ชีวิตสมัยเป็นนักศึกษานั้นมันช่างเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย โดยเฉพาะชีวิตนักศึกษาที่ต้องอยู่ประจำหอพักในมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยของฉันนั้นอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าใดนัก บางคนก็มาเรียนแบบเช้าไปเย็นกลับแต่ฉันพักอยู่ที่หอพักของมหาวิทยาลัย
หอพักหญิง 2 อาคารนี้ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างจากอาคารเรียนพอสมควร เวลาไปเรียนพวกเราเด็กหอมักจะนิยมเดินเลาะไปตามถนนใหญ่เรื่อยๆ มาจนถึงบริเวณที่เป็นสระน้ำ แล้วก็เดินข้ามสะพานข้ามเชื่อมโยงระหว่างบริเวณอาคารเรียนกับทางเดินไปยังหอพัก ทางจะค่อนข้างเปลี่ยวในยามค่ำคืน อย่างไรก็ตามพวกเรามักจะนิยมนั่งพักคุยกันริมสระน้ำ และมักจะมีเรื่องเล่าขานต่อๆ กันมาว่าบริเวณทางเดินแห่งนี้เป็นบริเวณที่น่ากลัวมากในยามค่ำคืน เพราะจะมีคนเห็นอะไรแปลกๆ โดยไม่คาดฝันเสมอโดยเฉพาะเวลายามวิกาล ถ้าใครมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เส้นทางนี้เดินกลับไปยังหอพักเพียงคนเดียวแล้วละก็คงจะต้องจ้ำอ้าวเพื่อให้ถึงที่หมายเร็วๆ ฉะนั้นพวกเราน้องใหม่จึงไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่มนับวันเรื่องแบบนี้ก็ยิ่งหนาหูขึ้น บ้างก็เล่าว่าหอพักชายบ่อยครั้งในยามดึกมักจะพบเห็นผู้หญิงแต่งตัวในชุดไทยเดินปรากฏกายให้เห็นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสวยงาม แต่ถ้าโชคร้ายก็อาจจะมาในรูปที่น่าเกลียดน่ากลัว
เมื่อวันเวลาผ่านไปเรื่องเช่นนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะที่หอหญิง มีบางคนเล่าว่า ในเวลากลางคืนมักจะได้ยินเสียงดนตรีไทย เมื่อเสียงเริ่มชัดเจนและใกล้เข้ามาก็ทนไม่ไหว สงสัยว่าใครหนอมานั่งเล่นเพลงไทยเดิมในยามวิกาลเงียบสงัดเช่นนี้ หนักเข้าความอยากรู้อยากเห็นทำให้ลุกขึ้นมากลางดึกออกจากห้องพักไปตามเสียงเพลง ครั้นพอมาถึงห้องนั่งดูทีวีก็แทบช็อคหมดสติ ยืนตัวแข็งนิ่งอยู่กับที่ เพราะภาพที่ปรากฏต่อสายตาคือสตรีหลายนางแต่งชุดไทยเดิมนั่งพับเพียบบรรเลงเพลงไทยอยู่เต็มห้อง แค่ได้ยินคำเล่าขานเท่านั้นฉันยังขนลุกซู่ ถ้าต้องประสบกับตัวเองยังเดาไม่ออกว่าจะเป็นเช่นไร
การรับน้องหอจะมีเป็นประจำทุกคืนไม่มีการยกเว้น ในบรรดานักศึกษาปี 1 ทั้งหมด พวกเราทุกคนต่างพากันอิจฉาก้อย เพราะก้อยร่างกายไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัว ดังนั้นก้อยจึงถูกยกเว้นไม่ต้องร่วมกิจกรรมรับน้องหอ แต่ก็ต้องนอนพักอยู่ในห้องนอนเพียงลำพังคนเดียวทุกคืนเช่นกัน และแล้วในคืนหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในขณะที่รุ่นพี่กำลังรับน้องอยู่ ก้อยก็วิ่งร้องไห้ลงมาจากห้องนอนบนหอ ก้อยละล่ำละลั่กเล่าว่า ขณะเคลิ้มครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้น ได้เห็นหญิงชราคนหนึ่งใส่ชุดไทยเดินเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆ ใบหน้าของหญิงชรานั้นเฉยเมยไม่ยิ้มแย้มเลยในขณะที่เอ่ยปากถามอาการของก้อย “เป็นไงบ้าง....รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” ทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพเหมือนฝันนั้นเอง ก้อยก็ตอบไปว่า “ก็ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” ในใจก็ยังสงสัยอยู่ว่าหญิงชราคนนี้เป็นใครกันหนอ แล้วเข้ามาในห้องตอนไหนกัน แต่ไม่ทันที่ก้อยจะอ้าปากถาม หญิงชราคนนั้นก็แสยะยิ้มปากกว้างถึงใบหูพร้อมทั้งพูดว่า “นึกว่ายังไม่ดีขึ้น...จะได้เอาไปอยู่ด้วย” ก้อยจึงรีบดีดตัวขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งลงมาหาพวกเราทั้งชุดนอนในทันที
หลังจากเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้น พวกเราก็วิตกกังวลและกลัวผีมากขึ้น จนกระทั่งต้องไปสืบถามถึงต้นเหตุ และก็ได้คำตอบว่าหอพักนักศึกษาหญิงนี้เคยเป็นแดนประหารในอดีตมาก่อน ดังนั้นจึงมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น