วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ผีเจดีย์ร้าง



ผมเคยรู้จักหมอผีชื่อดังคนหนึ่งที่เชียงใหม่ แกเป็นทั้งหมอผีและหมอทำเสน่ห์ยาแฝดให้ผัวรักเมียหลง แกได้เล่าให้ผมฟังถึงการได้รับลายแทงบอกที่ซ่อนขุมทรัพย์ฉบับหนึ่ง ระบุทรัพย์สินเงินทองที่ฝังไว้ใต้ฐานเจดีย์ร้างที่วัดร้างแห่งหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำปิง ภายในบริเวณมีเจดีย์ร้างเก่าแก่สูงประมาณ 8 เมตร และมีตึกร้างสีแดงขนาดใหญ่สร้างไว้หลังหนึ่งตั้งอยู่ข้างหลังเจดีย์ รอบด้านไม่มีบ้านพักอาศัยเป็นสถานที่ซึ่งเงียบเชียบมาก เนื่องจากชาวบ้านลือกันว่า ที่นี่ผีดุมาก วันพระวันโกนปรากฏมีเสียงร้องโหยหวนมาจากตึกแดงหลังนี้อยู่เนืองๆ



วันหนึ่งหมอผีท่านนี้ก็ชวนบริวารลูกศิษย์ลูกหาไปลักขุดตามแผนที่ลายแทงในเวลาค่อนข้างดึกที่อับแสงเดือนดาว อากาศอ้าวทึบ แม้แต่ใบไม้ก็ไม่ไหวติง โดยก่อนจะขุดหาสมบัติก็ได้มีการจุดธูปเทียนบอกกล่าวเซ่นไหว้ของคาวหวานต่อเจ้าที่เจ้าทางและภูตผีบรรดามีอันเฝ้าอาศัยอยู่ ณ เจดีย์ร้างแห่งนี้ แล้วจอมขมังเวทย์หมอผีชื่อดังก็เริ่มร่ายเวทมนตร์สยบผี โดยไม่ลืมวนด้ายสายสิญจน์รอบตัวทุกคน



หมอผีชื่อดังเล่าให้ผมฟังด้วยขวัญที่ยังระทึกอยู่ไม่หายว่า เวลาค่อนดึกของคืนนั้นเยือกเย็นและวังเวงอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศทึมๆ เหมือนจะถูกอะไรสักอย่างกดทับเอาไว้ แสงเดือนข้างแรมรุบรู่สลัวมัว เสียงจักจั่นที่เคยกรีดปีกเพรียกร้องกล่อมไพรกลับนิ่งเงียบ เงียบสนิท นานๆ จะมีนกกลางคืนบินพึบพับล่าเหยื่อผ่านมาสักครั้ง



ลมเย็นหอบหนึ่งกระโชกพัดมากระทบกายอย่างแรงจนแสงไฟจากเทียนพิธีดับ เสียงหมาหอนเยือกเย็นแว่วรับกันเป็นทอดๆ จากบ้านไกลมาบ้านใกล้



ขณะนั้นเอง ใต้ฐานเจดีย์มีเสียงขึกๆ ขักๆ ดังจากซ้ายไปขวา จากขวามาซ้าย คล้ายเกิดการเคลื่อนย้ายสิ่งของหนักๆ ด้วยคนหลายคน ลูกศิษย์คนหนึ่งของหมอผีรีบจุดเทียนพิธีด้วยมือที่สั่นเทาและหัวใจที่จะหยุดเต้นเสียให้ได้ เสียงบริกรรมเวทมนตร์ก็ละล่ำละลักดังกระชั้นถี่ ฉับพลันนั้นเองท่านหมอผีก็กระชากดาบลงอาคมปักไปตรงบริเวณเสียงที่ดังลั่นขึกๆ อยู่ใต้ดิน โดยปักล้อมรอบไว้ทั้งสี่ทิศเพื่อสกัดกั้นผีเฝ้าขุมทรัพย์มิให้ขนย้ายสิ่งของหลบหนี



ทันใด บนยอดเจดีย์มีเสียงร้องครวญครางราวกับได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส ลมกลุ่มหนึ่งครางหวีดหวิวมาแต่ไกลแล้วกระโชกกระทบพวกเขาอย่างรุนแรง จนแสงเทียนพิธีดับลงอีกครั้งหนึ่ง หมอผีชื่อดังรีบยกจอบหมายขุดตรงบริเวณที่ใช้ดาบปักล้อมไว้ข้างฐานเจดีย์ ขณะยกจอบเงื้อง่าจะขุดก็ล้มหงายหลังอย่างแรงเหมือนมีใครมากระชาก พวกลูกศิษย์ก็แตกฮือไม่รู้ใครในกลุ่มเผ่นกระโจนออกนอกวงก่อน แล้วเสาปักด้ายสายสิญจน์ก็ล้มลงทั้งสี่ด้าน พวกเขาพากันเผ่นกระโจนออกนอกรั้วโดยไม่ต้องมีใครสั่ง หมอผีเองก็เผ่นกระโจนตามกันออกมาชนิดตัวใครตัวมัน



หมอผีเล่าว่าพวกเขาเป็นไข้หัวโกร๋นกันไปหลายวันแล้วก็เข็ดขี้อ่อนขี้แก่ ไม่ยอมเป็นนักธรณีวิทยานอกระบบขุดค้นสมบัติลายแทงกันอีก ไม่ว่าลายแทงจะระบุว่ามีสมบัติมากเท่าไรก็ตามก็ไม่ขอแตะต้องอีกชั่วชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น