเห็น ที่ไม่ทำที่บ้านเราเพราะอยากให้เขารู้ว่า มาตายให้ดูต่อหน้า เพราะเรารักเขามาก ทำใจไม่ได้ที่จะไม่มีเขา”
เมื่อย้อนถามถึงความสัมพันธ์ที่ฝ่ายชายบอกว่าเลิกกันมานาน 6 เดือนแล้ว เจ้าตัวยอมรับแต่ยังมีการติดต่อไปมาหาสู่กันไม่เคยขาด พร้อมเผยเคยอยู่กินกันฉันท์สามี-ภรรยากับดาราหนุ่มมานานถึง 5 ปี
“คือพูดว่าเลิกแต่เขาก็ติดต่อ ก็ยังไปมาหาสู่ก้อยที่บ้านปกติ ที่เขาบอกว่าเลิกเพราะเขาโกหกแม่เขา แม่เขาบอกว่าอย่ามายุ่งกับเรา แต่เราก็ยังติดต่อกัน เขาทำเพื่อแม่และครอบครัว แต่จริงๆ ก็ยังคบหาอยู่ ถามว่าเหมือนเขาหลอกเราหรือเปล่า เขาไม่ได้หลอกหรอก มันก็เป็นความสมัครใจของเรา เรารักเขา ก็ยังอยากมีเขาอยู่ในชีวิต อะไรก็ได้ๆ ยังได้เจอกันบ้าง ได้คุยกันบ้าง ถ้าเขาไม่รักเรา ไม่มีใจให้เราเลย เขาจะมาไหม เราก็เข้าข้างตัวเองว่า เขายังรักเราอยู่ ไม่งั้นเขาจะมาติดต่อหรือมาหาทำไม”
“ก้อยกับแดนถ้านับถึงวันนี้ก็คบกันมา 5 ปี ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีเรื่องลงไม้ลงมือกันในบ้านเลย คือถ้าตอนคบกันก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนเราใช้ชีวิตอยู่ในบ้านด้วยกัน เราอยู่บ้านหลังนั้นเลย”
“นายสุวิชชา” รีบกล่าวเสริมทันที “ก็เป็นสามี-ภรรยาตามพฤตินัย ไม่ได้จดทะเบียน ผู้หญิงผู้ชายรักกันคบกัน อยู่ด้วยกัน ทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมชาติ ผมก็ไม่เข้าใจเขาบอกความในไม่ให้ออก ความนอกไม่ให้เขา น้องเขาก็ไม่เคยไปปริปากว่าคบกับแดน ไม่เคยทำให้แดนเสียหาย หรือบอกว่าเป็นแฟนแดน น้องเงียบตลอด รู้ว่าแดนเป็นคนของประชาชนก็ไม่อยากให้พูดให้เสียหาย”
จากนั้น “ก้อย” ได้เล่าต่อถึงสาเหตุที่ “แดน” พาผู้หญิงอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านได้ จนทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง
“เราอยู่กันมา แล้วมามีปัญหากันสักพักนี้ ก็เป็นปัญหาที่ต้องทำให้ทางบ้านเขาสบายใจ แดนก็บอกว่าให้ห่างกัน เราก็เลยแยกบ้านออกมาเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังมาหาเราที่บ้านปกติ”
“ส่วนที่บอกว่าก่อนหน้านี้เราเคยมีเรื่องและขึ้นสน.โคกครามด้วยกันมาแล้ว ก็เป็นเรื่องจริงค่ะ ก็เป็นตอนที่เราขนของออกจากบ้าน แล้วมันมีสายชาร์จสำหรับเครื่องเล่นเกมส์ของเขาติดมากับเรา มีของ 3 อย่าง....ที่บอกว่าเราเอาของเขาไป มันเป็นการเข้าใจผิด วันที่เราไปขนของก็พาคนไปช่วยขน แล้วของอันนั้นอยู่ในกระเป๋าเรา เราไม่มีจิตใจจะขโมยของอยู่แล้ว ของเราก็เยอะกว่าอีก”
“แต่หลังจากเกิดเรื่องล่าสุดนี้ก้อยยังไม่ได้คุยกับแดนเลย เขาก็ไม่โทรมา แต่ในระหว่างนั้นที่ออกมาเรารู้แล้วว่าเราผิดที่บุกรุกบ้านเขา เราก็รอที่จะไปสถานีตำรวจ ทางผู้จัดการเขาก็บอกว่าไม่ต้องมา ให้กลับบ้านไปเลย ไม่มีอะไร ซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่องคดี เพราะเราไม่ได้ตั้งใจไปทำร้าย ไม่ได้วางแผนจะไปทำร้ายเขา แล้วเราก็ไม่ได้ทำอะไรผู้หญิง เราไม่ได้ทำเลย (ร้องไห้)”
“แล้วน้ำที่ก้อยเอาไปก็ไม่ใช่น้ำกรด เป็นโซดาไฟผสมน้ำยาล้างห้องน้ำ อันนั้นเขาเรียกน้ำกรดหรือเปล่าก้อยไม่รู้ แต่เราเองก็โดนหน้าโดนตัวเราเหมือนกัน เพราะยื้อแย่งกัน (โชว์รอยแผล) แล้วก้อยก็ขอยืนยันว่า ไม่ได้เอามือไปทุบกระจกบ้านเขา ถ้าไปดูที่เกิดเหตุจะเห็นว่า กระจกไม่สามารถเอามือต่อยแล้วแตกได้ ไปดูได้เลย เพราะมันมีวัสดุ เราก็เอาหินแถวนั้นทุบ ยืนยันว่าไม่ได้เอามือทุบแน่นอน รอยอันนี้พิสูจน์ได้”
เอ่ยปากขอโทษดาราหนุ่มที่ทำให้เดือดร้อน ลั่นยังรักและยังอยากตายอยู่
“ก้อยก็ขอโทษที่ทำให้เขาเดือดร้อน ไปสร้างเรื่องในบ้านเขา และทำให้เขาโดนน้ำที่เราเตรียมจะไปกินเอง กระเด็นใส่เขา (ร้องไห้อีก) ถามว่ารักเขาไหม รักเขานะ ไม่เคยคิดทำร้ายเขานอกจากตัวเรา เราแบบโอเคไม่รักฉัน ฉันตาย ฉันไม่อยากทำร้ายเธอ ไม่อยากให้เขาเสียชื่อเสียง เพราะเขาเป็นคนดี ก็รักเขา (ร้องไห้) ตอนนี้ก็ยังอยากตายอยู่นะ อะไรก็ได้แล้ว”
“ตอนนี้คงเลิกเด็ดขาดแล้วมั้งคะ เขาคงไม่มาอะไรกับเราแล้วล่ะ ก้อยก็คงไม่เข้าใกล้เขาแล้ว ไปถึงขนาดนั้นแล้ว มันพอแล้ว (ร้องไห้) ก็เขาบอกว่ามีคนอื่นแล้ว เราก็ไม่ยุ่งกับเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกเขาหลอก เขาอาจจะยังไม่เรียกแฟนก็ได้”
ในส่วนของคดีความพี่ชายคนสนิทของ “ก้อย” เผยยังไม่ได้รับหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ ยันไม่ได้คิดหลบหนีแต่อย่างใด
“เรื่องคดีคือน้องเขาติดต่อไปทางสน.แล้ว ผู้จัดการเขาบอกว่าไม่ต้องติดต่อมาแล้ว เพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว น้องก็ไม่ได้ติดต่อไปไหนเลย ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ติดต่อมา คือเราก็พร้อมที่จะไปให้ปากคำ เราไม่ได้หนี แต่ที่หลบเพราะสภาพจิตใจน้องยังไม่ดีมาก แต่ถ้าเขาเรียกมาเราก็ไป ถึงแดนบอกไม่มีอะไร ไม่เอาเรื่อง เราไม่มีอะไรก็จบ แต่ถ้าทางกฎหมายบอกยอมความไม่ได้ แล้วทางตำรวจจะเอายังไง ถ้าพิสูจน์ว่าน้องผิดจริงหรือไม่จริง เราก็ทำตามกฎหมาย"
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น