ประกาศเลิกรากับอดีตภรรยา “เมจิ อโนมา ศรัณย์ศิขริน” ได้พักใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมามีข่าวหนุ่ม “แมน ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์” แอบควงนักศึกษาสาวนอกวงการให้ได้ยินเสมอ แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธเป็นเพียงญาติลูกพี่ลูกน้องของตน ล่าสุดปาปารัซซี่แชะภาพหนุ่มแมนควงสาวนางนึง ที่อ้างว่าเป็นแฟนคนใหม่ชื่อน้อง "โมเด็ม" เอาไว้ได้ แต่ดาราหนุ่มก็ออกมายืนยันอีกรอบว่า สาวคนนี้เป็นเพียงแฟนเพื่อน ไม่ใช่สาวตัวจริงที่คุยกันอยู่“เขาเป็นแฟนของรุ่นน้องครับ ไม่ใช่แฟนผม ผมชอบหมวยแล้วก็ผิวขาว ไม่ได้ว่าน้องเขาผิวคล้ำนะ แต่ว่าเขาเป็นแฟนของรุ่นน้อง แล้ววันนั้นไม่ได้ไปกันสองคน เราไปกันทั้งหมด 5-6 คน พอดีวันนั้นไปงานเปิดตัวกางเกงยีนส์ยี่ห้อนึง ความจริงเราก็สนิทกันแหละ เพราะเขาเป็นแฟนของรุ่นน้องที่ผมสนิท ก็เลยชวนกันไปงานเพื่อจะไปดูแฟชั่นโชว์ แล้วก็จะไปรับกางเกงยีนส์ ก็เหมือนไปร่วมงานปกติทั่วไป เพียงแต่เผอิญว่าพอเราเข้าไปในงาน เราอาจจะแต่งตัวคล้ายๆ กันมั้ง แล้วก็ใส่แว่นดำด้วย คนก็เลยอาจจะคิดว่าเราต้องมาเป็นคู่แน่เลย”
“ก็เห็นแล้วล่ะตอนที่เขามาถ่ายก็ยังหันไปยิ้มให้กล้องอยู่เลย เพราะว่าเขาไม่ใช่แฟนเรา พอถ่ายรูปเสร็จเดินออกไปก็คุยกันว่า เดี๋ยวดูสิไม่บอกว่าเป็นแฟนผม ก็ต้องบอกว่าเป็นกิ๊กแฟน หรือไม่ก็ต้องบอกว่ามารอใครสักคน มันเป็นธรรมชาติของสื่อ ก็ยังคุยเล่นๆ กันอยู่เลย ไม่ทันไรพอวันรุ่งขึ้นมันก็มีจริงๆ เห็นรูปแล้วยังบอกกับเขาเลยว่า เห็นไหมเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ด้วย พี่บอกแล้วไม่ใช่”
“น้องเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องของสื่อที่ต้องเขียนข่าว แล้วก็ต้องทำให้มันเป็นเรื่องอะไรขึ้นมาบางอย่าง แล้วอีกอย่างนึงก็คือผมยังไม่ได้มีแฟนใหม่ หรือว่ายังไม่ได้มีอะไรเป็นตัวเป็นตนชัดเจน มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องถูกจับตามองดู ก็มองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ถามว่าผมมีไหม จริงๆ แล้วคือถ้าเมื่อไหร่ที่คิดว่าเขาใช่มากๆ จริงๆ หรือว่าเป็นใครคนไหน ถ้าถึงเวลาแล้วทุกอย่างพร้อมก็คงจะอยากออกมาบอก บางอย่างเราตอนนี้มันหลบสายตาสื่อยาก ถึงแม้จะไม่ใช่สื่อเราไปเดินที่ไหนก็ตาม มันก็จะมีเป็นสื่อแฝงอยู่เยอะแยะมากมาย เอาเป็นว่าถ้าถึงเวลาอันสมควรเราก็คงจะเปิดเผย”
เผยมีคนรู้ใจแล้วแต่ยังไม่พร้อมเปิดตัว เหตุไม่ใช่คนในวงการบันเทิง และยังไม่สมควรแก่เวลา
“ตอนนี้ผมเองก็มีคนที่คุยๆ กันอยู่บ้าง แต่อย่างที่บอกว่าบางทีเขาเองก็ยังไม่พร้อมด้วย แต่เราเจอสื่อบ่อยแล้ว เรารู้สึกว่ามันป็นเรื่องที่คู่กัน แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่คนในวงการ เขาอาจจะคิดว่ามันคืออะไร ทำไม แล้วทำไมต้องเป็นแบบนี้ เขาอาจจะไม่เข้าใจโดยถ่องแท้ แล้วเราก็ไม่อยากจะให้เขารู้สึกว่า เขาไม่มีความเป็นส่วนตัว แล้วอีกอย่างมันก็คงไม่ถึงเวลาด้วยที่จะออกมาเปิดเผย ด้วยความที่เขายังไม่พร้อม แล้วเขาก็ไม่ใช่คนในวงการ เขาก็ไม่อยากจะออกมาสู่สาธารณชน”
“เพราะผมเคยบอกเขาว่า นักแสดงมันก็เหมือนโทรศัพท์สาธารณะ ถ้าไม่จำเป็นก็อยากเป็นโทรศัพท์มือถือดีกว่า เป็นโทรศัพท์ในบ้านเถอะ เป็นโทรศัพท์สาธารณะบางคนอาจจะเดินมาทุบตู้เราบ้าง บางก็ก็เดินมาเอาเหรียญผิดๆ หยอดให้เราบ้าง บางคนเอาแบงค์มาใส่ให้เราบ้าง โทรฟรีไม่จ่ายเงินก็มี บางทีก็เจอคนเอาสีมาพ่นตู้ ทุบตู้ ทั้งๆ ที่คุณใช้ประโยชน์จากตู้สาธารณะนี้อยู่ แต่ผมเองก็ทำใจแล้ว เพราะเข้าใจในส่วนของความเป็นดารามานานมากแล้ว มันก็เลยไม่รู้สึกกลัวด้วย เพราะเราเข้าใจรูปแบบของงาน ทั้งเราแล้วก็สื่อมวลชน”
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น