เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อฉันอายุได้ 18 ปี อายุเท่านั้นแต่ก็เจอผีมามาก ส่วนใหญ่จะมาทักทายแบบเห็นเป็นรูปร่างแบบคน แต่ที่เจอครั้งนี้ เดาไม่ได้เลยว่ามันคืออะไร...
ตอนนั้นฉันและพี่น้องอีก 5 คน ว่างจากการทำนา จึงหารายได้พิเศษจากการเกี่ยวข้าวตามที่ต่างๆ โดยล่องเรือไปรับจ้าง จนกระทั่งมาถึงจังหวัดอ่างทอง ก็มีคนเรียกให้ไปเกี่ยวข้าว ผู้ที่มาเรียกเราเป็นผู้หญิง และให้เราเอาเรือจอดในอู่จอดเรือข้างบ้าน แล้วคืนนี้ให้เราพักค้างคืนที่บ้านไปก่อน
เมื่อเห็นสภาพบ้านแล้วไม่อยากจะค้างเลยจริงๆ บ้านหลังนี้ทั้งเก่า ทั้งโทรม แถมรอบๆ บ้านยังมีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น ดูวังเวงน่ากลัว เจ้าของบ้านเท่าที่เห็นมีกันอยู่ 3 คน พ่อคนหนึ่งและลูกสาวอีก 2 คน หลังจากกินข้าวแล้วลุงกับป้าของฉันบอกว่าคืนนี้จะนอนที่เรือ ฉันแปลกใจเพราะปกติต้องเป็นฉันที่ไปนอนที่เรือ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตกลงคืนนั้นพวกเราก็นอนที่บ้านหลังนั้นโดยเจ้าของบ้านให้เรานอนชั้นบน นี่ก็น่าแปลก ธรรมดาเจ้าของบ้านต้องนอนชั้นบน และให้แขกนอนชั้นล่าง
พอขึ้นไปบนบ้าน สิ่งที่เห็นสิ่งแรกก็คือห้องที่มีผ้ายันต์ปิดหน้าประตู ฉันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ห้องที่พวกเรานอนคือบริเวณห้องโถงซึ่งเชื่อมต่อกับระเบียงโดยตลอด ไม่มีผนังข้างหน้ามีแต่ด้านข้างและด้านหลัง ส่วนห้องที่มียันต์ปิดนั้นก็อยู่ในห้องโถงอีกที เราช่วยกันกางมุ้งแยกเป็นมุ้งชายและมุ้งหญิง คนที่นอนติดกับประตูที่ปิดยันต์คือน้องชายคนสุดท้อง ส่วนฉันนอนริมสุดติดกับโต๊ะเล็กตัวหนึ่งซึ่งมีโกฐบรรจุกระดูกวางอยู่ 3 อัน ทุกคนหวาดกลัวกันทั่วหน้าด้วยบรรยากาศของสถานที่ กว่าจะนอนได้ก็ดึก
ฉันพยายามข่มใจให้หลับ จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างมาทับมุ้งจนเอนไปข้างหนึ่ง แล้วยังทับขาของฉันด้วย ฉันตาเบิกโพลงแต่ไม่กล้ามอง ฉันนอนไม่กระดิกตัวแม้แต่น้อย จะปลุกคนอื่นก็เกรงจะไม่ได้นอนกันจนถึงเช้า ถึงจะหวาดกลัวแค่ไหนแต่ก็ดึงสติกลับมาได้ เริ่มคิดไปต่างๆ นานาว่ามันคืออะไร ความรู้สึกที่โดนทับเหมือนกับคนเอาหัวมาหนุนที่ขา เพราะอุ่นๆ และนุ่ม แต่ใครจะเอาหัวมาหนุน ดึกป่านนี้แล้วใครจะมาเล่นอยู่ พยายามนึกในใจเข้าข้างตัวเองว่าเป็นแมวแล้วผลักมันออกไปทันที แล้วมันก็ไม่มาทับอีก จึงนอนหลับลงได้ ตอนเช้าลุงกับป้าที่นอนในเรือมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนตอนนอนในเรือมีนกมาร้องเสียงน่ากลัวทั้งคืนเลยนอนไม่หลับ และเรือยังโคลงเคลงเหมือนมีคนมาจับโยกอีกด้วย ลุงถามว่าเราเจออะไรบ้างไหม พี่ชายบอกว่าไม่มีอะไร ฉันไม่แน่ใจจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป แล้วก็มองหาอะไรบางอย่างที่สงสัยว่าเป็นแมว แต่ก็ไม่พบสักตัวในบ้านหลังนั้น
เมื่อเราไปตรวจข้าว พบว่าข้าวยังไม่แก่ดี ยังเกี่ยวไม่ได้ นับเป็นโชคดีที่ไม่ต้องนอนค้างบ้านหลังนั้นอีก แล้วเราก็อำลาเจ้าของบ้าน เมื่อเจอร้านค้าแถวนั้นก็จอดเรือแวะซื้อของ พวกเราลองถามเจ้าของร้านเกี่ยวกับประวัติบ้านหลังนั้น เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนบ้านหลังนั้นมีกัน 5 คน คือเจ้าของบ้านและเมียเขา ลูกชายคนหนึ่งและลูกสาวสองคน เมียของเจ้าของบ้านตกเลือดตายทั้งกลมที่ระเบียงบ้าน ส่วนลูกชายคนโตป่วยเป็นไข้ตาย ส่วนอีกโกศหนึ่งไม่ทราบว่าเป็นของใคร แต่ที่ยังสงสัยไม่หายคือ คืนนั้น อะไรที่นอนทับขาฉัน
เมื่อเห็นสภาพบ้านแล้วไม่อยากจะค้างเลยจริงๆ บ้านหลังนี้ทั้งเก่า ทั้งโทรม แถมรอบๆ บ้านยังมีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น ดูวังเวงน่ากลัว เจ้าของบ้านเท่าที่เห็นมีกันอยู่ 3 คน พ่อคนหนึ่งและลูกสาวอีก 2 คน หลังจากกินข้าวแล้วลุงกับป้าของฉันบอกว่าคืนนี้จะนอนที่เรือ ฉันแปลกใจเพราะปกติต้องเป็นฉันที่ไปนอนที่เรือ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตกลงคืนนั้นพวกเราก็นอนที่บ้านหลังนั้นโดยเจ้าของบ้านให้เรานอนชั้นบน นี่ก็น่าแปลก ธรรมดาเจ้าของบ้านต้องนอนชั้นบน และให้แขกนอนชั้นล่าง
พอขึ้นไปบนบ้าน สิ่งที่เห็นสิ่งแรกก็คือห้องที่มีผ้ายันต์ปิดหน้าประตู ฉันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ห้องที่พวกเรานอนคือบริเวณห้องโถงซึ่งเชื่อมต่อกับระเบียงโดยตลอด ไม่มีผนังข้างหน้ามีแต่ด้านข้างและด้านหลัง ส่วนห้องที่มียันต์ปิดนั้นก็อยู่ในห้องโถงอีกที เราช่วยกันกางมุ้งแยกเป็นมุ้งชายและมุ้งหญิง คนที่นอนติดกับประตูที่ปิดยันต์คือน้องชายคนสุดท้อง ส่วนฉันนอนริมสุดติดกับโต๊ะเล็กตัวหนึ่งซึ่งมีโกฐบรรจุกระดูกวางอยู่ 3 อัน ทุกคนหวาดกลัวกันทั่วหน้าด้วยบรรยากาศของสถานที่ กว่าจะนอนได้ก็ดึก
ฉันพยายามข่มใจให้หลับ จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างมาทับมุ้งจนเอนไปข้างหนึ่ง แล้วยังทับขาของฉันด้วย ฉันตาเบิกโพลงแต่ไม่กล้ามอง ฉันนอนไม่กระดิกตัวแม้แต่น้อย จะปลุกคนอื่นก็เกรงจะไม่ได้นอนกันจนถึงเช้า ถึงจะหวาดกลัวแค่ไหนแต่ก็ดึงสติกลับมาได้ เริ่มคิดไปต่างๆ นานาว่ามันคืออะไร ความรู้สึกที่โดนทับเหมือนกับคนเอาหัวมาหนุนที่ขา เพราะอุ่นๆ และนุ่ม แต่ใครจะเอาหัวมาหนุน ดึกป่านนี้แล้วใครจะมาเล่นอยู่ พยายามนึกในใจเข้าข้างตัวเองว่าเป็นแมวแล้วผลักมันออกไปทันที แล้วมันก็ไม่มาทับอีก จึงนอนหลับลงได้ ตอนเช้าลุงกับป้าที่นอนในเรือมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนตอนนอนในเรือมีนกมาร้องเสียงน่ากลัวทั้งคืนเลยนอนไม่หลับ และเรือยังโคลงเคลงเหมือนมีคนมาจับโยกอีกด้วย ลุงถามว่าเราเจออะไรบ้างไหม พี่ชายบอกว่าไม่มีอะไร ฉันไม่แน่ใจจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป แล้วก็มองหาอะไรบางอย่างที่สงสัยว่าเป็นแมว แต่ก็ไม่พบสักตัวในบ้านหลังนั้น
เมื่อเราไปตรวจข้าว พบว่าข้าวยังไม่แก่ดี ยังเกี่ยวไม่ได้ นับเป็นโชคดีที่ไม่ต้องนอนค้างบ้านหลังนั้นอีก แล้วเราก็อำลาเจ้าของบ้าน เมื่อเจอร้านค้าแถวนั้นก็จอดเรือแวะซื้อของ พวกเราลองถามเจ้าของร้านเกี่ยวกับประวัติบ้านหลังนั้น เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนบ้านหลังนั้นมีกัน 5 คน คือเจ้าของบ้านและเมียเขา ลูกชายคนหนึ่งและลูกสาวสองคน เมียของเจ้าของบ้านตกเลือดตายทั้งกลมที่ระเบียงบ้าน ส่วนลูกชายคนโตป่วยเป็นไข้ตาย ส่วนอีกโกศหนึ่งไม่ทราบว่าเป็นของใคร แต่ที่ยังสงสัยไม่หายคือ คืนนั้น อะไรที่นอนทับขาฉัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น