วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ขายอายุด้วยชีวิต

เมื่อหลายปีก่อน พ่อของผมป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ รักษากี่หมอๆ ก็ไม่หาย ไปโรงพยาบาล 4-5 แห่งทั้งของรัฐและเอกชน อาการก็ไม่ดีขึ้น หมอเองก็บอกไม่ได้ว่าพ่อผมแพ้อะไร ทุกคนในครอบครัวเป็นทุกข์กันมากเพราะถ้าขาดพ่อไปคนหนึ่งแล้วครอบครัวเราจะลำบากมาก หลังจากที่จนปัญญาไม่รู้จะรักษาที่ไหนให้หายแล้ว จึงได้แต่รักษาตามหมอชาวบ้าน รักษาแผนโบราณไปตามเรื่องตามราว ใครบอกว่าที่ไหนมียาดีก็ไปเสาะแสวงหามาให้พ่อกิน พ่อผมมีอาการไอมากจนหอบ อาหารก็ไม่ยอมทาน บอกแต่ว่าเหม็นๆ ได้แต่เพ้อว่า “ไม่อยากตายตอนนี้เลย พ่อรู้ว่าถ้าพ่อตาย พวกลูกๆ และแม่จะลำบาก” แม่ผมได้ยินแล้วก็ได้แต่ร้องไห้ น้องๆ ผมที่กำลังซนกลับกลายเป็นเด็กเรียบร้อยไปเลยทีเดียว คอยช่วยผมและแม่ดูแลพ่อ พักหลังพ่อผมเริ่มหอบมากขึ้น ต้องส่งไปโรงพยาบาลเพื่อให้ออกซิเจนตลอดเวลา ผมสังเกตว่าใบหน้าของพ่อหมองคล้ำ ผิวหนังแทบจะเรียกว่าดำเลยทีเดียวก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่พ่อผมเป็นคนผิวขาว มีญาติคนหนึ่งบอกกับผมว่า “สงสัยพ่อเอ็งคงจะถึงฆาตแน่แล้ว เพราะคนป่วยไม่มีราศีเลย ตาแดง แห้งผาก หน้าดำหมองคล้ำ โบราณเขาว่าอย่างนี้แหละคนใกล้ตาย” ผมไปถามแม่ แม่ก็ได้แต่พูดว่า “อีกไม่นานพ่อแกต้องหายเชื่อแม่เถอะ” ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้แม่มั่นใจอย่างนั้น

มีอยู่วันหนึ่งแม่ผมบอกว่าดูแลพ่อให้ดีแม่จะไปธุระ พอผมถามแม่ว่าจะไปไหนแม่ก็ไม่ยอมบอก พอแม่กลับมายังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถามแม่ก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “พ่อเอ็งต้องหาย พ่อเอ็งไม่ตายหรอก เชื่อแม่เหอะ” พูดเสร็จแม่ก็เดินไปดูแลพ่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน พ่อผมมีอาการดีขึ้นจนหายเกือบจะเป็นปกติ มีบางครั้งที่พ่อต้องใช้ยาบ้างเท่านั้น สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้ทั้งผมและญาติพี่น้อง มีคนถามว่า “กินยาอะไร ไปรักษากับหมอที่ไหนถึงได้หาย” ผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน
แล้วครอบครัวผมก็มีความสุขกันอีกครั้ง พ่อผมไปทำงานได้ตามปกติ ร่างกายแข็งแรงเหมือนคนไม่เคยป่วย แต่แล้วความสุขก็อยู่กับครอบครัวผมได้ไม่นาน จู่ๆ แม่ผมก็ป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ อาการมีแต่ทรุดลงและเสียชีวิตภายในเวลาไม่ถึง 2 อาทิตย์เท่านั้น หลังจากเสร็จงานศพแม่แล้ว พ่อก็เอาแต่กินเหล้า เวลาเมาก็พูดแต่ว่า “ไม่น่าเลยๆ ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้” ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจ แต่ที่แน่ๆ คือทำให้ผมและน้องขวัญเสียมากขึ้นไปอีก ผมเสียใจที่แม่ตายมากพอแล้วยังต้องมาเสียใจที่พ่อเมาเหล้าอีก

ตอนหลังผมรู้มาจากญาติทางแม่คนหนึ่งว่า ที่พ่อผมเป็นอย่างนี้เพราะมีคนมาบอกพ่อว่าตอนที่พ่อผมป่วยใกล้ตายคราวนั้น แต่รอดมาได้ก็เพราะแม่ผมไปต่ออายุให้พ่อโดยเอาอายุของแม่ให้พ่อถึง 10 ปี แล้วหลังจากนั้นไม่นานแม่ผมก็ตาย!!!

เรื่องนี้อาจไม่น่ากลัวเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ก็เป็นอุทาหรณ์ที่ดีให้รู้ว่าคนเราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ดังนั้นเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ควรมั่นทำความดีและดูแลคนที่เรารักและรักเราให้มากๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น