วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิญญาณหลุดออกจากร่าง

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรมไม่มีใครหลีกเลี่ยงพ้นเป็นไปตามชะตากรรม
ดิฉันเป็นคนที่เจ็บป่วยง่ายเป็นโรคหลายอย่าง เริ่มป่วยหนักเมื่อต้นปี 2535 โรคที่เป็นบ่อยครั้งคือเป็นลมขณะที่หลับ รู้สึกตัวก็ไม่สามารถจะช่วยตัวเองได้แถมมีอาการใจสั่น หัวใจเต้นอ่อน มือเท้าอ่อน มีเหงื่อออกเป็นเม็ดๆ ไม่มีเสียงแม้จะเรียกขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน ได้แต่ให้กำลังใจตัวเอง อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิด ตายเป็นตาย ดิฉันต้องไปพบแพทย์อยู่เป็นประจำและถามหมอว่าเป็นอะไร หมอบอกเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ


วันที่ 18 มิ.ย. 35 หลังจากดิฉันทานอาหารเช้าและทานยาแล้วก็นอน พอเอนหลังลงนอนตะแคงขวายังไม่ทันหลับอยู่ในลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น รู้สึกว่าตัวเบาหวิว โปร่งสบาย หายจากเหนื่อยในทันที แต่เมื่อมองไปที่เตียง เอ๊ะ…นั่นตัวเรานี่ และที่ยืนอยู่นี่ก็ตัวเรา ดิฉันตกใจมากคิดว่าตัวเองตายแล้วหรือ ดิฉันลองพยายามกลับเข้าร่างแต่ก็ทำไม่ได้ จึงคิดจะออกไปหาลูก น่าประหลาดดิฉันออกไปได้โดยไม่ต้องเปิดประตู ทะลุประตูออกไปเลย เห็นลูกกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ดิฉันจึงเอื้อมมือไปจับแขนลูก แต่ก็เห็นแขนตัวเองโปร่งใสเหมือนแก้ว จับแขนลูกๆ ก็ไม่รู้สึก ไม่หันมามองด้วยซ้ำ ดิฉันกลับมาที่เตียงนอนอีก ยืนดูร่างตัวเองอย่างเศร้าเสียใจ และเสียดายที่ต้องจากคนที่เรารักโดยไม่มีโอกาสร่ำลา มีความรู้สึกว่าหมดเวลาถึงคราวจะต้องไป พอคิดได้ว่าจะต้องไปแน่ๆ ก็ตั้งใจเป็นสมาธิ ดิฉันทำใจให้เป็นสมาธิภาวนาคำว่าพุทโธสามครั้ง ชั่วพริบตาดิฉันก็รู้สึกว่าตัวดิฉันกลับเข้าร่างแล้ว รวดเร็วจนไม่รู้สึกตัว พอเข้าร่างได้ดิฉันรีบลุกขึ้นทันที อาการป่วยนั้นลืมเสียสนิท รีบเปิดประตูออกมาหาลูกซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ดิฉันดีใจมากโผเข้ากอดลูกจนลูกตกใจถามว่าแม่เป็นอะไร ดิฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลูกฟังแล้วต่างก็กอดกันกลม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น